
Sign up to save your podcasts
Or


ไต้หวันจัดงานรำลึกครอบรอบ 80 ปี ชัยชนะสงครามยุโรป
ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กล่าวสุนทรพจน์ในโอกาสครบรอบ 80 ปี ชัยชนะสงครามยุโรป ท่ามกลางคณะทูตานุทูตและผู้แทนประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมอย่างคับคั่ง ซึ่งไต้หวันจัดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงไทเป โดยผู้นำไต้หวันกล่าวย้ำว่า ผู้รุกรานจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน และเรียกร้องให้ประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวเพื่อต่อต้านการรุกรานและสงคราม
ผู้นำไต้หวันย้ำว่า ในโอกาสครบรอบ 80 ปี แห่งชัยชนะสงครามยุโรป มีความหมายสำคัญ 3 ประการได้แก่ ชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้วางรากฐานให้แก่ความสามัคคีของประชาชนทั่วโลก ร่วมกันต่อต้านการรุกราน แสวงหาความมุ่งมั่นและปฏิบัติการเพื่อสันติภาพที่แท้จริง การใช้กำลังอาวุธรุกรานประเทศอื่น ล้วนเป็นอาชญากรรมที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ประการที่ 2 ประเทศที่เป็นผู้นำต่อต้านสงครามในขณะนั้นได้พัฒนาตัวเองกลายเป็นประเทศประชาธิปไตย มีสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เสรีภาพประชาธิปไตยจะนำมาซึ่งการพัฒนาของประเทศชาติ เผด็จการและการรุกรานจะนำมาซึ่งการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เท่านั้น ส่วนความหมายประการสุดท้ายคือ หากเล็งเห็นคุณค่าแห่งประชาธิปไตยก็ไม่อาจเฉยเมยกับการรุกรานได้ การเกิดสงครามในยุโรปก็มาจากการมองข้ามการรุกราน ไต้หวันกับยุโรปต่างกำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของเผด็จการรูปแบบใหม่ เราไม่อาจลืมบทเรียนแห่งประวัติศาสตร์ได้ ประเทศที่รักในเสรีภาพทั่วโลกจักต้องสามัคคีและร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
ผู้นำไต้หวันระบุว่า วันนี้เมื่อ 80 ปีก่อน ตัวแทนของนาซีได้ยอมแพ้ต่อกองทัพสัมพันธมิตร ซึ่งเป็นจุดยุติลงของสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากนั้นกองทัพสัมพันธมิตรก็ได้เคลื่อนพลวางกำลังในมหาสมุทรแปซิฟิก หลังจากนั้นเพียง 3 เดือน สงครามในแปซิฟิกก็ยุติลง
ผู้นำไต้หวันระบุว่า ชัยชนะในสงครามยุโรป เป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดลงที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน และเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความหวังของมวลมนุษยชาติหลังสงคราม ชัยชนะของสงครามยุโรป ยิ่งต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งในงานรำลึกครั้งแรกในไต้หวันวันนี้ ย่อมเป็นที่ประจักษ์ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมีผู้แทนจาก 17 ประเทศและสหภาพยุโรปร่วมเป็นสักขีพยานด้วย
ชัยชนะของสงครามในยุโรปมีความหมายสำคัญ 3 ประการด้วยกันได้แก่ การเสริมสร้างความสามัคีให้แก่มวลมนุษยชาติให้ร่วมกันต่อต้านการุกราน ปกป้องประเทศชาติ แสวงหาสันติภาพที่แท้จริง ประวัติศาสตร์ได้บอกกับเราว่า ไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือรูปการจิตสำนึกใด ๆ เป็นข้ออ้างในการใช้กำลังอาวุธรุกรานประเทศอื่น ล้วนเป็นอาชญากรรมที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งจะต้องประสบกับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ความสามัคคีเพื่อปกป้องประเทศที่เป็นหุ้นส่วนเสรีภาพประชาธิปไตย จะต้องได้รับชัยชนะในที่สุดอย่างแน่นอน
ในอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนข้างหน้า เราก็จะร่วมกันรำลึกครบรอบ 81 ปี การยกพลขึ้นบกนอร์ม็องดี หรือชื่อรหัสว่า ปฏิบัติการเนปจูน กองทัพสัมพันธมิตรได้ส่งพลร่มและยกพลขึ้นบก ต่อสู้กับศัตรูอย่างองอาจ ร่วมกันปกป้องเสรีภาพประชาธิปไตยและสันติภาพ
ความหมายประการที่ 2 ประเทศแกนนำกลุ่มสัมพันธมิตรเป็นประเทศประชาธิไตยร้อยเปอร์เซ็นต์ และมีสันติภาพที่แท้จริง ได้รับความเคารพจากทั่วโลก ซึ่งเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า เสรีภาพและประชาธิปไตยจึงจะสามารถนำมาซึ่งความรุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาลย์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งมีเพียงการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่านั้น จึงจะการเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับและการเคารพจากผู้คน ส่วนประเทศเผด็จการและผู้รุกรานจะนำมาซึ่งการเข่นฆ่า โศกนาฏกรรม และไม่มีสันติภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไล่ฯ ยังได้ยกคำกล่าวของจอมพล ดไวต์ เดวิด ไอก์ ไอเซนฮาวร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เขียนไว้ก่อนการยกพลขึ้นบกดังกล่าวว่า “ทหารบก ทหารเรือ และนักบินของกองทัพสัมพันธมิตรที่เข้าร่วมสงคราม พวกท่านกำลังจะก้าวสู่ยุทธการอันยิ่งใหญ่ เรารู้สึกตื่นเต้นในเรื่องนี้มานานหลายเดือนแล้ว สายตาทั่วโลกกำลังจับจ้องพวกท่านอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนความหวังและคำอธิษฐานของประชาชนที่รักในเสรีภาพทั่วโลก จะอยู่เคียงข้างพวกท่าน” ข้อความดังกล่าวมีความหมายเป็นอย่างยิ่งที่เรามาร่วมกันรำลึกสงครามยุโรป และเตือนสติให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ล้ำค่าของเสรีภาพประชาธิปไตยจะต้องอาศัยพลังที่แท้จริงของตนเอง อาศัยความตื่นตัวระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา จึงจะสามารถปกป้องให้มีความมั่นคงสืบต่อไปได้
ความหมายประการที่ 3 เล็งเห็นถึงความสำคัญของสันติภาพไม่อาจมองข้ามภัยจากการคุกคามได้ การระเบิดขึ้นของสงครามยุโรป เกี่ยวข้องอย่างแนบแน่นต่ความสามานย์ของการขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ แต่การเกิดขึ้นของสงครามยุโรปทั่วทั้งทวีปเป็นเพราะพวกเราละเลยและประมาทต่อพฤติกรรมการรุกรานของประเทศเผด็จการอำนาจนิยมนั่นเอง
ไช่อิงเหวิน อดีตผู้นำไต้หวันเยือน 2 ประเทศในยุโรป พร้อมกล่าวปราศรัย 2 รายการ
สำนักงานอดีตประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน เปิดเผยว่า อดีตประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน มีกำหนดการเยือนยุโรป 2 ประเทศ ได้แก่ลิทัวเนีย และเดนมาร์ก โดยจะออกเดินทางออกจากไต้หวันในวันที่ 9 พ.