"(ปุจฉา: ทำยังไงจะวางอุเบกขา กับคนที่เรารัก คนในครอบครัวได้ ?)

.

..อุเบกขานี้เป็นเรื่องของปัญญา เข้าใจ

รู้ทางการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง

ฝึกเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา เรื่องสติสัมปชัญญะ ก็จะทำให้เข้าใจ

.

ไม่ใช่การเฉยเมย ไม่ใช่การไม่แยแส ไม่ใช่การปล่อยวาง

.

แต่เป็นความปรารถนาดี อยากให้คนที่รัก

อยากให้ลูก อยากให้ครอบครัว

อยากให้ชนทั้งหลายอยู่ในภาวะที่ดีงาม มีความสุข

.

ชีวิตจะสมบูรณ์

เมตตาความรัก ความปรารถนา อย่างเดียวไม่พอ

บางทีอาจจะกลายเป็นพ่อแม่รังแกฉันได้

.

.

เพราะฉะนั้น อุเบกขาไม่ใช่การวางเฉย แบบเฉยเมย

แต่เป็นการวางใจเป็นกลาง เคารพเรื่องกรรม เรื่องกฎของกรรม

อยากให้สิ่งทั้งหลายอยู่ในภาวะที่ถูกต้องที่ดีงาม

ซึ่งตามกฎของกรรม ก็คือ เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

สร้างเหตุเช่นใดก็ได้เหตุเช่นนั้น

หว่านพืชเช่นใดย่อมได้ผลเช่นนั้น.."

………………………….

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ (ศูนย์ 1) กรุงเทพฯ

บ่ายหลังฝึกปฏิบัติ 17 มกราคม 2567

#อุเบกขา #วางใจเป็นกลาง #พรหมวิหาร #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..การที่จะสังเกตที่เรียกว่าพิจารณาจิตในเบื้องต้น ก็ผ่านสิ่งที่เรียกว่า องค์ประกอบของจิต ก่อน เมื่อสติสัมปชัญญะปัญญามีกำลังพอถึงจะค่อยแยกแยะองค์ประกอบลึกลงไป

เพราะฉะนั้นในจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานที่พุทธเจ้าตรัสสอนการพิจารณาจิตในจิตไว้ว่า

..จิตมีราคะ..ก็รู้ชัดว่าจิตมีราคะ

จิตปราศจากราคะก็รู้ชัดว่าจิตปราศจากราคะ

..จิตมีโทสะ..ก็รู้ชัดว่าจิตมีโทสะ

จิตปราศจากโทสะก็รู้ชัดว่าจิตปราศจากโทสะ

..จิตมีโมหะ..ก็รู้ชัดว่าจิตมีโมหะ

จิตปราศจากโมหะก็รู้ชัดว่าจิตปราศจากโมหะ

..จิตหดหู..ก็รู้ชัดว่าจิตหดหู่

จิตฟุ้งซ่านก็รู้ชัดว่าจิตฟุ้งซ่าน

..จิตเป็นมหัคคตะ..คือเข้าถึงความเป็นใหญ่ก็รู้ชัดว่าจิตเป็นมหัคคตะ

จิตไม่เป็นมหัคคตะก็รู้ชัดว่าจิตไม่เป็นมหัคคตะ

..จิตมีธรรมอื่นยิ่งกว่า..ก็รู้ชัดว่าจิตมีธรรมอื่นยิ่งกว่า

จิตไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าก็รู้ชัดว่าจิตไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่า

..จิตตั้งมั่น..ก็รู้ชัดว่าจิตตั้งมั่น

จิตไม่ตั้งมั่นก็รู้ชัดว่าจิตไม่ตั้งมัน

..จิตหลุดพ้น ก็รู้ชัดว่าจิตหลุดพ้น

จิตไม่หลุดพ้นก็รู้ชัดว่าจิตไม่หลุดพ้น

อาการของจิตที่ประกอบเข้าเป็นจิต 8 อาการนี้ด้วยกัน เป็นเครื่องสังเกตในการพิจารณาจิตในจิต.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ (ศูนย์ 1) กรุงเทพฯ

บ่าย 17 มกราคม 2567

#จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน #สติปัฏฐาน4 #ฐานจิต #องค์ประกอบของจิต #อาการจิต8คู่ #จิตมีราคะ #จิตมีโทสะ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..ที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า จิตที่ฝึกดีแล้วนำความสุขมาให้

.

ปฏิบัติไปกายเบาจิตเบามีความสุข หรือ สภาพจิตที่ดีงามมีความสุขจากจิตที่เป็นกุศล พวกนี้เหมือนน้ำ มันมีความชุ่มเย็นมีความเบาสบาย ก็ยกระดับจิตขึ้น ก็ได้รู้จักความสุขที่ประณีตกว่าความสุขแบบพื้นฐานเบื้องต้น

.

แต่เมื่อปฏิบัติไป ก็มีปัญญาก็รู้เท่าทันด้วยว่าสิ่งเหล่านี้มันก็ไม่เที่ยง เกิดปัจจัยปรุงแต่ง แม้กระทั่งสุขที่ประณีตมันก็ไม่เที่ยง

เกิดปีติ เที่ยงไหมโยม? ..ไม่เที่ยง มันก็ดับไป

เกิดความสุขเที่ยงไหม? ..มันก็ไม่เที่ยง มันเกิดแล้วก็ดับไป

.

ก็เริ่มเกิดปัญญารู้เท่าทัน ฝึกมากขึ้นเริ่มเห็นปัจจัยด้วย มันมีเหตุให้เกิดมันก็เกิด มันหมดมันก็ดับไป

.

ได้ฝึกเรื่องของเวทนา มันจะทำให้เราเกิดความเข้าใจอะไรมากขึ้นต่อชีวิตและนำมาสู่การใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้นเยอะ เริ่มลดละสละวางกับสิ่งต่างๆลงมา จากความอยากได้ใคร่ดีพุ่งไปตามสิ่งต่างๆในโลก จนนำมาซึ่งปัญหาชีวิตมากมาย ก็เริ่มลดลง กินง่ายอยู่ง่ายขึ้น ใช้ชีวิตง่ายขึ้น

.

ก็ฝึกไปสังเกต มีความสุขเกิดขึ้นก็รู้ มีความทุกข์เกิดขึ้นก็รู้

.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ปุถุชนที่ไม่ได้สดับ เมื่อเวทนาเกิดขึ้นก็โดน 2 ดอกเลย คือ โดนเวทนาทางกายด้วย แล้วก็โดนเวทนาทางใจด้วย

เช่น บางทีกายป่วย อย่างบางคนไปหาหมอ หมอตรวจสุขภาพอ้าวเป็นมะเร็งเป็นโรคร้าย ทีนี้ทรุดเลย ใจป่วยด้วย โดน 2 ดอก เวทนาทางกายไม่พอเวทนาทางใจด้วย ทุกข์เลย ทีนี้เครียดซึมเศร้าทุกข์หนัก บางคนป่วยหนักไปเร็วอีก เนี่ยเรื่องจิตใจมีผลต่อชีวิตมาก

หรือบางที ทุกข์ตากแดด ร้อน ทุกข์ เกิดทุกขเวทนา ปุ๊บ ใจกระสับกระส่าย ทุกข์หนักไปอีก ขับรถรถติดเกิดทุกขเวทนาทางกาย เมื่อย ปวดเมื่อย ใจก็บีบเค้นก็ทุกข์อีก โดนเวทนาไป 2 ดอก

.

แต่อริยสาวกผู้ฝึกฝนตนดีแล้ว ผู้ได้สดับดีแล้ว โดนดอกเดียว ทุกข์กายก็ไม่ทุกข์ใจ ด้วย เพราะว่าได้ฝึกสติสัมปชัญญะ มีจิตตั้งมั่น ทุกข์กายใจก็ไม่ทุกข์ แต่คนเราถ้าไม่ได้ปฏิบัติมีทุกข์กายทุกข์ใจด้วย มันก็โดน 2 ดอก

.

ยุคนี้เป็นยุคที่คนมีความทุกข์ในจิตใจ การปฏิบัติจึงเกื้อกูลการใช้ชีวิต ก็มาเรียนรู้เรื่องของเวทนา สังเกตความรู้สึก สุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม มันก็เกิดแล้วมันก็ดับไป ไม่ว่าจะเป็นเวทนาทางกายก็ตาม เวทนาทางใจก็ตาม มันเกิด แล้วมันก็ดับ ก็จะค่อยๆนำไปสู่การ ลด ละ สละ วาง.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ (ศูนย์ 1) กรุงเทพฯ

เช้า 17 มกราคม 2567

#เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน #สติปัฏฐาน4 #ฐานเวทนา #ความสุข #ความทุกข์ #เฉยๆ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..อาศัยความสงบหล่อเลี้ยงก่อน ให้จิตตั้งมั่นให้เกิดปัญญา คงเห็นว่าเราคงจมแช่อยู่ความสงบ ก็เลยมาสะกิด มาเตือนเรา แต่เราไม่เข้าใจ เราก็ไปโกรธแม่ชี

อาศัยความสงบให้เกิดความตั้งมั่น แล้วปัญญาจะตามมา

ก่อนที่จะเกิดปัญญาเนี่ย เราก็ต้องมีความสงบเป็นพื้นฐานก่อน มีความสงบหล่อเลี้ยงจิตใจ อย่างน้อยเรามีศีลเป็นพื้นฐานแล้ว

พอมีศีลเป็นพื้นฐาน ความไม่ร้อนใจก็เกิดขึ้น ใจไม่ร้อน สบาย ๆ ความสงบก็เกิดขึ้นโดยง่าย.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ (ศูนย์ 1)

ค่ำ 16 มกราคม 2567

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..ทุกข์จากการที่หลงกาย หลงยึดมั่นกับสิ่งต่างๆ ยิ่งยึดมากก็ทุกข์มาก

.

การจะหลุดจากการยึดมั่นถือมั่นก็ต้องเห็นความจริง เริ่มต้นที่เห็นกายตามความเป็นจริงก่อน

.

ปกติมองอะไรมันก็กลายเป็นคนเป็นตัวเราเป็นของเรา นั่นภรรยาเรา นี่สามีเรา นี่ลูก นี่บ้าน นี่รถ มันกลายเป็นสมมติไปหมดเลย อินไปกับเรื่องราวในสมมติไปหมดเลย

.

แต่พอฝึกๆไปสติเริ่มมีกำลังใจ ทีนี้เริ่มหยั่งเข้าสู่สภาวธรรมที่เป็นปรมัตถธรรม เหลือแต่ความรู้สึกล้วนๆหลุดจากความเป็นโลกสมมติมายา แล้วจะเริ่มรู้ว่าจิตมันปรุงขึ้นมานี่แหละ

.

กายที่เราเห็นเป็นสมมติมันก็มาจากจิตที่ปรุงแต่ง จริงๆแล้วมันเกิดจากการเห็นเป็นภาพเสมือนในใจที่มันปรุงมาเป็นภาพในหัว อย่างตอนนี้ลองนึกถึงหน้าคนที่รัก นึกออกไหม? มันก็อย่างนั้นแหละมันปรุงขึ้นมาในจิตใจ แล้วก็ยึดกับสิ่งที่ปรุงแต่งในจิตใจ

.

ทำยังไงจะหลุดจากโลกปรุงแต่งตรงนี้ล่ะ? หลุดจากความทุกข์เหล่านี้ล่ะ?

.

ก็กลับมารู้สึกกาย กลับมาทำความรู้สึกตัว

.

พอสติมีกำลังทีนี้มันหลุดจากการปรุงแต่ง มันก็เห็นตามความเป็นจริง เห็นกายก็สักแต่ว่ากาย

.

ที่มาของความทุกข์เหตุแห่งทุกข์กิเลสทั้งหลายทั้งปวงก็มาจากหลงกายมากเลย ที่เราต้องหลงไปกับการดิ้นรนกันต่อสู้ชีวิตต่างๆ

.

เบื้องต้นพระองค์จึงทรงสอนให้ฝึกกายก่อน เพื่อรู้เห็นกาย และก็ละกาย ละความยึดมั่นถือมั่น ละความเห็นผิดในกายก่อน ว่าจริงๆแล้วกายมันก็สักแต่ว่ากาย สักแต่ว่าธาตุตามธรรมชาติไม่ใช่ตัวตนบุคคลเราเขา

.

การจะเห็นแบบนี้ได้ก็ต้องฝึกสติปัฏฐาน ฝึกไปทีนี้มันเริ่มเห็นแล้ว โอ้ ร่างกายที่เคยหลงรักหลงยึดมั่นมากเป็นไง มันก็ระบบการทำงานของกาย บางคนกำลังเดินอยู่มันเหมือนหุ่นยนต์ซะแล้ว มันไม่ใช่เราซะแล้ว ความยึด ความเป็นตัวตนมันเบาบางลงไปเมื่อสติตั้งมั่นขึ้นมา

.

ปกติมันยึดเหนี่ยวแน่นเลย นี่แหละตัวเรา ฉันอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วก็ยึดไป ทุกข์ไป

.

แต่พอฝึกไป เริ่มสติตั้งมั่น เห็นกายก็สักแต่ว่ากาย เริ่มเห็น ตาในเริ่มตื่น

.

หลัก คือ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ ถอนความพอใจไม่พอใจในโลก จิตเริ่มตั้งมั่นมีความเป็นกลางหลุดจากความยินดียินร้าย.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ (ศูนย์ 1) กรุงเทพฯ

บ่าย 16 มกราคม 2567

#พิจารณากายในกาย #สติปัฏฐาน4 #ฐานกาย #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..จิตแท้ๆก็ผ่องใสประภัสสร แต่เศร้าหมองเพราะอุปกิเลสจรมา สัมผัสโลกสัมผัสสิ่งต่างๆในโลกทำให้เกิดกิเลสเครื่องเศร้าหมอง กลายเป็นคนโกรธง่าย หงุดหงิดง่าย ขี้โกรธ ขี้หงุดหงิด ขี้เอาแต่ใจ ขี้เหงา เป็นไหม?

.

ใจแท้ๆผ่องใสไม่มีอะไรเรื่องพวกนี้หรอก สิ่งเหล่านี้อันนี้มันเกิดจากการสัมผัสโลกเกิดกิเลสเครื่องเศร้าหมองต่างๆ

.

การจะชำระจิตให้หมดจดก็ต้องผ่านกระบวนการ ลดการสัมผัสสิ่งต่างๆในโลกลง สัมผัสเท่าที่จำเป็น เจริญสติสัมปชัญญะ เจริญอริยมรรคมีองค์ 8 ละธรรม 6 ประการ..

• ละความเป็นผู้มีกิจธุระมาก ลดกิจธุระที่ไม่จำเป็นลง

• ละความเป็นผู้เห็นแก่การนอนหลับมาก พักผ่อนแต่พอดี

• ละการพูดคุยมาก สำรวมวาจามากขึ้น

• ละความเป็นผู้คลุกคลีด้วยหมู่คณะ ลดการคลุกคลีด้วยหมู่คณะลง งานสังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้ต่างๆอะไรที่ไม่จำเป็นกับชีวิตก็ลดลง

• ละความเป็นผู้ไม่รู้ประมาณในการบริโภค ก็บริโภคแบบพอดี

• ละความเป็นผู้ไม่สำรวม รู้จักการสำรวมอินทรีย์ใช้ตาดูหูฟังให้เป็น ในสิ่งที่จำเป็นในชีวิต ลดรายการบันเทิงลงการดูหนังดูละครซีรีส์ เวลาโยมเจริญสติแล้วโยมไปดูพวกนี้ สังเกตไหมดูแป๊บเดียว ค้างในจิตเต็มเลย เรื่องในหัวเยอะเลย มันมาสะสมในจิตเรา เพราะจิตมันซึมซับได้

