คอร์สอานาปานสติ วันที่ 5-10 ธ.ค. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหารถามเมื่อวานตอนเช้าว่า ฐาน รู้ไหม? กายในกาย รู้ไหม? ปรารภความเพียร รู้ไหม? แค่นี้ก็พอแล้ว ถ้า ๓ อย่างนี้ แค่รู้คําว่า ปรารภความเพียร จะยืน จะเดิน จะนอน จะนั่ง จะทําอะไรในกิริยาชีวิต เข้าฐาน เข้าฐานรู้ลม เข้าฐาน เข้าฐาน รู้กายในกาย เข้าฐาน นิ่งรู้อิสระ นิ่งรู้เฉยอยู่อย่างอิสระ พอพูดอย่างนี้บางคนบอกทําไม่ได้ อ้าว จิตแรกทําได้ไหม? พอเข้าฐานปั๊บ เข้าได้ไหม? มันได้แล้วไง แต่มันออกจิตหลังๆใช่ไหม? พอจิตหลังๆมันออกใช่ไหม? เข้าใหม่ได้ไหม? ได้ มันออกอีกใช่ไหม? เข้าใหม่ได้ไหม? เออ ได้ มันออกอีก เข้าใหม่ได้ไหม? เออ นั่นน่ะ นี่เรียกว่า ปรารภความเพียร หรือคําที่พูดกันเมื่อวันนี้ตอนบ่ายว่า
อาตปฺปาย อนุโยคาย สาตจฺจาย ปธานาย
ตั้งความเพียรบ่อยๆ ต่อเนื่อง ติดต่อ เนืองๆ นานๆโก นุ หาโส กิมานนฺโท นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ
อนฺธกาเรน โอนทฺธา ปทีปํ น คเวสถโก นุ หาโส กิมานนฺโท พวกเธอ จะหัวเราะสนุกสนานร่าเริงอะไรกันอยู่นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ ในเมื่อโลกสันนิวาส คําว่า “โลกสันนิวาส” หมายความว่า พวกนั้นมันเข้าใจยิ่งกว่าพวกเรานะ มันเป็นภาษาพูดกัน โลกสันนิวาส คือโลกที่พวกเธอกําลังอยู่ ชีวิตที่พวกเธอกําลังเป็นอยู่ นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ มันถูกไฟลุกโพลงแผดเผาอยู่เนืองนิด อนฺธกาเรน โอนทฺธา หมายความว่า มันจะหยุด เธอจะยอมจมปลักอยู่กับความมืดที่มาห้อมล้อมชีวิตเธออยู่เหรอ ปทีปํ น คเวสถ ไฉนเธอจึงไม่หาที่พึ่งให้กับตัวเองเล่า
คำพระพุทธเจ้านี่ก็น่าเอามาคิดเหมือนกันนะ อย่างพวกเราในเมื่อตั้งใจที่จะเดินหน้าในเส้นทางของการปฏิบัติ น่าจะเอามาคิดเหมือนกันนะ มัวแต่เป็นหลงหา ร่าเริงอะไรกันอยู่กันนักกันหนาก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ไฟมันลุกโพลงแผดเผาอยู่ นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ คือโลกสันนิวาส โลกสันนิวาสคือที่เราอยู่นี่ กายใจนี้ที่มันเป็นอยู่ มันมีไฟลุกโพลงแผดเผามันอยู่ตลอดเวลา
ไฟคืออะไรบ้าง? ไฟ ๑๑ กอง
ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา อาทิตฺตํ ชาติยา ชรามรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุกฺเขหิ โทมนสฺเสหิ อุปายาเสหิ อาทิตฺตนฺติ
ไฟคือราคะ ไฟคือโทสะ ไฟคือโมหะ ไฟคือความโศกเศร้า ไฟคือความร่ำไรรําพัน ไฟคือความทุกข์กายไฟคือความทุกข์ใจ ไฟคือความไม่สมปรารถนา ไฟคือปรารถนาสิ่งใดแล้วก็ไม่ได้ในสิ่งนั้น
แล้วบางทีพระพุทธเจ้าบอก เพิ่มไปอีกนะ เพิ่มไฟเข้าไปอีกนะ
จกฺขุํ อาทิตฺตํ ตาเป็นของร้อน ตาเป็นไฟนะ ระวังนะ
รูปา อาทิตฺตารูปมันก็ร้อน ที่ตาเห็นน่ะมันก็ร้อนนะ มันเป็นไฟนะ
จกฺขุวิญฺญาณํ อาทิตฺตํ การเห็นก็เป็นของร้อน นอกจากตามันเป็นไฟ รูปเป็นไฟแล้ว การเห็นก็เป็นไฟนะ
จกฺขุสมฺผสฺโส อาทิตฺโต จักขุสัมผัสก็เป็นไฟนะ
จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา สุขหรือทุกข์ที่เกิดจากจากจักขุสัมผัสนั้นมันก็ร้อนนะ ดูสิ
เกน อาทิตฺตํ ร้อนเพราะอะไร
อาทิตฺตํ ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา ร้อนเพราะไฟคือราคะ ไฟคือโทสะ ไฟคือโมหะ
อาทิตฺตํ ชาติยา ชรามรเณน ร้อนเพราะไฟคือ ชาติ ชรา มรณะ
เราก็ควรจะนํามาคิดเหมือนกันนะ เพื่อที่จะต้อนตัวเองให้มันตรงทางกับที่พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ มิฉะนั้นเราจะถูกต้อนเข้าไป
พระพุทธเจ้าท่านเป็นผู้หลุดพ้นแล้ว แล้วท่านยืนอยู่ในจุดที่ท่านหลุดพ้นแล้ว แล้วก็มองลงมาสู่พวกเรา รูปธาตุนามธาตุ หรือ รูปนามกายใจของเรากําลังถูกไฟแผดเผาอยู่ เวลาท่านมอง ท่านก็ยิ่งมีแต่ความเมตตากรุณาสงสาร ท่านมองเห็นเราเป็นอย่างไร? มันเหมือนเด็กที่เล่นขี้ฝุ่น เขวี้ยงกันไปเขวี้ยงกันมา แล้วขี้ฝุ่นเหล่านั้นที่ลอยเกาะกลุ่มกันอยู่ ก็เกาะห่อหุ้มเด็กพวกนั้นเหมือนกับดินพอกหางหมู หนักขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ตายไป พอเกิดมาใหม่อีกก็เหมือนกับเด็กเล่นขี้ฝุ่น ถ้าท่านขึ้นไปนั่งอยู่บนหน้าผาสูงๆ เป็นจุดที่ท่านพ้นไปแล้ว พ้นจากขี้ฝุ่นเหล่านั้นแล้ว ก็เห็นเด็กมันไล่กัน วิ่งเล่นกัน เอาขี้ฝุ่นปาใส่กัน แล้วขี้ฝุ่นก็จับเกาะกันและกัน เป็นดินพอกหางหมู พอกไปที่กายนี้ทั้งกาย จนหนักเดินไม่ไหวแล้วก็ยังเล่นกันอยู่นั่นแหละ
เพราะฉะนั้นพวกเราเรียกว่าเป็นสัตว์ผู้โชคดีที่สุดในโลก ที่เจอคําสอนพระพุทธเจ้า เจอเส้นทางปฏิบัติ จุดที่พระพุทธเจ้าชี้ไว้นี้ เพราะมันเป็นจุดที่บริสุทธิ์ ไม่มีการไปไม่มีการมา เป็นจุดที่ทําให้หยุดเรื่องราวทั้งหมดได้ ดับไฟทั้งปวงได้ แล้วก็สู้กับทุกข์ทั้งปวงได้ พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ เพราะมันหยุดการปรุงแต่งทั้งหมด มันอยู่รอดพ้นจากอํานาจของจิตตสังขาร
#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร