คอร์สอานาปานสติ วันที่ 21-24 มี.ค. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
ความง่วงนี้ บางทีมันเป็นอาการกาย บางทีมันก็เป็นอาการใจนะ
ความอ่อนเพลียทางกาย ความงอมของกาย อันนี้เป็นอาการกาย
ถ้าถีนมิทธะนี่ มันเป็นอาการของใจ
นั่งตัวให้ตรง แล้วก็รู้ลมเข้า ลมกระทบเข้าแรงๆ ยาวๆ ก็จะตื่น นิ่งรู้เฉยอยู่อิสระที่ฐาน และรู้ลมกระทบเข้ายาวๆแรงๆ ลมออก ยาวๆ แรงๆเหมือนกัน สัก ๒-๓ คู่ แล้วก็ปล่อยลมไปตามธรรมชาติ
ตัวรู้นิ่งเฉย นั่นคือ ตัวจิต ตัวนาม
ตัวที่จะทําให้ตัวนิ่งรู้เฉยอยู่อิสระนั้น สั่นสะเทือนได้ และหลุดออกไป ก็คือ ตัวสัญญา
แต่สัญญามันไม่เกิดเฉยๆนะ สัญญามา มันก็เกิดเป็นผัสสะ
พอมีผัสสะ มันก็มนสิการ เป็นเจตนาปรุง มันจึงคิด มันเร็วมาก
สัญญามาปุ๊บผัสสะ ผัสสะ มนสิการ เป็นเจตนาและก็ปรุงออกไป
กลายเป็นตัวคิด มนสิการ เรียกว่าคือ คิด
มาจากสัญญา ผัสสะ เจตนา ดูเหมือนจะเป็นตัวเดียวกัน
ตัวที่นิ่งรู้เฉยอยู่ก็จะสั่นสะเทือน
พอจิตรู้อยู่ที่ฐานนี้ มันก็จะเข้ารู้ลม รู้ลมโดยธรรมชาติของเขา ถ้ามีรายละเอียด ตัวที่รู้ลมอยู่ นิ่งรู้เฉยอยู่ พอมีลมกระทบปั๊บเข้า รู้ ตัวที่เข้ารู้นี่แหละ ตัวนั้นมันเป็นวิตกโดยธรรมชาติ วิตกโดยธรรมชาตินี่แหละ มันคือองค์คุณของสมาธิ มันเร็ว ยกปุ๊บ รู้ มันยกของมันเอง ไม่ใช่เรายก ในการที่มันรู้ลมกระทบออก รู้ลมกระทบเข้า จิตมันจะทํางานอย่างนั้น มันจะทํางานด้วยการยก รู้ ยกเข้ารู้ ยกเข้ารู้ ยกเข้ารู้
ในสภาพธรรมของกิริยาที่มันเกิด ยกเข้าไป เป็น วิตก รู้คลออยู่ที่ลมกระทบนั้น เรียกว่า วิจาร
แต่ว่าโดยสภาพธรรม ตัวเข้าไปรู้ มันเข้าไปในลักษณะการระลึกของจิต เรียกว่า สติ
พอระลึกเข้าไปแล้วรู้ นี่ก็เรียกว่า สัมปชัญญะ เป็นสติสัมปชัญญะที่บริสุทธิ์ เพราะมันเป็นการทํางานของจิตอันมีความตั้งมั่นอยู่
เราก็ไม่ต้องไปสนใจนะเพราะว่ามันเป็นผล มันเป็นตัวเกิดจากการประกอบความเพียร จิตนิ่งรู้เฉยอยู่ และการเข้ารู้ลม ถ้าไม่มีเราเข้าไปรู้มันจะรู้ด้วยอะไร นั่นน่ะกําลังของจิต ตรงนั้นเรียกว่า วิตก วิตกวิจาร อยู่ในอารมณ์อันเดียว คือ
อารมณ์ที่กระทบมันไปด้วยกําลังของ วิตกวิจาร
สภาพธรรมที่ทําหน้าที่นั้นอยู่ นั่นเรียกว่า สติสัมปชัญญะ
แต่สติที่มันเกิดขึ้น จากจิตที่รู้นิ่งเฉยอยู่อย่างอิสระที่ฐาน ที่เขาเข้าไปรู้ลม มันเป็นตัวที่ทําหน้าที่ไม่ให้จิตกระสับกระส่าย มันเป็นตัวที่จะทําให้จิตไม่กวัดแกว่ง ไม่ซัดส่าย มันเป็นตัวที่ทําให้จิตนิ่งรู้อยู่กับอารมณ์อันเดียว