ค. ศกนี้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ฝ่ายต่าง ๆ ในยุโรปมีความเข้าใจต่อไต้หวันมากยิ่งขึ้น และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับยุโรปมีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ การเยือลิทัวเนียของอดีตประธานาธิบดีไช่อิงเหวินในครั้งนี้ เป็นไปตามคำเชิญของอดีตประธานาธิบดี Dalia Grybauskaitė แห่งลิทัวเนีย โดยกำหนดการนอกจากได้พบหารือกับมิตรฝ่ายต่าง ๆ แล้ว ยังมีกำหนดการกล่าวปาฐกถา ณ มหาวิทยาลัย Vilniaus universitetasในลิทัวเนีย รวมทั้งจะมีการสนทานแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับอดีตประธานาธิบดี Dalia Grybauskaitė ด้วย ทั้งนี้ ลิทัวเนียเป็นหุ้นส่วนที่มีอุดมการณ์ใกล้เคียงกับไต้หวันที่มีความสำคัญในยุโรป อดีตผู้นำไต้หวันไม่เพียงแต่จะอาศัยโอกาสนี้แบ่งปันประสบการณ์คุณค่าแหงประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของไต้หวันให้แก่ลิทัวเนียเท่านั้น หากยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภายใต้ความพยายามร่วมกันของทั้งสองฝ่าย จะกลายเป็นหุ้นส่วนในประชาคมโลกที่มีความยืดหยุ่นทั้งทางด้านประชาธิปไตยและเศรษฐกิจ
หลังเสร็จสิ้นการเยือนลิทัวเนีย อดีตผู้หญิงคนแรกของไต้หวันท่านนี้ก็จะเยือนโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ตามคำเชิญของมูลนิธิประชาธิปไตย (Alliance of Democracies, AoD) กล่าวปาฐกถาในการประชุมซัมมิตประชาธิปไตยโคเปนเฮเกน (Copenhagen Democracy Summit) ซึ่งมีกำหนดการจัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 14 พ.ค. ศกนี้ แสดงวิสัยทัศน์และความปราถนาของไต้หวันที่ต้องการจับมือกับพันธมิตประชาธิปไตยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป รวมกันปกป้องเสถียรภาพและความปลอดภัยในภูมิภาค รวมทั้งแสดงความขอบคุณต่อการให้การสนับสนุนไต้หวันในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของมูลนิธิประชาธิปไตยด้วย
ไช่อิงเหวิน อดีตผู้นำหญิงคนแรกของไต้หวัน ออกเดินทางเยือน 2 ประเทศในยุโรปเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2568
By , Rtiไต้หวันจัดงานรำลึกครอบรอบ 80 ปี ชัยชนะสงครามยุโรป
ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กล่าวสุนทรพจน์ในโอกาสครบรอบ 80 ปี ชัยชนะสงครามยุโรป ท่ามกลางคณะทูตานุทูตและผู้แทนประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมอย่างคับคั่ง ซึ่งไต้หวันจัดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรกที่กรุงไทเป โดยผู้นำไต้หวันกล่าวย้ำว่า ผู้รุกรานจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน และเรียกร้องให้ประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวเพื่อต่อต้านการรุกรานและสงคราม
ผู้นำไต้หวันย้ำว่า ในโอกาสครบรอบ 80 ปี แห่งชัยชนะสงครามยุโรป มีความหมายสำคัญ 3 ประการได้แก่ ชัยชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้วางรากฐานให้แก่ความสามัคคีของประชาชนทั่วโลก ร่วมกันต่อต้านการรุกราน แสวงหาความมุ่งมั่นและปฏิบัติการเพื่อสันติภาพที่แท้จริง การใช้กำลังอาวุธรุกรานประเทศอื่น ล้วนเป็นอาชญากรรมที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ประการที่ 2 ประเทศที่เป็นผู้นำต่อต้านสงครามในขณะนั้นได้พัฒนาตัวเองกลายเป็นประเทศประชาธิปไตย มีสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เสรีภาพประชาธิปไตยจะนำมาซึ่งการพัฒนาของประเทศชาติ เผด็จการและการรุกรานจะนำมาซึ่งการเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เท่านั้น ส่วนความหมายประการสุดท้ายคือ หากเล็งเห็นคุณค่าแห่งประชาธิปไตยก็ไม่อาจเฉยเมยกับการรุกรานได้ การเกิดสงครามในยุโรปก็มาจากการมองข้ามการรุกราน ไต้หวันกับยุโรปต่างกำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของเผด็จการรูปแบบใหม่ เราไม่อาจลืมบทเรียนแห่งประวัติศาสตร์ได้ ประเทศที่รักในเสรีภาพทั่วโลกจักต้องสามัคคีและร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
ผู้นำไต้หวันระบุว่า วันนี้เมื่อ 80 ปีก่อน ตัวแทนของนาซีได้ยอมแพ้ต่อกองทัพสัมพันธมิตร ซึ่งเป็นจุดยุติลงของสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากนั้นกองทัพสัมพันธมิตรก็ได้เคลื่อนพลวางกำลังในมหาสมุทรแปซิฟิก หลังจากนั้นเพียง 3 เดือน สงครามในแปซิฟิกก็ยุติลง
ผู้นำไต้หวันระบุว่า ชัยชนะในสงครามยุโรป เป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดลงที่ยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน และเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความหวังของมวลมนุษยชาติหลังสงคราม ชัยชนะของสงครามยุโรป ยิ่งต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งในงานรำลึกครั้งแรกในไต้หวันวันนี้ ย่อมเป็นที่ประจักษ์ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมีผู้แทนจาก 17 ประเทศและสหภาพยุโรปร่วมเป็นสักขีพยานด้วย
ชัยชนะของสงครามในยุโรปมีความหมายสำคัญ 3 ประการด้วยกันได้แก่ การเสริมสร้างความสามัคีให้แก่มวลมนุษยชาติให้ร่วมกันต่อต้านการุกราน ปกป้องประเทศชาติ แสวงหาสันติภาพที่แท้จริง ประวัติศาสตร์ได้บอกกับเราว่า ไม่ว่าจะมีเหตุผลหรือรูปการจิตสำนึกใด ๆ เป็นข้ออ้างในการใช้กำลังอาวุธรุกรานประเทศอื่น ล้วนเป็นอาชญากรรมที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งจะต้องประสบกับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ความสามัคคีเพื่อปกป้องประเทศที่เป็นหุ้นส่วนเสรีภาพประชาธิปไตย จะต้องได้รับชัยชนะในที่สุดอย่างแน่นอน
ในอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนข้างหน้า เราก็จะร่วมกันรำลึกครบรอบ 81 ปี การยกพลขึ้นบกนอร์ม็องดี หรือชื่อรหัสว่า ปฏิบัติการเนปจูน กองทัพสัมพันธมิตรได้ส่งพลร่มและยกพลขึ้นบก ต่อสู้กับศัตรูอย่างองอาจ ร่วมกันปกป้องเสรีภาพประชาธิปไตยและสันติภาพ
ความหมายประการที่ 2 ประเทศแกนนำกลุ่มสัมพันธมิตรเป็นประเทศประชาธิไตยร้อยเปอร์เซ็นต์ และมีสันติภาพที่แท้จริง ได้รับความเคารพจากทั่วโลก ซึ่งเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า เสรีภาพและประชาธิปไตยจึงจะสามารถนำมาซึ่งความรุ่งโรจน์โชติช่วงชัชวาลย์ได้อย่างแท้จริง ซึ่งมีเพียงการเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่านั้น จึงจะการเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับและการเคารพจากผู้คน ส่วนประเทศเผด็จการและผู้รุกรานจะนำมาซึ่งการเข่นฆ่า โศกนาฏกรรม และไม่มีสันติภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไล่ฯ ยังได้ยกคำกล่าวของจอมพล ดไวต์ เดวิด ไอก์ ไอเซนฮาวร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เขียนไว้ก่อนการยกพลขึ้นบกดังกล่าวว่า “ทหารบก ทหารเรือ และนักบินของกองทัพสัมพันธมิตรที่เข้าร่วมสงคราม พวกท่านกำลังจะก้าวสู่ยุทธการอันยิ่งใหญ่ เรารู้สึกตื่นเต้นในเรื่องนี้มานานหลายเดือนแล้ว สายตาทั่วโลกกำลังจับจ้องพวกท่านอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนความหวังและคำอธิษฐานของประชาชนที่รักในเสรีภาพทั่วโลก จะอยู่เคียงข้างพวกท่าน” ข้อความดังกล่าวมีความหมายเป็นอย่างยิ่งที่เรามาร่วมกันรำลึกสงครามยุโรป และเตือนสติให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ล้ำค่าของเสรีภาพประชาธิปไตยจะต้องอาศัยพลังที่แท้จริงของตนเอง อาศัยความตื่นตัวระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา จึงจะสามารถปกป้องให้มีความมั่นคงสืบต่อไปได้
ความหมายประการที่ 3 เล็งเห็นถึงความสำคัญของสันติภาพไม่อาจมองข้ามภัยจากการคุกคามได้ การระเบิดขึ้นของสงครามยุโรป เกี่ยวข้องอย่างแนบแน่นต่ความสามานย์ของการขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ แต่การเกิดขึ้นของสงครามยุโรปทั่วทั้งทวีปเป็นเพราะพวกเราละเลยและประมาทต่อพฤติกรรมการรุกรานของประเทศเผด็จการอำนาจนิยมนั่นเอง
ไช่อิงเหวิน อดีตผู้นำไต้หวันเยือน 2 ประเทศในยุโรป พร้อมกล่าวปราศรัย 2 รายการ
สำนักงานอดีตประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน เปิดเผยว่า อดีตประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน มีกำหนดการเยือนยุโรป 2 ประเทศ ได้แก่ลิทัวเนีย และเดนมาร์ก โดยจะออกเดินทางออกจากไต้หวันในวันที่ 9 พ.ค. ศกนี้ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ฝ่ายต่าง ๆ ในยุโรปมีความเข้าใจต่อไต้หวันมากยิ่งขึ้น และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับยุโรปมีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ การเยือลิทัวเนียของอดีตประธานาธิบดีไช่อิงเหวินในครั้งนี้ เป็นไปตามคำเชิญของอดีตประธานาธิบดี Dalia Grybauskaitė แห่งลิทัวเนีย โดยกำหนดการนอกจากได้พบหารือกับมิตรฝ่ายต่าง ๆ แล้ว ยังมีกำหนดการกล่าวปาฐกถา ณ มหาวิทยาลัย Vilniaus universitetasในลิทัวเนีย รวมทั้งจะมีการสนทานแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับอดีตประธานาธิบดี Dalia Grybauskaitė ด้วย ทั้งนี้ ลิทัวเนียเป็นหุ้นส่วนที่มีอุดมการณ์ใกล้เคียงกับไต้หวันที่มีความสำคัญในยุโรป อดีตผู้นำไต้หวันไม่เพียงแต่จะอาศัยโอกาสนี้แบ่งปันประสบการณ์คุณค่าแหงประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของไต้หวันให้แก่ลิทัวเนียเท่านั้น หากยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภายใต้ความพยายามร่วมกันของทั้งสองฝ่าย จะกลายเป็นหุ้นส่วนในประชาคมโลกที่มีความยืดหยุ่นทั้งทางด้านประชาธิปไตยและเศรษฐกิจ
หลังเสร็จสิ้นการเยือนลิทัวเนีย อดีตผู้หญิงคนแรกของไต้หวันท่านนี้ก็จะเยือนโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ตามคำเชิญของมูลนิธิประชาธิปไตย (Alliance of Democracies, AoD) กล่าวปาฐกถาในการประชุมซัมมิตประชาธิปไตยโคเปนเฮเกน (Copenhagen Democracy Summit) ซึ่งมีกำหนดการจัดให้มีขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 14 พ.ค. ศกนี้ แสดงวิสัยทัศน์และความปราถนาของไต้หวันที่ต้องการจับมือกับพันธมิตประชาธิปไตยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป รวมกันปกป้องเสถียรภาพและความปลอดภัยในภูมิภาค รวมทั้งแสดงความขอบคุณต่อการให้การสนับสนุนไต้หวันในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของมูลนิธิประชาธิปไตยด้วย
ไช่อิงเหวิน อดีตผู้นำหญิงคนแรกของไต้หวัน ออกเดินทางเยือน 2 ประเทศในยุโรปเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2568