ลดการสัมผัสลง ใช้ตาดู หูฟัง สิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งที่สำคัญต่อชีวิต ต่อกิการงาน ต่อการพัฒนาสติปัญญา ก็รู้จักสำรวมอินทรีย์

ธรรม 6 ประการนี้ ถ้าญาติโยมละได้ก็จะเกื้อกูลกับการปฏิบัติต่อการเจริญสติสัมปชัญญะมากขึ้ย

การเจริญสติมีสติรู้เนื้อรู้ตัวก็จะทำได้ดีขึ้น.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ (ศูนย์ 1) กรุงเทพฯ

เช้า 16 มกราคม 2567

#ละธรรม6ประการ #พัฒนาสตืสัมปชัญญะ #ชำระจิต #สติปัฏฐาน4 #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"ถ้าถามว่า..เรามาเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม

..เราปฏิบัติธรรมไปทำไม ?

..เราปฏิบัติธรรมแล้วได้อะไร ?

..ปฏิบัติธรรมแล้วจะช่วยให้พ้นทุกข์ได้อย่างไร ?

คำตอบนี้ เป็นสิ่งที่ญาติโยมจะตอบได้ด้วยตัวเอง ไม่มีใครตอบได้นอกจากตัวเราเอง

ถ้าเรามองย้อนไปก่อนที่เราจะมาปฏิบัติธรรม ลองมองย้อนไปดูว่าชีวิตเรามีความทุกข์กันบ้างไหม ?

ต่อให้คนที่จะสนใจพ้นทุกข์หรือว่าไม่สนใจก็ตาม แต่สิ่งที่เจอเหมือนกันคือความทุกข์

บางทีก็ทุกข์จากความพลัดพรากนะ

โยมเคยอกหักกันไหม ? ถ้าใครเคยอกหักก็คงจะรู้ว่าความทุกข์จากความพลัดพรากเป็นอย่างไร ? ความเสียใจเป็นอย่างไร ?

ความทุกข์จากการประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก

มีคนมาพูดไม่ดีกับเรา ใจเป็นทุกข์บ้างก็มี

บางที #เป็นทุกข์เกี่ยวกับสุขภาพ

บางทีไปตรวจร่างกาย ผลออกมาปีนี้ ค่าตับค่าไตไม่เหมือนเดิมแล้วนะ อายุก็มากขึ้น มีความเสื่อม ..เป็นทุกข์กับความเสื่อมของร่างกาย

บางก็เป็นทุกข์กับกิจการไม่เป็นไปดั่งใจก็มี

เราก็จะประสบทุกข์เล็กทุกข์น้อยทุกข์ใหญ่กัน

อย่างอยู่ในกรุงเทพฯ นี่เจอแน่นอนเลย ..รถติด

อาตมาก็เคยใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ เหมือนกัน ..รู้เลยบางทีเนี่ย ระยะทางไม่ไกล 2-3 กิโลเมตร แต่บางทีติดเป็นชั่วโมงก็มี

รถติดก็เป็นทุกข์ได้เหมือนกัน

ชีวิตเราก็ผ่านความทุกข์กันมามากมายนะ ถ้าเรามองย้อนไปดูตั้งแต่วัยเด็ก

สมมติโยมอายุ 40-50 แล้วกัน ก็คงจะผ่านทุกข์กันมามากมาย แล้วเรายังมองดูว่าถ้าสมมติโยมมีอายุต่อไปถึง 80

สมมติโยมอายุตอนนี้ 40 ที่ผ่านมาก็คงจะมีความทุกข์ แล้วถ้าผ่านไปอีก 40 ปี ระหว่างที่จะถึงวัยที่ 80 นี่ โยมว่าโยมจะมีความทุกข์อยู่ไหม ? ..ก็มีนะ เพราะผ่านมาก็ทุกข์ ถ้าปัจจุบันทุกข์ อนาคตก็ทุกข์

แล้วถ้าวันสุดท้ายของชีวิตมาถึงก็น่าจะมีทุกข์นะ อย่างน้อยก็ทุกข์ที่เราต้องเข้าโรงพยาบาล

แล้วก็บางทีอยู่ห้องมืด ๆ คนเดียว ไม่มีใครเข้ามาดูแลเลย ก็ไม่รู้จะวางใจอย่างไร ?

