รัฐบาลอาร์เจนตินาลดค่าเงินเปโซลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบำบัด สำหรับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อประจำปีพุ่งสูงถึง 160 เปอร์เซ็นต์  

ประธานาธิบดีฮาเวียร์ มิเล เตือนว่าวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศมีแนวโน้มที่จะเลวร้ายลงก่อนที่จะดีขึ้น โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา รัฐบาลของเขาได้เปิดเผยมาตรการต่างๆ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งมานูเอล อะดอร์นี โฆษกกระทรวงฯ กล่าวว่า "อยู่ในการบำบัดอย่างเข้มข้นต่อวิกฤตนี้" 

ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีตั้งแต่การลดค่าเงินเปโซที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ไปจนถึงการปรับลดค่าขนส่งและเงินอุดหนุนเชื้อเพลิง โครงการก่อสร้างสาธารณะใหม่ๆ ถูกระงับ และโฆษณาของรัฐบาลทั้งหมดถูกเพิกถอน ซึ่งเป้าหมายคือการลดการใช้จ่าย 25,000 ล้านดอลลาร์หรือร้อยละ 5 ของ GDP ของประเทศ เพื่อพยายามแก้ไขการขาดดุลการคลังเรื้อรังในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของละตินอเมริกา 

จนกระทั่ง มิลีได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อเดือนพฤศจิกายน ท่ามกลางกระแสความโกรธเคืองที่เกิดขึ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นซ้ำๆ มานานหลายทศวรรษ โดยมีสาเหตุมาจากหนี้ การพิมพ์เงินอย่างล้นหลาม ภาวะเงินเฟ้อและการขาดดุลทางการคลัง รัฐบาลชุดใหม่ของเขาพูดย้ำเสียงดังและบ่อยครั้งว่าประเทศกำลังใกล้จะเกิดภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรงอันเป็นผลมาจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาดของกลุ่มคนรุ่นก่อน และกำลัง "หมดเงิน" โดยสิ้นเชิง 

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเองก็มีเเนวโน้มที่จะเกิดปัญหาเงินเฟ้อได้เช่นเดียวกัน ถึงเเม้การที่ สนค.ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้กระทบเงินเฟ้อไม่มากนัก โดยคาดว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2566 อยู่ระหว่างร้อยละ (-0.3) – 1.7 (ค่ากลางอยู่ที่ร้อยละ 0.7) โดยมีปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงนั่นเอง