วันนี้ผมอยากมาแชร์หนังสือที่ให้มุมมองใหม่เกี่ยวกับ “ความสุข” และ “การมีชีวิตอยู่” นั่นก็คือ The Joy of Living เขียนโดย ยองเก มิงยูร์ ริมโปเช Yongey Mingyur Rinpoche พระภิกษุชาวทิเบตที่นำหลักธรรมและวิทยาศาสตร์มาผสมผสานกันอย่างลงตัว
🔹 ความสุขเกิดจากภายใน ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องไปค้นหา
📌 หลายคนคิดว่าความสุขมาจาก เงิน งาน ความสำเร็จ หรือการมีทุกอย่างที่ต้องการ
แต่ Mingyur Rinpoche อธิบายว่า ความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ภายนอก แต่อยู่ที่ใจของเราเอง
✅ ลองคิดดูนะครับ:
• เคยไหมที่เราได้สิ่งที่ต้องการแล้ว แต่กลับยังไม่พอใจ?
• หรือเคยเจอคนที่ไม่มีอะไรเลย แต่กลับมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ?
🎯 คำตอบคือ ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรามี แต่มันขึ้นอยู่กับมุมมองและจิตใจของเราเอง
[เสียงดนตรีซอฟต์เบาๆ]
🔹 สมองของเราสามารถฝึกให้มีความสุขได้
หนึ่งในแนวคิดที่น่าสนใจของหนังสือเล่มนี้คือ สมองของเราสามารถเปลี่ยนแปลงและฝึกให้เป็นสุขได้ หรือที่เรียกว่า Neuroplasticity
📌 สมองของเราสามารถสร้างเส้นทางใหม่ๆ ในการคิดและรับรู้ได้
ถ้าเรา ฝึกคิดบวก ฝึกมองโลกในแง่ดี สมองของเราจะค่อยๆ ปรับตัว และทำให้เรามีความสุขมากขึ้น
✅ สิ่งที่คุณทำได้:
• ฝึกขอบคุณทุกวัน (Gratitude)
• หมั่นสังเกตความคิดลบ และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความคิดบวก
• ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ฝึกสมาธิ และเรียนรู้ที่จะอยู่กับปัจจุบัน
🔹 การฝึกสมาธิเพื่อความสุขที่แท้จริง
ในหนังสือ The Joy of Living Mingyur Rinpoche เน้นเรื่อง สมาธิ (Meditation) ว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราสร้างความสุขจากภายใน
📌 หากคุณไม่เคยปฏิบัติสมาธิมาก่อนเลย เริ่มจากการ ฝึกรับรู้ถึงความซาบซึ้งใจและความสำนึกคุณ (Appreciation & Gratitude)
✅ ลองเขียนสิ่งที่คุณรู้สึกขอบคุณเกี่ยวกับชีวิตรอบตัวคุณและโลกนี้ วันละ 5 อย่าง
2 วิธีในการปฏิบัติสมาธิ
1️⃣ สมาธิแบบเป็นทางการ (Formal Meditation)
• นั่งลงบนเบาะ หลังตรง
• ปิดมือถือ ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ดูทีวี
• ใช้เวลา 5 นาที - 1 ชั่วโมง (แล้วแต่ความสะดวก)
• แต่อย่าหักโหม! ปฏิบัติทีละน้อยแต่ต่อเนื่อง ดีกว่าฝืนทำเยอะแล้วเลิกไป
• ใช้เวลา 1 เดือนสร้างนิสัย – สัปดาห์แรกจะง่าย สัปดาห์สองเริ่มมีข้ออ้าง ถ้าผ่านไป 4 สัปดาห์ การทำสมาธิจะกลายเป็นเรื่องปกติของคุณ
2️⃣ สมาธิแบบไม่เป็นทางการ (Informal Meditation)
• คุณสามารถทำสมาธิได้ทุกที่ ทุกเวลา
• หายใจลึกๆ 2-3 ครั้งในขณะที่ทำงาน
• ฝึกสังเกตลมหายใจในช่วงเวลาสั้นๆ ขณะเดินทาง ขณะกินข้าว หรือแม้แต่ตอนพูดคุยกับคนอื่น
• เทคนิค: ทำสั้นๆ แต่บ่อยๆ เหมือนหยดน้ำลงภาชนะเล็กๆ จนวันหนึ่งน้ำเต็มเอง
🔹 เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังปฏิบัติสมาธิอย่างถูกต้อง?
