" #สภาวะความรู้สึกตัวทั่วถึงทั่วพร้อม
.
จะเป็นสภาวะที่สติเริ่มมีกำลังแล้ว แสดงว่าอกุศลธรรมจะต้องเบาบางลงไปมาก ไม่ค่อยทุกข์ ไม่ค่อยกังวลกับเรื่องอะไรแล้ว ความคิดที่จรเข้ามา ความคิดที่เผลอไปเหลือน้อยแล้ว มีสติรู้ตัวมาก
.
ตรงนี้แหละ แต่ละคนใช้เวลาพัฒนาไม่เหมือนกัน เพราะพื้นฐานของจิต การใช้ชีวิตแต่ละคนก็แตกต่างกันไป
.
..บางคน พื้นฐานจิตไม่ดีเป็นอกุศลเยอะ ไหลเพลินไปกับโลกเยอะ แล้วก็มีเรื่องที่ต้องคิดต้องกังวลในการใช้ชีวิตแต่ละวันเยอะ หรือชอบเสพสื่อบันเทิงต่างๆมาก รับแต่อารมณ์ต่างๆเข้ามาในจิตมากมาก แล้วก็ให้เวลากับการฝึกปฏิบัติน้อย บางทีก็ใช้เวลาพัฒนากันนาน บางทีก็เป็นปีหลายปี กว่าจะรู้สึกว่าสติมันมีกำลัง
.
ก็ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยแต่ละคน
.
..บางคนก็เริ่มขยันฝึกมากขึ้นลดสัมผัสโลกน้อยลงก็เริ่มอาจจะพัฒนาได้เร็วขึ้น อาจจะไม่กี่เดือน ก็เริ่มไปแล้ว เริ่มทำได้ สติมีกำลัง ความฟุ้งซ่านน้อยลงแล้ว ความคิดที่จรเข้ามาก็น้อยลงนะ
.
หรือบางท่านพื้นฐานจิตใจดี เป็นคนที่มีจิตเป็นกุศลเป็นพื้นฐาน สัมผัสโลกน้อย ไม่ค่อยเครียด ไม่ค่อยกังวลกับเรื่องอะไร ไม่ค่อยคิดมาก ไม่ค่อยไปเสพสื่อต่างๆในโลกมากมาย เป็นคนไม่ค่อยคิดเยอะ บางทีใช้เวลาไม่นานก็พัฒนาได้เร็ว
.
เพราะฉะนั้น มันเป็นเรื่องของสภาวะที่จิตเริ่มตั้งมั่น ซึ่งแต่ละคนจะใช้เวลาไม่เท่ากัน บางคนก็อาจจะไม่กี่วัน บางคนก็ทำได้แล้ว บางคนก็หลายอาทิตย์ คนก็เป็นเดือน บางคนก็หลายเดือน บางคนก็เป็นปีบางคนหลายปีก็ยังไม่ถึง เพราะว่ามันมีเรื่องทางโลกเยอะ
.
หลักๆแล้ว ก็คือ พื้นฐานจิตใจ ถ้ามีพื้นฐานที่เรียกว่า #ศีลอันเป็นกุศล
.
คำว่า “ศีลอันเป็นกุศล” เป็นองค์ธรรมของจิต สภาวะจิตที่เป็นปรกติ รู้เนื้อรู้ตัว จิตที่ไม่ค่อยเป็นอกุศล พื้นฐานจิตใจที่เรียกว่า ศีลอันเป็นกุศล จิตมีสภาพเป็นปรกติ
.
แน่นอนว่าถ้าจิตมีสภาพเป็นปรกติ กาย วาจา ก็เป็นปรกติ
.
ศีล จริงๆที่เรียกว่า “เจตนาเป็นเครื่องงดเว้น” เป็นเรื่องขององค์ธรรม เป็นเรื่องของจิต
.
พื้นฐานจิตตรงนี้ แต่ละคนไม่เหมือนกัน ตั้งแต่องค์ประกอบเก่า เรื่องของการสร้างเหตุปัจจัยในอดีต การใช้ชีวิต สภาพแวดล้อมในปัจจุบัน การฝึกในปัจจุบันต่างๆ ก็แตกต่างกันไป
.
เพราะฉะนั้น การที่เราจะเข้าใจสภาวะความรู้สึกตัวทั่วถึง รู้สึกทั้งตัว ที่มันดูเหมือนรู้สึกตัวทั่วพร้อม จริงๆมันก็ไม่พร้อมหรอก เพราะจิตมันไวมาก เนื่องจากว่าสติมีกำลังทำให้เกิดจิตที่เป็นกุศลต่อเนื่อง..ต่อเนื่อง..ต่อเนื่อง.. จนการรับรู้ในมันแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน มันเลยรู้สึกได้พร้อมq แต่ถ้า เห็นเหมือนไฟกระพริบกระพริบ..กระพริบ..กระพริบ..แบบมีอกุศลคั่นเยอะ มันก็ไม่พร้อมหรอกเพราะว่ามันคอยจะไหลไปกับจิตที่เป็นอกุศล
.
แต่ถ้าจิตที่เป็นกุศลดี สติต่อเนื่องก็จะรู้เนื้อรู้ตัวได้ดี จนฝึกไปเรื่อยๆ มันรู้สึกว่ามันเหมือนมันรู้พร้อมเลย ถ้าละเอียดมากๆ บางทีมันรับรู้ได้แบบ.. รูขุมขนทั่วกายนี้ก็รู้สึกได้การรับรู้ระบบภายในมันรู้สึกได้ไปหมดเลย สติที่มีกำลังการรับรู้ก็จะลึกซึ้งขึ้นไป ถึงตรงนั้นแสดงว่าพื้นฐานจิตดีมากแล้ว จิตที่เรียกว่า “ศีลอันเป็นกุศล” จิตเป็นกุศลเป็นปรกติแล้ว คิดดีพูดดีทำดีเป็นปรกติ ไม่ค่อยมีความเครียดความกังวล ไม่ค่อยมีความฟุ้งซ่าน ไม่ค่อยมีความว้าวุ่นใจ จิตมีความสงบเย็น เป็นปรกติเป็นพื้นฐานของจิตในชีวิตประจำวัน.."
…………………………
ถ่ายทอดธรรมโดย
พระอาจารย์มหาวรพรต กิตฺติวโร
ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา
เช้า 24 มกราคม 2567
#ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต
ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่
Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree
Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation
YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree
Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/
SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree
LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol
LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ
Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com
TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree