
Sign up to save your podcasts
Or


อีกประเด็นนึงก็คือความคิด
ในชีวิตประจําวันเราใช้ความคิด
ถึงเรานิยามว่ามีจิตอยู่ ก็เพราะว่าความคิดมันทํางาน
ความคิดนี่อาศัยอะไร
อาศัยสัญญาความจำ ความคิดคือผลิตผลของความจํา
แล้วในหมวดแห่งการหลับ ประสาทสัมผัสในส่วนของความจํามันหยุดการทํางาน
อย่าลืมนะพระอาจารย์
บอกอุบายวิธีหลายครั้งแล้วว่า
ใน 5 นาทีสุดท้ายก่อนที่จิตจะเคลื่อนเข้าสู่โหมดแห่งการหลับอย่างจริงจัง
อารมณ์ที่จิตรับรู้จะเป็นอารมณ์อดีตทั้งหมด
ไม่ใช่อารมณ์อนาคตนะ
อดีตก็มันก็จะน้อยลงเบาบางลง น้อยลงเบาลง จนกระทั่งว่าสัญญาความจําสุดท้ายหายไป
การรับรู้ของจิตก็หายไปด้วยนั่นก็คือเรานิยามว่าความหลับ
ทั้งเจ้าของคําถามก็ถามว่า
พอเขาตื่นขึ้นมาเขาก็รู้สึกมีคําถามว่าเอ๊ะในช่วงที่ฉันหลับนะ
ตัวฉันแล้วจิตของเขามันอยู่ที่ไหน
มันน่ากลัวมากนะเราอยู่กับความไม่รู้ ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่ามันมีตัวเราอีกมีจิตอีก
อันนี้ก็เอาง่ายง่ายก็คือสัญญาเมื่อใดที่ประสาทสัมผัสส่วนของความจำหยุดการทํางานเมื่อนั้น
จิตก็หยั่งลงสู่ความหลับ
อันนี้หมายถึงผู้ที่ยัง
ไม่ถึงการปฏิบัติธรรมขั้นสูงนะ
เราอย่าลืมนะในโลกียะ
การรับรู้ของจิตมีองค์ประกอบสองอย่างคือความจําและความรู้สึก
ก็คือสัญญาและเวทนานั่นเอง
คําว่าสัญญาตัวนี้หยุดการทํางานซึ่งเป็นส่วนประสาทสัมผัส
ให้อิงประสาทในส่วนของบริเวณสมองนั่นแหละ
ในส่วนของความทรงจํามันหยุดทํางาน
จิตหยั่งลงสู่ความหลับ {หยั่งลงในอวิชชา}
นี้ประเด็นหนึ่งนะ
-----
บุคคลผู้เข้าถึง
สภาวะขั้นสูงสุด
บนเส้นทางของการภาวนา
บุคคลนั้นเมื่อดํารงจิตได้โดยสมบูรณ์ใน
อนุปาทิเสสนิพพานแล้ว
อย่าลืมนะนิพพานธาตุมีสองอย่าง
สอุปาทิเสสนิพพานและอนุปาทิเสสนิพพาน
ทั้งสองนิพพานนี้เป็นนิพพานของ
ของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ตายแล้วนะ
ผู้ที่ดํารงจิตได้โดยสมบูรณ์คือ
ผู้เข้าถึงอยู่ อิงอาศัยอยู่
ในระดับอนุปาทิเสสนิพพาน
ผู้นั้นจะไม่หยั่งลงสู่ความหลับ
ที่อาจารย์บางท่านใช้คําว่าเป็นผู้มีราตรีหนึ่ง
คือผู้มีราตรีเดียว เป็นผู้มีราตรีอันเจริญแล้ว
ปิยทัสสี ภิกขุ
============
นำนั่งปฏิบัติกลุ่ม Group Sitting 05-01-2025
ศูนย์วิปัสสนาวัดถ้ำดอยโตน
By Mowakee Forestอีกประเด็นนึงก็คือความคิด
ในชีวิตประจําวันเราใช้ความคิด
ถึงเรานิยามว่ามีจิตอยู่ ก็เพราะว่าความคิดมันทํางาน
ความคิดนี่อาศัยอะไร
อาศัยสัญญาความจำ ความคิดคือผลิตผลของความจํา
แล้วในหมวดแห่งการหลับ ประสาทสัมผัสในส่วนของความจํามันหยุดการทํางาน
อย่าลืมนะพระอาจารย์
บอกอุบายวิธีหลายครั้งแล้วว่า
ใน 5 นาทีสุดท้ายก่อนที่จิตจะเคลื่อนเข้าสู่โหมดแห่งการหลับอย่างจริงจัง
อารมณ์ที่จิตรับรู้จะเป็นอารมณ์อดีตทั้งหมด
ไม่ใช่อารมณ์อนาคตนะ
อดีตก็มันก็จะน้อยลงเบาบางลง น้อยลงเบาลง จนกระทั่งว่าสัญญาความจําสุดท้ายหายไป
การรับรู้ของจิตก็หายไปด้วยนั่นก็คือเรานิยามว่าความหลับ
ทั้งเจ้าของคําถามก็ถามว่า
พอเขาตื่นขึ้นมาเขาก็รู้สึกมีคําถามว่าเอ๊ะในช่วงที่ฉันหลับนะ
ตัวฉันแล้วจิตของเขามันอยู่ที่ไหน
มันน่ากลัวมากนะเราอยู่กับความไม่รู้ ตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่ามันมีตัวเราอีกมีจิตอีก
อันนี้ก็เอาง่ายง่ายก็คือสัญญาเมื่อใดที่ประสาทสัมผัสส่วนของความจำหยุดการทํางานเมื่อนั้น
จิตก็หยั่งลงสู่ความหลับ
อันนี้หมายถึงผู้ที่ยัง
ไม่ถึงการปฏิบัติธรรมขั้นสูงนะ
เราอย่าลืมนะในโลกียะ
การรับรู้ของจิตมีองค์ประกอบสองอย่างคือความจําและความรู้สึก
ก็คือสัญญาและเวทนานั่นเอง
คําว่าสัญญาตัวนี้หยุดการทํางานซึ่งเป็นส่วนประสาทสัมผัส
ให้อิงประสาทในส่วนของบริเวณสมองนั่นแหละ
ในส่วนของความทรงจํามันหยุดทํางาน
จิตหยั่งลงสู่ความหลับ {หยั่งลงในอวิชชา}
นี้ประเด็นหนึ่งนะ
-----
บุคคลผู้เข้าถึง
สภาวะขั้นสูงสุด
บนเส้นทางของการภาวนา
บุคคลนั้นเมื่อดํารงจิตได้โดยสมบูรณ์ใน
อนุปาทิเสสนิพพานแล้ว
อย่าลืมนะนิพพานธาตุมีสองอย่าง
สอุปาทิเสสนิพพานและอนุปาทิเสสนิพพาน
ทั้งสองนิพพานนี้เป็นนิพพานของ
ของผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ตายแล้วนะ
ผู้ที่ดํารงจิตได้โดยสมบูรณ์คือ
ผู้เข้าถึงอยู่ อิงอาศัยอยู่
ในระดับอนุปาทิเสสนิพพาน
ผู้นั้นจะไม่หยั่งลงสู่ความหลับ
ที่อาจารย์บางท่านใช้คําว่าเป็นผู้มีราตรีหนึ่ง
คือผู้มีราตรีเดียว เป็นผู้มีราตรีอันเจริญแล้ว
ปิยทัสสี ภิกขุ
============
นำนั่งปฏิบัติกลุ่ม Group Sitting 05-01-2025
ศูนย์วิปัสสนาวัดถ้ำดอยโตน