ชาโด้ สิงห์มาวิน เติบโตมากับแม่และพ่อเลี้ยงที่จังหวัดตาก โดยใช้ชีวิตอย่างยากลำบากตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งอายุ 12 ปี เขาเริ่มเข้าสู่เส้นทางมวยครั้งแรก หลังจากนั้นก็ตระเวนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชกตามเวทีในเขตภูธรเพื่อหาเงินมาช่วยเหลือเลี้ยงดูคนในครอบครัว

ขณะที่ชีวิตนักมวยกำลังไปได้สวย แต่เมื่อเจอวิกฤติโควิด-19 ทำให้ “ชาโด้” กลายเป็นคนว่างงานทันที โดยต้องกลับไปทำอาชีพเสริมเป็นช่างแอร์เพื่อประคองชีวิตเกือบ 2 ปี แต่ยังหมั่นฝึกซ้อมทำร่างกายให้ดีอยู่เสมอ จนเมื่ออายุ 22 ปี จึงถูกชวนให้มาอยู่ที่ค่ายสิงห์มาวิน โดยได้พัฒนาฝีมือขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

ความสำเร็จที่เวทีราชดำเนินในฐานะแชมป์ ทำให้ “ชาโด้” ได้รับการยอมรับในวงกว้าง โดยมาพร้อมกับชื่อเสียงเรื่องความเป็นลูกกตัญญู เมื่อทุกไฟต์ที่ “ชาโด้” จะมี “แม่แป้ง” นางสมยง สีด้วง คอยเป็นกำลังใจอยู่ไม่ห่าง ทำให้เขาสู้ไม่ถอยไม่เคยยอมแพ้ ก่อนได้รับโอกาสทองให้มาโชว์ฝีมือในรายการ ONE ลุมพินี

แม้ “ชาโด้” จะเปิดตัวด้วยการแพ้คะแนนเอกฉันท์ให้กับ “มามูกา อูซูบายัน” จากรัสเซีย ในศึก ONE ลุมพินี 52 แต่เขายังแสดงความมุ่งมั่นพัฒนาฝีมือของตัวเองขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนเดินหน้าเก็บชัยรวดใน 5 ไฟต์ต่อมา พร้อมส่งให้ตัวเองก้าวขึ้นมาคว้าสัญญา ONE มาครองได้เป็นคนที่ 24 ของรายการได้สำเร็จ

จิติณัฐ อัษฎามงคล หรือ บิ๊กปลาย ประธาน ONE Championship ประเทศไทย โดยดำรงตั้งแต่ปี 2019  ก่อนหน้านี้ เขาเคยเป็นนายกสมาคมสมาพันธ์ศิลปะการต่อสู้ผสมผสานประเทศไทย (TMMAF) และผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมด้านคอนเทนต์ของบริษัท JSL Global Media

ภายใต้การนำของ "บิ๊กปลาย" ONE Championship ประเทศไทยได้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีการจัดการแข่งขันที่มีมาตรฐานระดับโลกและได้รับความนิยมจากแฟนกีฬาทั่วโลก เขายังมุ่งมั่นพัฒนานักกีฬาศิลปะการต่อสู้ให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก และส่งเสริมวัฒนธรรมไทยผ่านการแข่งขันอีกด้วย

เพชรทนง เพชรเฟอร์กัส เป็นชาวจังหวัดอุดรธานี เริ่มฝึกฝนมวยไทยครั้งแรกตอนอายุ 8 ขวบ จนกระทั่งอายุ 12 ปี เจ้าตัวได้ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อไล่ตามความฝันในการเป็นนักมวยไทยอาชีพ

หลังจากนั้น 2 ปี ต่อมา “เพชรทนง” ได้มีโอกาสขึ้นชกที่สนามมวยเวทีลุมพินีและราชดำเนินอย่างต่อเนื่อง โดยตลอดอาชีพยาวนานกว่าสองทศวรรษ เขาผ่านการชกมวยไทยมาแล้วกว่า 400 ไฟต์ เคยวัดฝีมือกับแชมป์ชาวไทยหลายราย และประสบความสำเร็จคว้าแชมป์โลก WBC มวยไทย และ WMC มวยไทย

เมื่ออายุ 31 ปี “เพชรทนง” ย้ายสังกัดมาอยู่ค่ายบัญชาเมฆ พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่บนเส้นทางคิกบ็อกซิ่งอย่างเต็มตัว โดยสามารถคว้าแชมป์โลก WLF รายการใหญ่ของจีนและเคยติดแรงกิงเป็นอันดับที่สองของโลกมาแล้ว จากผลงานอันยอดเยี่ยมทำให้ “เพชรทนง” ได้มีโอกาสเข้ามาพิสูจน์ฝีมือตัวเองกับ ONE

ในเดือน พ.ย.65 “เพชรทนง” ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการคิกบ็อกซิ่งได้ ด้วยการเอาชนะ “ฮิโรกิ อากิโมโตะ” จากญี่ปุ่น และคว้าตำแหน่งแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต มาครอง ก่อนที่ในช่วงกลางปีถัดมาเขาถูกตรวจพบสารต้องห้ามในร่างกาย ได้รับโทษแบน 1 ปี และถูกปลดจากตำแหน่งแชมป์โลกทันที

โดยหลังพ้นโทษแบนกลับมา “เพชรทนง” ตั้งเป้าชัดเจนว่าจะขอทวงเข็มขัดแชมป์โลก ONE อันทรงเกียรติที่ตัวเองเคยครอบครองกลับสู่อ้อมอกให้ได้อีกครั้ง

เสือคิม สจ.โต้งปราจีน เกิดที่จังหวัดจันทบุรี เติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของคุณยาย เนื่องจากพ่อแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่เขาอายุยังน้อย ก่อนจะได้รับโอกาสจาก “เสี่ยแขก” สมชาย เทศรุ่งเรือง ให้มาเก็บตัวฟิตซ้อมอยู่ที่ค่ายมวยพีเค.แสนชัย ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ช่วยส่งให้ “เสือคิม” โด่งดังไปทั่วประเทศ จากการคว้าแชมป์มวยไทย 7 สี, แชมป์ประเทศไทย และ แชมป์ลุมพินี ถึง 3 รุ่น รวมถึงยังได้โอกาสไปชกสร้างชื่อถึงที่ประเทศญี่ปุ่น จนทำให้มีแฟนคลับที่นั่นมากมาย

ในช่วงกลางปี 2563 “เสือคิม” ช็อกวงการด้วยการประกาศเลิกมวยในขณะที่กำลังอยู่ในช่วงพีก เนื่องจากทนกระแสวิจารณ์จากแฟนมวยที่ถาโถมเข้ามาไม่ไหวเมื่อชกมวยแพ้ ก่อนจะหันไปทำธุรกิจขายทุเรียน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนทำให้เงินทองที่เก็บหอมรอมริบมาจากสมัยค้ากำปั้นเริ่มหมดไป

แต่สุดท้ายฟ้ายังมีตาเมื่อ “บิ๊กบอสชาตรี” อาสายื่นมือเข้ามาช่วยด้วยการประสานผ่านทาง “เสี่ยแขก” ให้ช่วยตาม “เสือคิม” กลับมาชกมวยไทยอีกครั้งบนเวที ONE ลุมพินี ด้วยความหวังว่าหาก “เสือคิม” สามารถสู้สุดใจจนกลับมายืนในจุดที่ประสบความสำเร็จได้อีกครั้ง ก็จะกลายเป็นเรื่องราวที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนนับล้านทั่วโลกที่กำลังเจอกับสถานการณ์ยากลำบากในเวลานี้ได้

แม้ “เสือคิม” จะเปิดตัวในศึก ONE ลุมพินี 26 เมื่อเดือน ก.ค.66 ด้วยความพ่ายแพ้ แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ โดยกลับไปมุ่งมั่นทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนัก จนกลับมาคืนร่าง “เสือร้ายเมืองจันท์” ได้สำเร็จ ด้วยผลงานการเก็บชัยชนะเหนือคู่ชกมือกระกาฬถึง 5 ราย จาก 6 ไฟต์ต่อมา พร้อมส่งให้คว้าสัญญานักกีฬา ONE มาครองได้เป็นคนที่ 26 ของรายการได้สำเร็จ

“จ้าวเสือใหญ่” เกิดและเติบโตในเมืองกรุง รู้จักกับการต่อสู้มาตั้งแต่อายุ 7 ขวบจากการไปเล่นกับเพื่อนในยิมแถวบ้าน หลังจากนั่นเขาได้รับการชักชวนให้เข้ามาฝึกซ้อมอย่างจริงจัง และ 16 ปีผ่านไปเขาใช้อาชีพมวยในการหาเลี้ยงชีพมาจนถึงทุกวันนี้

