
Sign up to save your podcasts
Or


ในขณะใดที่ความเพลิน ความพึงพอใจอภิฌชานี้เกิดขึ้น
มีการเพ่งในอารมณ์นั้นแล้วเนี่ยนั่นคือภว ภพได้ก่อตัวมาละ
นั่นคือเป็นเหตุเป็นที่ตั้งแห่งภพ
เพ่งในอารมณ์ใดพึงพอใจในอารมณ์ใดก็คือเพ่งพึงพอใจในวิญญาณธาตุ
วิญญาณธาตไปรับรู้อารมณ์ใดจิตก็จะพึงพอใจตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์นั้น
เพ่งอยู่ในอารมณ์นั้น นั่นแลเป็นที่ตั้งแห่งภพ
ภพเป็นเป็นปัจจัยให้เกิดชาติชรามรณะจะเป็นแบบนี้
วิญญาณรับรู้อารมณ์หนึ่งใด
ความพึงพอใจความเพลิน
หรือว่าความไม่พึงพอใจโทมนัส
เกิดร่วมกับอารมณ์นั้น ๆ
นั่นแลเป็นที่ตั้งแห่งภพ
นั่นแสดงว่า
ทุกๆกระบวนการ
ของการรับรู้ของวิญญาณธาตุไม่ได้จบสิ้นลงที่ตัวธาตุรู้
จิตที่มีอวิชชาเนี่ยบางครั้งบางขณะมันก็จบที่ผัสสะ บางครั้งบางขณะก็จบที่เวทนา
แต่โดยนัยยะของสภาวะธรรมแล้วจะจบลงที่เวทนานะเพราะเวทนาสัญญาเวทนานี้เป็นวิบาก
แต่เมื่อธาตุรู้มันรู้ทางอายนะทั้ง 6 ช่องเรียบร้อยแล้ว ช่องทางอารมณ์ทั้ง 6 ช่องทางแล้วเนี่ย
ก็จะเป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ สัญญาเกิดขึ้นสัญเจตนา
ผัสสะจบลงที่ผัสสะมั้ย !ไม่ฃ
จบลงที่เวทนา พระองค์ท่านถึงตรัสว่า
"ธรรมทั้งปวงรวมลงที่เวทนา"
แน่นอนทีเดียวจิตที่มีอวิชชาเนี่ย
ขณะใดที่ปัญญาญาณไม่เกิดร่วมในขณะที่จิตมาหยั่งรู้เวทนา
ไม่เห็นการเกิด ไม่เห็นการดับของเวทนา ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของเวทนา
เวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา
แต่เมื่อใดขณะใดที่จิตได้รู้เท่าทัน
ก็คือตัวปัญญารู้เท่าทันซึ่งความเกิดและความดับของเวทนา
มันจะไม่ต่อยอดไปนะ มันจะดับ มันจะสิ้นสุดลงตรงนั้น
เวทานาดับตัณหาดับ ตัณหาดับอุปทานดับ
สําหรับจิตที่หลุดพ้นแล้วโดยสมบูรณ์ เค้าจะสิ้นสุดลงที่เวทนา
สิ้นสุดลงที่เวทนา จะไม่มีการสืบต่อของตัวสังขาร
ตัวรักตัวชัง ตัวตัวตัณหา จะสิ้นสุดลงที่เวทนา
สภาวธรรมที่
อวิชชาตัณหาอุปาทานหยั่งลงไม่ได้ก็คือสภาวะธรรม
ของกฏแห่งไตรลักษณ์ อนิจจังทุกขังอนัตตา
ที่เรานิยามว่าสภาวะการเกิดและการดับนั่นเอง
By Mowakee Forestในขณะใดที่ความเพลิน ความพึงพอใจอภิฌชานี้เกิดขึ้น
มีการเพ่งในอารมณ์นั้นแล้วเนี่ยนั่นคือภว ภพได้ก่อตัวมาละ
นั่นคือเป็นเหตุเป็นที่ตั้งแห่งภพ
เพ่งในอารมณ์ใดพึงพอใจในอารมณ์ใดก็คือเพ่งพึงพอใจในวิญญาณธาตุ
วิญญาณธาตไปรับรู้อารมณ์ใดจิตก็จะพึงพอใจตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์นั้น
เพ่งอยู่ในอารมณ์นั้น นั่นแลเป็นที่ตั้งแห่งภพ
ภพเป็นเป็นปัจจัยให้เกิดชาติชรามรณะจะเป็นแบบนี้
วิญญาณรับรู้อารมณ์หนึ่งใด
ความพึงพอใจความเพลิน
หรือว่าความไม่พึงพอใจโทมนัส
เกิดร่วมกับอารมณ์นั้น ๆ
นั่นแลเป็นที่ตั้งแห่งภพ
นั่นแสดงว่า
ทุกๆกระบวนการ
ของการรับรู้ของวิญญาณธาตุไม่ได้จบสิ้นลงที่ตัวธาตุรู้
จิตที่มีอวิชชาเนี่ยบางครั้งบางขณะมันก็จบที่ผัสสะ บางครั้งบางขณะก็จบที่เวทนา
แต่โดยนัยยะของสภาวะธรรมแล้วจะจบลงที่เวทนานะเพราะเวทนาสัญญาเวทนานี้เป็นวิบาก
แต่เมื่อธาตุรู้มันรู้ทางอายนะทั้ง 6 ช่องเรียบร้อยแล้ว ช่องทางอารมณ์ทั้ง 6 ช่องทางแล้วเนี่ย
ก็จะเป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ สัญญาเกิดขึ้นสัญเจตนา
ผัสสะจบลงที่ผัสสะมั้ย !ไม่ฃ
จบลงที่เวทนา พระองค์ท่านถึงตรัสว่า
"ธรรมทั้งปวงรวมลงที่เวทนา"
แน่นอนทีเดียวจิตที่มีอวิชชาเนี่ย
ขณะใดที่ปัญญาญาณไม่เกิดร่วมในขณะที่จิตมาหยั่งรู้เวทนา
ไม่เห็นการเกิด ไม่เห็นการดับของเวทนา ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของเวทนา
เวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา
แต่เมื่อใดขณะใดที่จิตได้รู้เท่าทัน
ก็คือตัวปัญญารู้เท่าทันซึ่งความเกิดและความดับของเวทนา
มันจะไม่ต่อยอดไปนะ มันจะดับ มันจะสิ้นสุดลงตรงนั้น
เวทานาดับตัณหาดับ ตัณหาดับอุปทานดับ
สําหรับจิตที่หลุดพ้นแล้วโดยสมบูรณ์ เค้าจะสิ้นสุดลงที่เวทนา
สิ้นสุดลงที่เวทนา จะไม่มีการสืบต่อของตัวสังขาร
ตัวรักตัวชัง ตัวตัวตัณหา จะสิ้นสุดลงที่เวทนา
สภาวธรรมที่
อวิชชาตัณหาอุปาทานหยั่งลงไม่ได้ก็คือสภาวะธรรม
ของกฏแห่งไตรลักษณ์ อนิจจังทุกขังอนัตตา
ที่เรานิยามว่าสภาวะการเกิดและการดับนั่นเอง