คอร์สอานาปานสติ วันที่ 5-8 ก.ย. 67 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า
อปฺปกา เต มนุสฺเสสุ เย ชนา ปารคามิโน
อถายํ อิตรา ปชา ตีรเมวานุธาวติ
ในบรรดามวลมนุษยชาติ สัตว์ผู้ที่เข้าถึงฝั่งมันมีน้อย
กณฺหํ ธมฺมํ วิปฺปหาย สุกฺกํ ภาเวถ ปณฺฑิโต
คนที่มีปัญญาลงใจ มีอินทรีย์ มีความเชื่อในพระพุทธเจ้าแล้ว จะละธรรมอันดํา ธรรมอันดําก็คือสภาพธรรมที่อยู่ในอํานาจของอวิชชา แล้วก็เจริญธรรมขาว แต่คนๆนั้นจะต้องเป็นบัณฑิตชน บัณฑิตชนก็หมายความว่า คนที่มีปัญญา คือฟังคําของพระพุทธเจ้าจนลงใจแล้ว เข้าสู่ช่องทางที่พระพุทธเจ้าชี้ไว้ได้แล้ว
เย จ โข สมฺมทกฺขาเต ธมฺเม ธมฺมานุวตฺติโน
ผู้ใดประพฤติธรรมอันสมควรในธรรมที่เรา(พระพุทธเจ้า)ได้ชี้บอกไว้โดยชอบแล้ว
ตตฺราภิรติมิจฺเฉยฺย หิตฺวา กาเม อกิญฺจโน
ผู้นั้นจะล่วงจากบ่วงมาร ออกจากความอาลัย อาศัยสภาพธรรมที่ไม่มีอาลัยอยู่ แล้วก็จะข้ามถึงฝั่งที่ข้ามได้ยากอย่างยิ่ง
ตัวที่จะทําให้เรายากที่สุดก็คือความหลง เพราะว่าเราขยับตัวไม่ได้ พอบอกเราจะตั้งใจปฏิบัติ แต่ว่าพอขยับปั๊บก็ติดกับดักของโมหะ ติดกับดักของตัณหาทันที ซึ่งมันเป็นเรื่องราวที่ว่ากันไม่ได้ เพราะว่ามันอยู่ในอํานาจของอวิชชา เส้นทางมัน ๒ สาย อย่างที่พูดให้ฟังเมื่อคืน ว่าลู่หนึ่งเป็นลู่ของอวิชชา ลู่หนึ่งเป็นลู่ของวิชชา มันจึงต้องถูกตั้งแต่ต้น ทําอย่างไรถึงจะถูกตั้งแต่ต้น?
พระพุทธเจ้าสอนให้เราเริ่มต้นในการเข้าถึงจุดที่เป็นตั้งต้นของธรรม เพื่อที่จะให้มันอยู่ในเส้นทางของวิชชา อวิชชากับวิชชานี้ วิชชาจะต้องถูกตั้งแต่ต้น เหมือนเราจะไปเชียงใหม่ เส้นทางที่จะไปเชียงใหม่จะต้องถูกตั้งแต่ต้น ใช่ไหม? ถ้าผิดตั้งแต่ต้นมันก็ไปไม่ถึง จะไปเชียงใหม่แต่ว่าไปผ่านนครปฐม ราชบุรี ปราณบุรี หัวหิน ประจวบฯ ชุมพร แล้วหลงว่าใกล้แล้วๆ เพราะว่าแค่เดินทางนาน เหมือนคนที่ปฏิบัติ ได้เดินจงกรมนาน ได้นั่งสมาธินาน ได้สวดมนต์ไหว้พระนาน ก็เข้าใจว่าตัวเองบุญเต็มเปี่ยมแล้ว แต่หารู้ไม่ว่ามันอยู่ในลู่ของอวิชชา เพราะฉะนั้นมันจะต้องถูกตั้งแต่ต้น คือ ต้องเข้าตรงสู่ลู่ของวิชชาตั้งแต่ต้น คือ กายแท้ๆใจแท้ๆ
แล้วพึงรู้ไว้เถอะที่เราได้ยินคําว่า นิพพานเอย มรรคเอย ผลเอย มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ มันอยู่ในนี้ทั้งนั้น อยู่ตรงนี้ทั้งนั้น พอขึ้นต้นถูกเรื่องของมัน เส้นทางที่เดินก็จะเข้าถึงจุดหมายอันนั้นของการเดินทางเอง
สภาวะทุกข์ที่มันเกิดขึ้นแล้วมันดับ สภาวะที่ทุกข์มันดับไปแต่ละขณะๆ นั่นแหละคือนิพพาน
พระพุทธเจ้าเรียก ๓ ระยะ
๑. ตทังคนิพพาน คือ ดับชั่วครั้งชั่วคราว ดับเป็นเรื่องๆ ดับเป็นอย่างๆ
๒. วิกขัมภนนิพพาน คือ ดับด้วยการกดข่ม ด้วยสภาวะจิตที่เป็นกุศล ทั้งส่วนที่เป็นฌานและวิปัสสนาอย่างใดอย่างหนึ่ง
๓. สมุจเฉทนิพพาน คือ การดับโดยเด็ดขาด
พระพุทธเจ้าเจอว่าเส้นทางที่จะเดินเข้าไปสู่ความสิ้นเชื้อ หมดเชื้อท่านเปรียบว่า
ยถาปิ อญฺญตรํ พีชํ เหมือนพืชชนิดใดชนิดหนึ่ง
เขตฺเต วุตฺตํ วิรูหติ ที่หว่านลงในนาแล้วย่อมงอกได้
ปฐวีรสญฺจ อาคมฺม เพราะอาศัยรสแห่งแผ่นดิน คือดินดีมีปุ๋ย
สิเนหญฺจ ตทูภยํ และยางเหนียว
เพราะฉะนั้นเหมือนพืชชนิดใดชนิดหนึ่งที่หว่านลงในนาและย่อมงอกได้ เพราะอาศัยรสแห่งแผ่นดินและยางในของพืช เป็น ๒ ประการ มันจึงงอกขึ้นได้ฉันนั้น
เอวํ ขนฺธา จ ธาตุโย ฉ จ อายตนา อิเม ฉะนั้นเมื่อขันธ์ยังมีอยู่ก็เหมือนกัน
เหตุํ ปฏิจฺจ สมฺภูตา อาศัยเหตุจึงเกิดขึ้นได้
เหตุภงฺคา นิรุชฺฌเร เพราะเหตุแตกสลายจึงดับไป
แต่เราไม่เข้าใจตรงนี้ พอเราไม่เข้าใจตรงนี้เราก็เกิดของมันอยู่เรื่อยด้วยความเข้าใจผิด พระพุทธเจ้าเลยเปรียบว่า
ยถา หิ องฺคสมฺภารา เหตุเหล่านั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรที่เป็นจริงสักอย่างเดียว
โหติ สทฺโท รโถ อิติ เสียงหรือคําพูดที่เรียกว่ารสมันก็เกิดขึ้น
เอวํ ขนฺเธสุ สนฺเตสุ ขันธ์นี่ก็เหมือนกัน กายแท้ๆ ใจแท้ๆ รูปนามนี้เหมือนกันเลย
โหติ สตฺโตติ สมฺมติ การสมมติว่าสัตว์บุคคลจึงเกิดขึ้น
พระพุทธเจ้าตรัสว่า เมื่อใดที่อยู่ในอํานาจของอวิชชา
เอวเมตสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหติ
ความเกิดขึ้นแห่งทุกข์ทั้งปวงมันมีกลไกเป็นไปด้วยประการอย่างนี้
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค ภิกษุทั้งหลายนี่คือช่องๆเดียว
สตฺตานํ วิสุทฺธิยา เพื่อความบริสุทธิ์แห่งสัตว์
แต่ถ้าที่อื่นช่องของอวิชชามีเป็นล้านๆช่อง แต่ช่องที่มันจะเข้าให้มันถูกต้องตั้งแต่ตั้งต้นมีช่องเดียว ช่องเดียวที่ว่านี้คืออะไร? ช่องเดียวที่ว่าก็คือ ยทิทํ จตฺตาโร สติปฏฺฐานา ช่องที่ว่านี้ก็คือสติปัฏฐาน
#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน
#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร