
Sign up to save your podcasts
Or


จิตเนี่ยมันเริ่มมันรับรู้อารมณ์แล้วเนี่ย
ทางทวารทางช่องทางทั้ง ๖ นะ
มันไปรับรู้วิญญาณ
วิญญาณก็ทําหน้าที่รับรู้อารมณ์แต่ละขณะผ่านช่องทางการเห็นได้ยินได้กลิ่นลิ้มรสสัมผัส
ผ่านความคิดนึกนะ ผ่านความคิด
รู้แล้ว เห็นแล้วเนี่ย มันจบลงตรงนั้นไหม จบลงที่การเห็นทางตาการได้ยินทางหู
กระบวนการรับรู้ไม่ได้จบลงตรงนั้น !
กระบวนการรับรู้จะมาจบที่มโนวิญญาณ
พี่พระพุทธองค์ท่านตรัส ที่พระอาจารย์ยกพระสูตรมาบ่อยครั้ง
.
กระบวนการรับรู้มันมีขั้นตอนยังไงมีสเต็ปยังไง
ตาไม่บอด หูไม่หนวกเนี่ย
ก็จะรับรู้นะรับรู้คือตัววิญญาณธาตุ ก็จะทําหน้าที่ไปรู้อารมณ์ทาง
อายตนะหรือว่าทางช่องทางทั้ง ๖
ได้เห็นได้ยินได้กลิ่นลิ้มรสสัมผัส มันจะจบลงที่ความคิดนึกเสมอ
คืออายตนะภายนอก อายนะภายในกระทบกันแล้ว
วิญญาณไปรับรู้อารมณ์นั้นว่า มีคลื่นของอารมณ์
เข้ามาสัมผัสกับจักขุประสาท มาสัมผัสกับโสตประสาทนี่มีธาตุรู้ขึ้นมา
ตัวธาตุรู้ตัวนี้ก็เรียกว่าวิญญาณ
.
รู้อารมณ์ทางการเห็นทางตานี้เรียกว่าจักขุวิญญาณ
รู้อารมณ์ทางหูนี่ เค้าเรียกว่าโสตะวิญญาณ
อายตนะภายนอก อายตนะภายใน
วิญญาณธาตุรู้ธรรม ๓ อย่างนี้ภิกษุทั้งหลายเป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ
.
มาละโลกแห่งความคิด โลกแห่งความนึก
โลกแห่งการเปรียบเทียบ โลกของข้อมูลมาละ
ก็คือก็คือตัวผัสสะ
ผัสสะตัวนี้ ที่เราเคยได้ยินทั่วไปนะ
ผัสสะทางตา ผัสสะทางหู ผัสสะอันนี้ก็ผัสสะเหมือนกันแต่ว่าไม่ใช่ผัสสะที่เป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา
ในปฏิจจสมุปบาทที่ว่า "ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา เวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา"
ผัสสะในปฏิจจสมุปบาทหมายถึงมโนสัมผัสนะ
มโนสัมผัส หรือในพระสูตรใช้คําว่า "สัญเจตนา"
ก็คือจิตไปสัมผัสกับความต่าง ไปสัมผัสกับความหลากหลายของความจํา
มันจำอะไรล่ะความหลากหลาย
มันจําอารมณ์กับความหลากหลายทางอารมณ์
* ปิยทัสสี ภิกขุ *
By Mowakee Forestจิตเนี่ยมันเริ่มมันรับรู้อารมณ์แล้วเนี่ย
ทางทวารทางช่องทางทั้ง ๖ นะ
มันไปรับรู้วิญญาณ
วิญญาณก็ทําหน้าที่รับรู้อารมณ์แต่ละขณะผ่านช่องทางการเห็นได้ยินได้กลิ่นลิ้มรสสัมผัส
ผ่านความคิดนึกนะ ผ่านความคิด
รู้แล้ว เห็นแล้วเนี่ย มันจบลงตรงนั้นไหม จบลงที่การเห็นทางตาการได้ยินทางหู
กระบวนการรับรู้ไม่ได้จบลงตรงนั้น !
กระบวนการรับรู้จะมาจบที่มโนวิญญาณ
พี่พระพุทธองค์ท่านตรัส ที่พระอาจารย์ยกพระสูตรมาบ่อยครั้ง
.
กระบวนการรับรู้มันมีขั้นตอนยังไงมีสเต็ปยังไง
ตาไม่บอด หูไม่หนวกเนี่ย
ก็จะรับรู้นะรับรู้คือตัววิญญาณธาตุ ก็จะทําหน้าที่ไปรู้อารมณ์ทาง
อายตนะหรือว่าทางช่องทางทั้ง ๖
ได้เห็นได้ยินได้กลิ่นลิ้มรสสัมผัส มันจะจบลงที่ความคิดนึกเสมอ
คืออายตนะภายนอก อายนะภายในกระทบกันแล้ว
วิญญาณไปรับรู้อารมณ์นั้นว่า มีคลื่นของอารมณ์
เข้ามาสัมผัสกับจักขุประสาท มาสัมผัสกับโสตประสาทนี่มีธาตุรู้ขึ้นมา
ตัวธาตุรู้ตัวนี้ก็เรียกว่าวิญญาณ
.
รู้อารมณ์ทางการเห็นทางตานี้เรียกว่าจักขุวิญญาณ
รู้อารมณ์ทางหูนี่ เค้าเรียกว่าโสตะวิญญาณ
อายตนะภายนอก อายตนะภายใน
วิญญาณธาตุรู้ธรรม ๓ อย่างนี้ภิกษุทั้งหลายเป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ
.
มาละโลกแห่งความคิด โลกแห่งความนึก
โลกแห่งการเปรียบเทียบ โลกของข้อมูลมาละ
ก็คือก็คือตัวผัสสะ
ผัสสะตัวนี้ ที่เราเคยได้ยินทั่วไปนะ
ผัสสะทางตา ผัสสะทางหู ผัสสะอันนี้ก็ผัสสะเหมือนกันแต่ว่าไม่ใช่ผัสสะที่เป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา
ในปฏิจจสมุปบาทที่ว่า "ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิดเวทนา เวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา"
ผัสสะในปฏิจจสมุปบาทหมายถึงมโนสัมผัสนะ
มโนสัมผัส หรือในพระสูตรใช้คําว่า "สัญเจตนา"
ก็คือจิตไปสัมผัสกับความต่าง ไปสัมผัสกับความหลากหลายของความจํา
มันจำอะไรล่ะความหลากหลาย
มันจําอารมณ์กับความหลากหลายทางอารมณ์
* ปิยทัสสี ภิกขุ *