ปฏิทินการเมืองเวลานี้เหมือนขยับย่นเวลาเข้ามาไวขึ้น เมื่อ กกต. แถลงรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส. รวดเดียว 500 คน ไม่ตกหล่นเหมือนมีกระแสข่าวก่อนหน้า
แต่ ส.ส. ที่ผ่านด่านเข้ามาได้ก็ยังต้องลุ้น เพราะระหว่างทางอาจเจอสอยจากเรื่องร้องเรียนต่างๆ ทำให้ตกเก้าอี้ ได้ทำงานช่วงสั้นๆ
การรับรองผลไว ซึ่งก็ควรจะเป็นเช่นนั้น ทำให้ไทม์ไลน์การเมือง โดยเฉพาะการเลือกตั้ง ‘ประธานสภา’ ขยับไวขึ้นเช่นกัน
ถ้าเป็นไปตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจกแจงกับสื่อ น่าจะได้ประชุมสภาเลือกประธานไม่เกินสัปดาห์ที่สองของเดือนกรกฎาคม
ไทม์ไลน์ไวขึ้น แต่ทิศทางว่าพรรคก้าวไกลหรือเพื่อไทยจะขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานสภา ดูจะยังไม่ไปในทิศทางที่เห็นตรงกัน
ว่าตามหลักการ บรรดาแกนนำแต่ละพรรคดูเหมือนจะยืนยันว่า พรรคอันดับ 1 ต้องได้ไป และพรรคอันดับ 2 คว้าเก้าอี้ 2 รองประธานไปจัดสรร
แต่ถ้าว่าตามแนวคิดและความเชื่อทางการเมือง มีข้ออ้างที่ถูกโยนขึ้นกลางอากาศในวงประชุมพรรคเพื่อไทยว่า ตัวเลขห่างกันไม่มากระหว่างพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 ขณะที่พรรคอันดับ 1 คว้าเก้าอี้นายกฯ พรรคอันดับ 2 ควรได้ประธานสภา ไม่ควรกอดเอาทุกเก้าอี้เป็นของพรรคเดียวหมด
ศึกชิงประธานสภากลายเป็นศึกในของพรรคแกนนำร่วมรัฐบาล ที่งานนี้ไม่รู้ว่าใครจะต้องเผื่อใจไว้ก่อนกันแน่