ด้วยพรสวรรค์ในการออกอาวุธแม่ไม้มวยไทยที่หลากหลาย บวกกับฝีมือที่เก่งกาจไม่ธรรมดา ทำให้เขาเคยคว้ารางวัล “นักมวยไทยที่ใช้ศิลปะมวยไทยยอดเยี่ยมแห่งปี 2563” ของเวทีมวยช่อง 7 สี

ก้าวแรกของเขาบนสังเวียน ONE ลุมพินี เกิดขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย.66 ผ่านมาแล้ว 9 ไฟต์ เขากวาดชัยชนะเหนือนักชกตัวท็อปของวงการหลายคนได้ถึง 7 ครั้ง ก่อนจะบรรลุความฝันของตัวเองคว้าสัญญา ONE ได้เป็นคนที่ 25 และหลังจากนี้เขาตั้งใจจะนำแม่ไม้มวยไทยที่สวยงามมาโชว์สู่สายตาทั่วโลกบนสังเวียนแห่งนี้ 

นาบิล อานาน” นักชกเชื้อสายไทย – แอลจีเรีย – ฝรั่งเศส เกิดที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี  รู้จักกับศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ โดยเริ่มจากฝึกฝนในกีฬาเทควันโดและคาราเต้ จนเชี่ยวชาญถึงระดับสายดำทั้งสองประเภท 

เมื่ออายุได้ 11 ปี “นาบิล” ได้รู้จักกับมวยไทย เป็นครั้งแรก จากการที่คุณพ่ออยากให้ไปลองฝึก ซึ่งเจ้าตัวก็หลงใหลในกีฬามวยไทยทันที โดยเจ้าตัวค่อย ๆ สั่งสมประสบการณ์และฉายแววความเก่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งประสบความสำเร็จจากการคว้าคว้าเหรียญทองมวยสมัครเล่น IFMA รุ่น 38 กก. รวมทั้งแชมป์ WBC มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (126 ป.) และรุ่นไลต์เวต (135 ป.) 

หลังจากกวาดความสำเร็จมาแล้วในระดับหนึ่ง “นาบิล” ได้เข้ามาประเดิมสังเวียน ONE ลุมพินี ในปี 2566 และได้ปะทะฝีมือกับนักชกระดับแถวหน้ามากมาย และด้วยฟอร์มชกที่สวยงาม ส่งให้เขากลายเป็นนักกีฬาคนที่ 19 จากเวที ONE ลุมพินี ที่ได้เซ็นสัญญาสู่ ONE 

นาบิลได้รับความสนใจจากแฟนมวยทั่วโลกหลังจากคว้าแชมป์โลกชั่วคราว ONE รุ่นแบนตัมเวต มวยไทย ในรายการ ONE 170 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2025 ที่อิมแพ็ค อารีน่า กรุงเทพมหานคร และเมื่อเร็ว ๆ นี้ เขายังคว้าชัยชนะ ซุปเปอร์เล็ก เกียรติหมู่9 ในกติกามวยไทย ศึก ONE 172 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา 

“ซุปเปอร์บอน ซุปเปอร์บอนเทรนนิงแคมป์” แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต เติบโตมาในค่ายมวย “ลูกเจ้าแม่สายวารี” ที่คุณพ่อของเขาเป็นคนก่อตั้งขึ้น เขาจึงซึมซับวิชามวยไทยมาตั้งแต่จำความได้ โดยได้ขึ้นสังเวียนครั้งแรกเมื่ออายุ 6 ขวบ จนกระทั่งได้โอกาสเข้าไปชกเวทีมวยมาตรฐานในกรุงเทพฯ เมื่ออายุได้ 15 ปี โดยเรียนหนังสือควบคู่ไปด้วย

“ซุปเปอร์บอน” ไต่เต้าและสร้างชื่อในวงการมวยไทยจากการคว้าแชมป์ในหลายเวที อาทิ แชมป์ประเทศไทยรุ่นไลต์เวต 135 ปอนด์ และแชมป์มวยรอบโตโยต้ามาราธอน อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้น มวยรุ่นใหญ่ไม่เป็นที่นิยมในเมืองไทย “ซุปเปอร์บอน” จึงตัดสินใจออกล่าความสำเร็จในเวทีต่างประเทศ และตระเวนกวาดแชมป์จากเวทีแข่งขันคิกบ็อกซิ่งชื่อดัง อาทิ คุนหลุนไฟต์ (Kunlun Fight) และ เอ็นฟิวชัน (Enfusion) มาครอง ส่งให้เขาได้รับการจับตามองในฐานะนักมวยไทยและนักชกคิกบ็อกซิ่งที่มีฝีมือโดดเด่นระดับแถวหน้า

จากผลงานยอดเยี่ยม “ซุปเปอร์บอน” ได้โอกาสเข้าร่วมกับ ONE และสร้างตำนานบันลือโลกจากการเตะก้านคอน็อกเอาต์นักชกคิกบ็อกซิ่งระดับตำนาน “จอร์จิโอ เปโตรเซียน” ขึ้นแท่นเป็นแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต คนแรกในประวัติศาสตร์ ONE ในปี 2564

“ซุปเปอร์บอน” สามารถป้องกันบัลลังก์ได้ 1 ครั้ง ก่อนจะเสียแชมป์ในปี 2566 แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็สามารถทวงเข็มขัดกลับมาได้จากการคว้าแชมป์โลกเฉพาะกาลของรุ่นนี้ เมื่อปี 2567 และต่อมาได้รับการสถาปนาให้เป็น แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต อย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนมกราคม 2568 

รถถัง จิตรเมืองนนท์ "The Iron Man" เป็นนักมวยไทยชื่อดัง และครองตำแหน่งแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต เขามีชื่อเสียงจากสไตล์การชกที่ดุดัน แข็งแกร่ง และมีหัวใจนักสู้ที่ไม่ยอมถอย เขาได้รับฉายาว่า "ดิ ไอรอน แมน" (The Iron Man) จากความอึดและการยืนแลกแบบไม่กลัวเจ็บ รถถังยังมีสถิติการชกใน ONE Championship ที่ยอดเยี่ยม โดยเป็นหนึ่งในนักชกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในระดับโลก 

"The Queen" เพชรจีจ้า แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต เริ่มฝึกมวยไทยตั้งแต่อายุ 7 ขวบ โดยมีคุณลุงเป็นผู้ฝึกสอน เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทยอย่างรวดเร็วจากความสามารถในการเอาชนะคู่ต่อสู้ผู้ชาย โดยสะสมสถิติการชกมากกว่า 100 ไฟต์ภายในอายุเพียง 10 ปี และมากกว่า 70 ไฟต์นั้นเป็นการชกกับผู้ชาย สถิติที่น่าทึ่งนี้ทำให้เธอได้รับฉายาว่า “เด็กหญิงผู้ล้มชาย”

เมื่อทักษะของเธอพัฒนาขึ้น “เด็กหญิงผู้ล้มชาย” ก็กลายเป็น “ราชินี” โดยสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่กว่าและมีประสบการณ์มากกว่า กระทั่งคว้าแชมป์โลกมวยไทย WMC ได้ในปี 2016 ขณะมีอายุเพียง 14 ปี

ปัจจุบันเพชรจีจ้าแข่งขันอยู่ในรายการ ONE Championship เธอเป็นแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่งหญิง รุ่นอะตอมเวต เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2024 เธอรวมเข็มขัดแชมป์ได้สำเร็จหลังจากเอาชนะเจเน็ต ทอดด์ ในไฟต์ที่แฟน ๆ รอคอยอย่างมาก และในเดือนมกราคม ปี 2024 เธอยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นนักคิกบ็อกซิ่งรุ่นฟลายเวตและปอนด์ต่อปอนด์ที่เก่งที่สุดในโลก ล่าสุด เธอชนะคานะ โมริโมโตะ ที่รายการ ONE 172 โดยสามารถป้องกันเข็มขัดแชมป์โลกของเธอได้สำเร็จ 

แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ อดีตแชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวตทั้งในกติกาคิกบ็อกซิ่ง มวยไทย และศิลปะการต่อสู้แบบผสม (MMA) ได้แบ่งปันเรื่องราวเส้นทางของเธอในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ พูดถึงประสบการณ์ต่าง ๆ ความท้าทายที่พบเจอ และการพัฒนาของเธอตลอดเส้นทางอาชีพ

เธอได้เล่าถึงการเปลี่ยนผ่านจากมวยไทยสู่การต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) รวมถึงแง่มุมทางวัฒนธรรมของการฝึกซ้อมและการแข่งขัน ตลอดจนการเติบโตทั้งในฐานะนักกีฬาและในชีวิตส่วนตัว นอกจากนี้ ยังพูดถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับแฟน ๆ บทบาทของโซเชียลมีเดียในเส้นทางอาชีพ และความใฝ่ฝันของเธอในอนาคตอีกด้วย