กระแสประชาธิปไตย

กระแสประชาธิปไตย วันจันทร์ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๘


Listen Later

กองทัพไต้หวันพร้อมรับมือกองทัพจีนเต็มอัตราในปี 2027    

            นายกู้ลี่สง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไต้หวัน สาธารณรัฐจีน ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเกี่ยวกับกรณีที่ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ภาคพื้นอินโดแปซิฟิกได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับการเสริมกำลังรบคุกคามไต้หวันของกองทัพจีน ทำให้ไต้หวันต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันทางทหารอย่างหนักจากจีน กระทั่งเมื่อถึงปี 2027 กองทัพจีนอาจจะมีศักยภาพเพียงพอที่จะรุกล้ำไต้หวัน โดยนายกู้ฯ ได้ระบุถึงการเตรียมพร้อมของกองทัพไต้หวันว่า ตนได้สั่งการให้กองทัพ นายทหารทุกระดับ ทุกภาคส่วนของกองทัพต้องเตรียมพร้อมอย่างเร่งด่วนและเล็งเห็นว่า การฝึกซ้อมและการเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ เป็นเรื่องเร่งด่วน เร่งการฝึกซ้อมให้ทันกับสถานการณ์ โดยเมื่อถึงปี 2027 กองทัพจะต้องมีความพร้อมสู้รบในระดับสูง ทั้งในแง่กำลังรบและในแง่ของขวัญกำลังใจด้วย 

           นายกู้ฯ ย้ำว่า ไต้หวันจะต้องแสดงออกถึงความเด็ดเดี่ยวอย่างแรงกล้าในการปกป้องอธิปไตย และปกป้องความปลอดภัยของประเทศชาติ เพื่อให้กองทัพจีนเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า การรุกล้ำไต้หวันจะต้องมี “ต้นทุน” มหาศาล และสูงกว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับ

          รมว. กลาโหม ไต้หวันระบุเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้กล่าวไว้อย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ไต้หวันเป็นศูนย์กลางยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก ดังนั้น การเสริมความเข้มแข็งให้แก่การป้องกันประเทศของไต้หวันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ซึ่งสหรัฐฯ ก็จะให้ความช่วยเหลือสนับสนุนต่อไต้หวนัอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในด้านการฝึกซ้อมหรือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งไต้หวันหวังว่า สหรัฐฯ จะเร่งให้ความช่วยเหลือไต้หวันเพื่อให้ถึงเป้าหมายความพร้อมด้านการทหารในระดับสูงอย่างรวดเร็ว 

        นายกู้ลี่สง รมว. กลาโหม ไต้หวันระบุว่า กระทรวงกลาโหมได้อาศัยการประเมินปัจจัยด้านความมั่นคงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยจะติดตั้งขีปนาวุธระยะกลางและระยะไกลในช่วงปี 2028-2030 โดยให้ความสำคัญกับยุทธศาสตร์การรบ “ไร้สมดุล” หรือ “ศัตรูใหญ่เราเล็ก”  เสริมความยืดหยุ่นให้แก่ระบบการป้องกันประเทศ เสริมกำลังรบกองหนุน และการรับมือกับปฏิบัติการในเขต “พื้นที่สีเทา” ซึ่งเป็น “4 ทิศทางหลัก” ในการพัฒนากองทัพไต้หวัน ไต้หวันเป็นเกาะที่ห้อมล้อมด้วยท้องทะเล จำเป็นต้องมีกลไกสะสมอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เข้มแข็ง รวมทั้งสะสมยุทธปัจจัยต่าง ๆ ให้พอเพียง รับมือกับการโจมตีอย่างต่อเนื่องและยืดเยื้อด้วยกำลังอาวุธของกองทัพจีน

        นายกู้ฯ ย้ำในตอนท้ายว่า การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับภาวะสงครามมีความสำคัญยิ่งต่อการป้องกันมิให้เกิดสงคราม ซึ่งสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อมานานถึง 3 ปี จะเป็นบทเรียนหรือเป็นการให้กำลังใจนายสีจิ้นผิง ผู้นำจีน กันแน่ นายกู้ฯ ระบุว่า หากจีนใช้กำลังอาวุธต่อไต้หวันก็ต้องใช้เวลานานถึง 3 ปี ในฐานะหน่วยเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของโลก จะสามารถแบกรับแรงกดดันจากการบอยคอตทางเศรษฐกิจจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้หรือไม่ ห่วงโซ่อุปทานต้องขาดสะบั้น ทุนนอกย้ายฐานการลงทุนออกจากจีน ความมั่นใจของตลาดดับสลาย ขณะเดียวกัน ไต้หวันก็จะต้องทำให้จีนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า “เมื่อลืมตาตื่นขึ้น จะไม่ใช่วันที่เหมาะสมในการรุกล้ำไต้หวัน” และเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า การรุกรานไต้หวันจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล จึงจะสามารถทำให้จีนต้องพิจารณาทบทวนอยู่ตลอดเวลาว่าจะรุกล้ำไต้หวันหรือไม่ เลื่อนเวลาออกไปเรื่อย ๆ นี่ก็คือเป้าหมายในนโยบายกลาโหมของไต้หวัน “เตรียมพร้อมรบเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม”

