Share อาจารย์ประสาน พุทธกุลสมศิริ
Share to email
Share to Facebook
Share to X
ไม่มีอะไรสำคัญเท่าธรรมะหรอก ถ้าใจทรงธรรมแล้ว ใจสัมผัสธรรมะแล้ว อย่าว่าแต่เกิดสงครามโลกเลย โลกจะแตก จักรวาลจะดับ จิตยังไม่หวั่นไหว อย่าว่าแต่จะตาย หรือว่าตายแล้วไปเกิดเป็นอะไร จะมีกินหรือเปล่า ใจก็ไม่หวั่นไหวหรอก จะหาอะไรที่ทำให้ใจ สงบ สันติ ร่มเย็น อยู่ได้ในทุกๆสถานการณ์ แสวงหาในโลก ไม่มีทางได้หรอก ถ้าเราเป็นปลา เราแสวงหาอยู่ในโลกของเรา ในน้ำ ก็ไม่มีวันได้ -- อ. ประสาน พุทธกุลสมศิริ คอร์สจีนออนไลน์ 16 มิถุนายน 2565
ภาวนาแล้วต้องเป็นไปเพื่อความลดละ ความปล่อยวางจางคลายไปเป็นลำดับ ไม่ใช่ยิ่งภาวนายิ่งพะรุงพะรัง ยิ่งภาวนายิ่งแบกโลกไว้มากขึ้นๆ ยิ่งภาวนาแล้ว ยิ่งเห็นแก่ตัวมากขึ้น กิเลสละเอียด กิเลสมันประณีต บางคนชนะกิเลสหยาบได้ พอเจอกิเลสที่ละเอียดเข้า สู้ไม่ได้แล้ว ติดกับ ทุกอย่างต้องพอดีพอเหมาะและสมดุล ต้องรู้จักสังเกต ไม่ตึงไปไม่หย่อนไปทุกตัว การภาวนาของเราจึงจะราบรื่น -- อ.ประสาน พุทธกุลสมศิริ สวนธรรมประสานสุข 5 กรกฎาคม 2566
การปฏิบัติธรรมต้องเป็นไปตามลำดับ อะไรต้องฝึกก่อน ต้องฝึกก่อน อันดับแรกมุ่งเอาสติเป็นหลัก เอาความรู้สึกตัวเป็นหลัก หลังจากนั้นถึงจะก้าวไปสู่สมาธิที่ถูกต้อง ถ้าไม่มีสติแล้วมุ่งฝึกสมาธิเลย จะได้มิจฉาสมาธิ เคลิบเคลิ้ม น้อมจิตไปอยู่กับอารมณ์ เคร่งเครียด บีบบังคับจิตให้อยู่กับอารมณ์กรรมฐาน ถ้าเราไม่เห็นสภาวะคือไม่มีสติ ผลของมันคือเป็นมิจฉาสมาธิ เป็นสมาธิที่ไม่ได้ประกอบด้วยสติ มีสมาธิที่ถูกต้องแล้วถึงจะเจริญปัญญาได้ สมาธิมีสองขา ขาที่พักผ่อนให้จิตสดชื่น ขาที่ตั้งมั่นอยู่ ไม่ไหลไป จริงๆ ก็คิอเกิดจากจากการไหลแล้วรู้ ต้องแม่นว่า สมาธิแปลว่าตั้งมั่น สมาธิเกิดจากรู้ทันจิตที่เคลื่อน สมาธิไม่ได้เกิดจากการจงใจรักษาไว้ไม่ให้เคลื่อน สิ่งเหล่านี้ต้องแม่น -- อ. ประสาน พุทธกุลสมศิริ คอร์สคนลาว โดยบ้านสติ 18 มิถุนายน 2566
งานทางโลก ไม่มีวันสิ้นสุด เพราะกิเลสเราไม่เคยหยุด แต่งานทางธรรมมีวันจบ จบแล้วจบเลย ไม่ต้องกลับมาทุกข์อีก จะเอาความสุขที่เหนื่อยยากแทบตาย หามาได้ แล้วก็ต้องเสียไปอีก จะให้พลังงานทั้งชีวิต เพื่อการนี้ หรือจะใช้ทรัพยากรในชีวิต เพื่อแสวงหาความสุขที่เที่ยงกว่านี้ เลือกเอา -- อ. ประสาน พุทธกุลสมศิริ คอร์สคนลาว โดยบ้านสติ 17 มิถุนายน 2566
หาบ้านให้จิต แทนที่จะปล่อยให้มันเป็นเด็กเร่ร่อน ก็ให้มันมาอยู่ในบ้านซะ บ้านนี่คือ อารมณ์กรรมฐาน อารมณ์กรรมฐานของเรา จะเป็นพุทโธก็ได้ จะเป็นร่างกายก็ได้ จะเป็นบทสวดมนต์ก็ได้ อะไรก็ได้ให้ใจมันมีเครื่องระลึก เพื่อที่จะทำให้มันไม่คิดฟุ้งซ่าน สะเปะสะปะ หลงลืมตัวเองไปตลอดเวลา -- อ. ประสาน พุทธกุลสมศิริ คอร์สคนลาว โดยบ้านสติ 17 มิถุนายน 2566
การภาวนา เร่งไม่ได้ รีบมากไม่ได้ ยิ่งเร่งจะยิ่งเพ่ง ยิ่งอยากดีจะยิ่งอึดอัด เดินไปสบาย ๆ แล้วสติ สมาธิ ปัญญาจะค่อย ๆ งอกงามขึ้นมาเอง การภาวนาจะเป็นอย่างนี้ทุกคน ถูกบ้าง ผิดบ้าง ทำไป ไม่มีถูกตลอด เราต้องรักษาศีล ฝึกสมาธิ 2 แบบ (สมาธิพักผ่อนและสมาธิจิตตั้งมั่น) จนถึงจุดหนึ่งเราจะเดินปัญญา เรารู้ว่าหลักการที่ถูกคือไม่เผลอไม่เพ่ง ถ้าเรารู้จักหลักการพวกนี้ เวลาเราผิด เราจะไม่ผิดไกลมาก เราต้องอดทน เพราะความคุ้นชินของเรา ถ้าไม่หลง เราก็เพ่ง ทีนี้เราจะฝึกหลงแล้วรู้เร็ว ๆ เพ่งเราก็รู้ จนถึงจุดหนึ่งจะเป็นความคุ้นชิน ที่จะรู้สึกตัวแบบไม่เผลอและไม่เพ่ง แล้วก็จะพบว่าการภาวนาง่ายขึ้น ๆ ตามลำดับ -- อ. ประสาน พุทธกุลสมศิริ คอร์สคนลาว โดยบ้านสติ 16 มิถุนายน 2566
เวลาที่เราเรียนรู้ใจตัวเอง เราวางความรู้สึกผิดชอบชั่วดีไว้ก่อน เรากำลังมาเรียนว่าอะไรเกิดขึ้นในใจเราจริงๆ อย่าใช้ความคิดมาสวมหรือมาหลอก เวลาเราอยู่ในโลก เราต้องทำทุกอย่างตามเหตุผล พฤติกรรมทางกายวาจาต้องไม่ชั่ว ต้องถูกต้องตามจริยธรรม หน้าที่มีอะไรก็ต้องทำ แต่ในกระบวนการเรียนรู้ใจตัวเอง เราจะซื่อสัตย์กับใจตัวเอง จะไม่ดัดจริต จะไม่แกล้งดี สนใจว่าอะไรเกิดขึ้นในใจเราจริง ๆ แปลว่า สุข ทุกข์ ดี ชั่ว ได้หมด เบื่อก็ได้ หลงไปคิดก็ได้ ไม่ว่า เราจะไม่กด ไม่ข่ม ไม่แก้ -- อ. ประสาน พุทธกุลสมศิริ คอร์สคนลาว โดยบ้านสติ 16 มิถุนายน 2566
เราทำกรรมฐานโดยจะไม่พยายามทำสิ่งที่ถูก เพราะทำไม่ได้ เราจะรู้ทันจุดที่ผิด เช่น หลงไปไม่ถูก แต่หลงไปแล้วรู้ เราจะได้จุดที่ถูกขึ้นมา ถ้าจงใจจะรู้ จงใจทำให้ถูก จะไม่ถูก ที่ถูกทำไม่ได้ ที่ถูกจะได้มาจากการรู้จุดที่ผิด แต่เราฝึกได้ ฝึกรู้ทันจิตที่ไหลออกไปบ่อย ๆ ฝึกจนสติรู้ทันเร็วขึ้นทุกครั้งที่ใจไหลไป ทุกครั้งที่รู้ เราจะได้สมาธิที่ถูกต้องแบบพุทธ ซึ่งมีลักษณะที่เหมือนกับจิตที่ทรงฌาน แต่มันเกิดแป๊บเดียว เราจะทำให้สมาธิแบบนี้เกิดเยอะ ๆ เกิดบ่อย ๆ จนในที่สุดจะรู้สึกว่าสมาธิหรือตัวรู้นี้อยู่ได้นานขึ้น -- อ. ประสาน พุทธกุลสมศิริ คอร์สคนลาว 16 มิถุนายน 66
ต้องแม่นในกิจ ในหน้าที่ต่ออริยสัจ คือหน้าที่ต่อทุกข์ หรือรูปนาม เรามีหน้าที่รู้มัน เห็นมันตามความเป็นจริง หน้าที่ต่อสมุทัยหรือตัณหา คือละมัน หน้าที่ต่อนิโรธหรือความดับทุกข์ หรือพระนิพพาน มีหน้าที่เห็นมันเฉยๆ เราเห็นเอง เราไม่ได้ทำพระนิพพานให้เกิดขึ้นหรอก ความดับทุกข์นี่ เป็นผลของมรรค ที่เราเจริญเต็มที่แล้ว -- อ. ประสาน พุทธกุลสมศิริ คอร์สจีนออนไลน์ 16 พฤษภาคม 2566
The podcast currently has 266 episodes available.
56 Listeners
7 Listeners