📌 สัญญาณที่บอกว่าคุณฝึกสมาธิได้ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าคุณสามารถนั่งนิ่งได้นานแค่ไหน แต่ดูจากผลลัพธ์ในชีวิตของคุณ
✅ ถ้าคุณปฏิบัติสมาธิได้ถูกต้อง คุณจะสังเกตเห็นว่า:
• คุณใจดีขึ้น เมตตากรุณามากขึ้น
• อารมณ์ด้านลบลดลง
• ความเครียดและความกังวลลดลง
• มีสันติสุขมากขึ้น
• มองโลกในแง่ดีขึ้น และรู้สึกเป็นอิสระจากความทุกข์
ผู้ฟังเคยสังเกตมั้ยครับ บางคน ปฏิบัติสมาธิ แต่กลับมีอารมณ์แก่วงขึ้นลง แถมยังหลงๆลืมๆ เป็นเพราะ การทำสมาธิแบบสมถะ (Samatha) มีเป้าหมายเพื่อทำให้จิตสงบและตั้งมั่น แต่ในบางกรณี อาจทำให้เกิดอาการหลงลืมหรืออารมณ์แกว่งขึ้นลงได้ ซึ่งอาจมีสาเหตุดังนี้
1. สมาธิที่แน่นเกินไป
หากจดจ่อกับสมาธิมากเกินไปจนเกิด “อุปกิเลสของสมาธิ” เช่น ความฟุ้งซ่านหรือความมึนงง อาจทำให้เกิดอาการหลงลืมหรือรู้สึกเหมือนจิตหลุดลอย
2. สมาธิไม่สมดุลกับสติ
สมาธิที่ดีควรมีสติประกอบ หากมีสมาธิแต่ขาดสติ อาจทำให้จิตเข้าสู่ภวังค์หรือมึนงง ซึ่งอาจทำให้หลงลืมได้
3. การกดข่มอารมณ์แทนที่จะรู้เท่าทัน
หากใช้สมาธิเพื่อกดข่มอารมณ์แทนที่จะรู้เท่าทัน อารมณ์ที่ถูกกดไว้จะสะสมและอาจระเบิดออกมาในรูปแบบอารมณ์ที่แกว่งขึ้นลง
4. การปรับตัวของจิต
บางครั้ง การทำสมาธิอาจทำให้จิตเกิดการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อารมณ์ไม่คงที่ในช่วงแรก ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต้องใช้เวลาในการปรับสมดุล
แนวทางแก้ไข
• เพิ่มการเจริญสติ (Vipassana) ควบคู่ไปกับสมาธิ
การเจริญสติ (Vipassana) คือการฝึกให้จิตรู้เท่าทันสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยไม่ปรุงแต่งหรือหลงไปตามอารมณ์ วิธีเพิ่มการเจริญสติสามารถทำได้ดังนี้
1. ฝึกสติในชีวิตประจำวัน
สติไม่จำเป็นต้องฝึกเฉพาะเวลานั่งสมาธิ แต่สามารถนำมาใช้ในทุกกิจกรรม เช่น
• เดินอย่างมีสติ รู้ตัวว่ากำลังก้าวขา รู้สัมผัสของฝ่าเท้ากับพื้น
• กินอย่างมีสติ รับรู้รสชาติและการเคี้ยวอาหาร
• ทำงานอย่างมีสติ รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร อยู่กับงานตรงหน้า ไม่ปล่อยใจให้ฟุ้งซ่าน
• ล้างจาน ซักผ้า อาบน้ำอย่างมีสติ รู้สึกถึงน้ำ สัมผัส ฟองสบู่ และการเคลื่อนไหว
2. สังเกตความคิดและอารมณ์ โดยไม่เข้าไปยึดติด
• ถ้ารู้สึกโกรธ ให้รู้ว่า “นี่คือโกรธ”
• ถ้าฟุ้งซ่าน ให้รู้ว่า “นี่คือฟุ้งซ่าน”
• ไม่ต้องพยายามขับไล่ความคิดหรืออารมณ์ แค่รับรู้ว่ามันเกิดขึ้น แล้วปล่อยให้มันผ่านไปเองใช้การพิจารณากายและใจ
• พิจารณากาย รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่น การเดิน การนั่ง การขยับ
• พิจารณาใจ รู้ว่าจิตเป็นสุข เป็นทุกข์ หรือเป็นกลาง
• ไม่กดข่มอารมณ์ แต่ให้สังเกตอารมณ์อย่างเป็นกลาง
• ปรับสมดุลการฝึก หากรู้สึกมึนงงหรือจิตตก ให้หยุดพัก หรือเปลี่ยนไปทำสมาธิแบบลมหายใจสั้นๆ
• ฝึกทำสมาธิแบบผ่อนคลาย ไม่บังคับตัวเองจนเกินไป
📌 สรุปหนังสือ The Joy of Living
📍 ความสุขเกิดจากภายใน ไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปค้นหา
📍 สมองสามารถฝึกให้มีความสุขได้ผ่านมุมมองเชิงบวก
📍 การปฏิบัติสมาธิเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราพบความสุขที่แท้จริง