ตัวสติสัมปชัญญะที่เกิดขึ้นในการที่รู้ลมนั้น มันคอยตามรักษาจิต
เหมือนเชือกที่เราผูกลูกโคซนไว้กับหลักกับเสา เชือกนั่นแหละคือตัวที่คอยรักษา รักษาโคให้อยู่กับเสา รักษาเสาให้อยู่กับโค โคกับเสาจะอยู่ด้วยกันต่อเนื่องไปเรื่อยๆก็เพราะเชือก
ก็เหมือนสตินะ จิตรู้นิ่งอยู่ที่ฐาน พอลมหายใจออก มันรู้ การที่มันรู้นะ มันเหมือนเชือก สติสัมปชัญญะที่มันเกิดนั่นน่ะ เหมือนเชือก ไม่ใช่เราทําให้มันเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นจากเหตุของมันเอง จากตัวจิตผู้รู้ที่นิ่งเฉยอยู่อย่างอิสระอยู่ที่ฐาน
ตัวสติมันจึงเป็นตัวที่คอยรักษาจิต สตารกฺขจิตฺตตา ความเป็นผู้มีสติเป็นเครื่องรักษา ไม่รักษาเรื่องอื่น รักษาจิตให้มันนิ่งอยู่กับอารมณ์อันเดียวไม่กระสับกระส่าย ต่อเนื่อง มันก็เกิดเป็นความตั้งมั่น
ง่วงก็รู้ ไม่อึนนะ ไม่อึนกับง่วง คําว่า อึน เราพูดกันเป็นภาษาไทยนะ ภาษาบาลีมันก็คือ อนฺนยสงฺโยชนานิ นั่นแหละ คือ เกิดความยินดีกับสภาวะที่มันปรากฏ เกิดความง่วงขึ้นมา ยินดีกับความง่วง ก็เคลิ้มหลับ ก็รู้มัน
พอง่วง มันก็ยินดีในความง่วง
พอยินดีในความง่วง มันก็เกิดความคร้าน
ความคร้าน ความขี้เกียจความอะไรต่างๆ นี่มันมาหลังจากที่เราเผลอไปยินดีกับความง่วง
ความอารมณ์เดียวแห่งจิต หรือความสงบแห่งจิต มันเกิดมีได้ทุกๆสภาวะ ไม่เกี่ยวกับเวลา เป็นอกาลิโก ไม่ประกอบด้วยกาลเวลา เวลาไหนก็ได้ เวลาง่วงสุดๆก็ได้ เวลาที่มันเป็นอย่างไรก็ได้นะ เพราะมันไม่ประกอบไปด้วยเวลา มันไม่ถูกหมายเหตุบ่งชี้ว่าเวลาไหน เวลาไหน มันทุกเวลา คําว่าทุกเวลา ก็คือ ทุกสถานการณ์ด้วย
พอรู้เท่าว่า ตัวยกเป็นสติ ตัวระลึกไปเป็นสติ ตัวรู้ที่คลออยู่เป็นสัมปชัญญะ
การยกเข้าไปเป็นวิตก การคลอรู้เป็นวิจาร
พอคลอรู้อย่างนี้ได้นะ ความเป็นหนึ่งแห่งจิตมันก็เป็นหนึ่งแบบมีองค์ประกอบ จิตมันเข้าใจ มันลงใจ ด้วยความรู้แบบนี้ ความง่วงที่มีอยู่นี่มันก็ทําอะไรจิตไม่ได้นะ ก็ตื่นได้ มันตื่นทั้งๆที่ง่วงอยู่ ตัวรู้มันอัศจรรย์ พอมันอารมณ์เดียว กําลังของสติ สติมันทําหน้าที่รักษา ง่วงอยู่มันก็ตื่นอยู่
#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #สติ #สัมปชัญญะ #วิตกวิจาร #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน