
Sign up to save your podcasts
Or
สวัสดี ผมชื่อโอลิเวอร์ อายุ 15 ปี และ...มีเรื่องประหลาดบางอย่างเกิดขึ้นในตอนที่ผมยังเด็ก และผมก็อยากให้คุณช่วยผมคิดหน่อยว่ามันคืออะไร... น่าประหลาดที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อผมดูหนังเรื่อง “เบรกกิ้งแบด” คุณคงรู้นะ ในเรื่องมีฉากทะเลทรายและรถจำนวนมาก และทั้งหมดนั้นกระตุ้นบางอย่างในตัวผมให้ตื่นขึ้น...ผมรู้สึกแปลก ๆ ตอนดูหนังเรื่องนี้ เหมือนมีความทรงจำที่ผมลืมไปนานแล้วเริ่มปรากฏในห้วงความคิดของผมอีกครั้ง ภาพนั้นเป็นเรื่องอะไรสักอย่างเกี่ยวกับทะเลทราย และ...มันแปลกมาก ดูเบลอ ๆ เลือน ๆ แล้วจากนั้นผมก็ฝันถึงเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ในความฝันของผม ผมยังเด็กมาก...อย่างอายุสัก 3 หรือ 4 ขวบได้ และผมก็นั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถยนต์ เห็นทะเลทรายอยู่ด้านนอกหน้าต่าง และที่เบาะหน้า...ตรงนั้นมีผู้ชายสองคน พวกเขานั่งกันเงียบ ๆ ส่วนผมกอดม้าหรือไม่ก็ลาสีน้ำเงินไว้ในมือ ผมจำได้ว่าตัวเองกอดรัดและบีบมันแน่นเพื่อข่มความกลัวเอาไว้
ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการเหงื่อแตกพลั่กตัวเย็นเฉียบ กอดหมอนเหมือนอย่างที่ผมกอดม้าในความฝัน ผมกลัวมากเสียจนไม่อาจหายใจได้ตามปกติ มันน่ากลัวมาก และผมก็พยายามข่มตานอนให้หลับ แต่กลายเป็นว่าผมลงเอยด้วยการนอนจ้องเพดานเป็นชั่วโมง ก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด อีกหลายวันต่อมา ผมเอาแต่คิดถึงแต่เรื่องนี้ เพราะมันให้ความรู้สึก...สมจริงมาก ๆ ในที่สุดพอผมลืมไปได้ จากนั้นผมก็เริ่มกลับมาฝันแบบเดิมอีกรอบ แล้วก็ฝันอีกเป็นครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ จนถึงตอนนั้น จึงไม่มีทางที่ผมจะลืมหรือคิดถึงเรื่องอื่นนอกจากความฝันของผมได้แล้ว ชายสองคนนั้นเป็นใคร และม้าสีน้ำเงินแปลก ๆ นั่นอีกล่ะ? ผมเริ่มคิดว่าบางทีนะ...แค่บางที นั่นอาจเป็นความทรงจำจริง ๆ ของผมที่ผมลืมไปแล้วก็ได้ ผมถามพ่อแม่เกี่ยวกับความฝันนี้ และแม่ก็สับสนงุนงงอย่างเห็นได้ชัด แม่ตอบว่าไม่ ไม่เคยมีอะไรอย่างนั้นเกิดขึ้นเลย แต่พ่อผม...พ่อผมแสดงอาการประหลาดมากจริง ๆ เขาบอกหนักแน่นเลยว่า ไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น แต่เขาก็เขียนอะไรสักอย่างขยุกขยุยบนกระดาษไปด้วย อย่างที่เขาชอบทำเสมอเวลาที่รู้สึกกระวนกระวายใจ จากนั้นก็โยนเศษกระดาษนั้นลงถังขยะต่อมา ผมไปคุ้ยขยะนั่นกลับมา เพราะบางทีอาจมีบางอย่างบอกใบ้ไว้ แต่ไม่เลย ในนั้นมีแค่รอยขีดเขียนมั่ว ๆ
ผมเริ่มสงสัยในปฏิกิริยาของพ่อผมอย่างมาก เพราะว่าเขาต้องรู้อะไรบางอย่างอย่างแน่นอน ในความคิดผม ผมนึกถึงทฤษฎีที่เลวร้ายไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และพ่อของผมอาจมีส่วนรู้เห็นด้วย แม่ไม่รู้อะไรแน่นอน แต่แม่เป็นคนที่ตื่นตระหนกและตกใจกับอะไร ๆ ได้ง่ายเสมออยู่แล้ว เธอคิดว่าบางทีผมอาจมีปัญหาจากอาการเครียดเรื่องเรียน ดังนั้นเธอเลยพาผมไปพบนักบำบัด นักบำบัดพยายามถามผมเรื่องความเครียดและการเรียน แต่ผมไม่อยากพูดเรื่องนั้นเลย เพราะผมรู้ว่านี่เป็นอะไรที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ผมบอกแม่ผมไม่ได้เพราะผมอยากได้ยินความจริงจากปากพ่อโดยตรงเสียก่อน.
สวัสดี ผมชื่อโอลิเวอร์ อายุ 15 ปี และ...มีเรื่องประหลาดบางอย่างเกิดขึ้นในตอนที่ผมยังเด็ก และผมก็อยากให้คุณช่วยผมคิดหน่อยว่ามันคืออะไร... น่าประหลาดที่ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อผมดูหนังเรื่อง “เบรกกิ้งแบด” คุณคงรู้นะ ในเรื่องมีฉากทะเลทรายและรถจำนวนมาก และทั้งหมดนั้นกระตุ้นบางอย่างในตัวผมให้ตื่นขึ้น...ผมรู้สึกแปลก ๆ ตอนดูหนังเรื่องนี้ เหมือนมีความทรงจำที่ผมลืมไปนานแล้วเริ่มปรากฏในห้วงความคิดของผมอีกครั้ง ภาพนั้นเป็นเรื่องอะไรสักอย่างเกี่ยวกับทะเลทราย และ...มันแปลกมาก ดูเบลอ ๆ เลือน ๆ แล้วจากนั้นผมก็ฝันถึงเรื่องนี้เป็นครั้งแรก ในความฝันของผม ผมยังเด็กมาก...อย่างอายุสัก 3 หรือ 4 ขวบได้ และผมก็นั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถยนต์ เห็นทะเลทรายอยู่ด้านนอกหน้าต่าง และที่เบาะหน้า...ตรงนั้นมีผู้ชายสองคน พวกเขานั่งกันเงียบ ๆ ส่วนผมกอดม้าหรือไม่ก็ลาสีน้ำเงินไว้ในมือ ผมจำได้ว่าตัวเองกอดรัดและบีบมันแน่นเพื่อข่มความกลัวเอาไว้
ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการเหงื่อแตกพลั่กตัวเย็นเฉียบ กอดหมอนเหมือนอย่างที่ผมกอดม้าในความฝัน ผมกลัวมากเสียจนไม่อาจหายใจได้ตามปกติ มันน่ากลัวมาก และผมก็พยายามข่มตานอนให้หลับ แต่กลายเป็นว่าผมลงเอยด้วยการนอนจ้องเพดานเป็นชั่วโมง ก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด อีกหลายวันต่อมา ผมเอาแต่คิดถึงแต่เรื่องนี้ เพราะมันให้ความรู้สึก...สมจริงมาก ๆ ในที่สุดพอผมลืมไปได้ จากนั้นผมก็เริ่มกลับมาฝันแบบเดิมอีกรอบ แล้วก็ฝันอีกเป็นครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ จนถึงตอนนั้น จึงไม่มีทางที่ผมจะลืมหรือคิดถึงเรื่องอื่นนอกจากความฝันของผมได้แล้ว ชายสองคนนั้นเป็นใคร และม้าสีน้ำเงินแปลก ๆ นั่นอีกล่ะ? ผมเริ่มคิดว่าบางทีนะ...แค่บางที นั่นอาจเป็นความทรงจำจริง ๆ ของผมที่ผมลืมไปแล้วก็ได้ ผมถามพ่อแม่เกี่ยวกับความฝันนี้ และแม่ก็สับสนงุนงงอย่างเห็นได้ชัด แม่ตอบว่าไม่ ไม่เคยมีอะไรอย่างนั้นเกิดขึ้นเลย แต่พ่อผม...พ่อผมแสดงอาการประหลาดมากจริง ๆ เขาบอกหนักแน่นเลยว่า ไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้น แต่เขาก็เขียนอะไรสักอย่างขยุกขยุยบนกระดาษไปด้วย อย่างที่เขาชอบทำเสมอเวลาที่รู้สึกกระวนกระวายใจ จากนั้นก็โยนเศษกระดาษนั้นลงถังขยะต่อมา ผมไปคุ้ยขยะนั่นกลับมา เพราะบางทีอาจมีบางอย่างบอกใบ้ไว้ แต่ไม่เลย ในนั้นมีแค่รอยขีดเขียนมั่ว ๆ
ผมเริ่มสงสัยในปฏิกิริยาของพ่อผมอย่างมาก เพราะว่าเขาต้องรู้อะไรบางอย่างอย่างแน่นอน ในความคิดผม ผมนึกถึงทฤษฎีที่เลวร้ายไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และพ่อของผมอาจมีส่วนรู้เห็นด้วย แม่ไม่รู้อะไรแน่นอน แต่แม่เป็นคนที่ตื่นตระหนกและตกใจกับอะไร ๆ ได้ง่ายเสมออยู่แล้ว เธอคิดว่าบางทีผมอาจมีปัญหาจากอาการเครียดเรื่องเรียน ดังนั้นเธอเลยพาผมไปพบนักบำบัด นักบำบัดพยายามถามผมเรื่องความเครียดและการเรียน แต่ผมไม่อยากพูดเรื่องนั้นเลย เพราะผมรู้ว่านี่เป็นอะไรที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ผมบอกแม่ผมไม่ได้เพราะผมอยากได้ยินความจริงจากปากพ่อโดยตรงเสียก่อน.
63 Listeners
42 Listeners
62,493 Listeners
267 Listeners
15 Listeners
13 Listeners
14 Listeners
1 Listeners
67 Listeners
11 Listeners
18 Listeners
9 Listeners
4 Listeners
0 Listeners
0 Listeners