      

นายกู้ลี่สง รมว. กลาโหมไต้หวัน สาธารณรัฐจีน

สส. สหรัฐฯ จับมือสหพันธ์สมาชิกรัฐสภานโยบายจีน (IPAC) ระบุจีนมุ่งบั่นทอนเสถียรภาพทั่วโลก เรียกร้องประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว

            เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในฐานะสมาชิกคณะกรรมาธิการพิเศษว่าด้วยยุทธศาสตร์การแข่งขันสหรัฐฯ - จีน (House Select Committee on the Chinese Communist Party) ได้ร่วมกับสหพันธ์รัฐสภาระหว่างประเทศหรือ IPAC จัดสัมมนาโต๊ะกลมพิจารณาประเด็นเกี่ยวกับการขยายอิทธิพลของลัทธิอำนาจนิยมและการให้การสนับสนุนไต้หวัน ซึ่งได้ร่วมกันออกแถลงการณ์โดยระบุตรง ๆ ว่า จีนมีวัตถุประสงค์ที่จะบั่นทอนเสถียรภาพของโลก ประเทศประชาธิปไตยทั่วโลกจึงไม่อาจแตกแยกกันได้ 

          สัมมนาโต๊ะกลมในครั้งนี้ มีนาย John Moolenaar ประธานร่วม IPAC กับนาย Raja Krishnamoorthi สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเดโมแครต ของสหรัฐฯ ร่วมเป็นประธานการสัมนา

IPAC ก่อตั้งขึ้นโดยสมาชิกรัฐสภาของประเทศต่าง ๆ เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2020 เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของจีน ปัจจุบันมีสมาชิกรัฐสภาประเทศต่าง ๆ กว่า 200 คน จากสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินเดีย ไต้หวัน และประเทศในยุโรปอีกหลายประเทศเป็นสมาชิก  


 

กตต. มีมติปฏิเสธญัตติลงประชามติประเด็น “คัดค้านการยกเลิกโทษประหารชีวิต” แต่จัดลงประชามติเฉพาะประเด็น “การเปิดเดินเครื่องไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งที่ 3 อีกครั้ง”  

          คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไต้หวันมีมติเห็นชอบให้จัดการลงประชามติเกี่ยวกับประเด็น “การเปิดเดินเครื่องไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งที่ 3 อีกครั้ง” ในวันที่ 23 ส.ค. ในขณะที่ปฏิเสธการจัดการลงประชามติเกี่ยวกับประเด็น “คัดค้านการยกเลิกโทษประหารชีวิต” ที่สภานิติบัญญัติได้ผ่านญัตติทั้งสองแล้ว โดยในส่วนของประเด็น “คัดค้านการยกเลิกโทษประหารชีวิต” ที่ปฏิเสธการจัดการลงประชามตินั้น กกต. ให้เหตุผลว่า เนื่องจากประเด็นดังกล่าวมิใช่ประเด็น “การเสนอหรือทบทวนรับรองนโยบายสำคัญ” ซึ่งนายจูลี่หลุน หัวหน้าพรรค KMT โจมตี กกต. ว่า เป็นฆาตกรประชาธิปไตย และระบุว่า พรรค DPP เป็นผู้บงการให้ กกต. ยึดสิทธิอันชอบธรรมในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโทษประหารชีวิตของประชาชน ส่วนนายหวงกั๋วชาง หัวหน้าพรรค TPP ก็ได้ระบุว่า กกต. เหยียบย่ำสิทธิในการเป็นเจ้าของประเทศของประชาชนแบบซึ่ง ๆ หน้า ทางด้านพรรค DPP พรรครัฐบาลได้ย้ำว่า ประเด็น “คัดค้านการยกเลิกโทษประหารชีวิต” เป็นเพียงประเด็นเลื่อนลอย ไม่มีกฎหมายรองรับ จึงเรียกร้องให้ฝ่ายต่าง ๆ เคารพมติของ กกต.

สส. พรรค DPP พรรครัฐบาล ชูป้ายประนามพรรคฝ่ายค้านดึงดันลงมติผ่านร่างญัตติลงประชามติ "คัดค้านการยกเลิกโทษประหารชีวิต" ซึ่งไต้หวันยังไม่มีการยกเลิก

...more
View all episodesView all episodes
Download on the App Store

กระแสประชาธิปไตยBy , Rti