..เหมือนกัน.. ถ้าไม่ฝึกไว้ตั้งแต่ตอนนี้ แสดงว่าอดีตทุกข์ ปัจจุบันทุกข์ อนาคตทุกข์

เราเริ่มรู้แล้วว่า ความทุกข์มีอยู่จริง

การที่เข้ามาเส้นทางการปฏิบัติธรรม สมมุติว่าโยมมีทุกข์อยู่ 100% เลย จิตใจของแต่ละคนแต่ละท่าน ไม่ว่าจะมีทุกข์ เรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป ลองมีสัก 100 หน่วย

ถ้าเส้นทางการปฏิบัติธรรม เส้นทางแห่งการพ้นทุกข์ ถูกนำจะถูก delete [ลบ] ไปจนเป็นศูนย์..."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ (ศูนย์ 1)

ค่ำ 15 มกราคม 2567

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..พระพุทธศาสนาสอนให้ "รู้ทุกข์" "เห็นทุกข์"

.

"รู้ทุกข์" ไม่ใช่ว่า จมอยู่กับความทุกข์

.

อะไรๆก็สอนเรื่องทุกข์ ผู้ที่รู้ทุกข์ เห็นทุกข์ไม่ได้เป็นทุกข์

.

ก็เหมือนคนตกลงไปในน้ำ กับ คนที่ยืนอยู่บนฝั่งแล้วมองกระแสน้ำที่ไหลไป ต่างกันไหม?

.

ต่างกัน ถ้าโยมจมอยู่กับความทุกข์เนี่ยโยมจะไม่เห็นทุกข์

.

แต่เมื่อใดโยมมีสติเห็นทุกข์ โยมก็จะไม่จมไปกับความทุกข์ ตรงนี้พอเริ่มฝึกอยู่กับความรู้สึกตัวเป็นจะเริ่มเข้าใจ

.

เบื้องต้นก็ฝึกที่จะอยู่กับความรู้สึกตัวให้เป็น เท้าสัมผัสพื้นก็รู้ รู้สึกได้

ปกติเท้ามันก็สัมผัสพื้นอยู่แล้วล่ะ แต่ปกติรู้สึกไหมล่ะ ? แล้วไม่รู้สึกแล้วไปไหน ? ก็อยู่กับความคิดอารมณ์ ที่นี้พอกลับมารู้สึก มันจะหลุดออกจากความคิด

.

ไม่ได้หมายความว่าความคิดต้องดับนะ มันก็คิดแต่ว่ามันมีความรู้สึกตัวอยู่นั่นเอง.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทยฯ (ศูนย์ 1) กรุงเทพฯ

บ่าย 15 มกราคม 2567

#รู้ทุกข์ #เห็นทุกข์ #สติ #สัมปชัญญะ #ความรู้สึกตัว #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"(ปุจฉา: ชีวิตที่เกิดมาเราทำชั่วมามากมาย ทำกรรมหนักมามาก ผิดศีลทุกข้อ อนุสาสนีปาฏิหาริย์สามารถส่งผลให้เราไม่ตกอภัยได้จริงหรือเจ้าคะ เพียงเพราะฟังธรรมไม่กี่นาทีก่อนตาย ?)

"..การจะเปลี่ยนวิถีตัวเองมันไม่ได้ง่ายเลย เมื่อร่องเดิมมันสะสมอนุสัยกิเลสพฤติกรรมที่ไม่ดีต่างๆมากมาย อยู่ๆมันจะเปลี่ยนไม่ใช่เรื่องง่าย ก็ต้องใช้เวลาในการฝึกฝนขัดเกลา

.

เพราะฉะนั้น ก็อย่าไปรอใกล้ตาย มันจะไม่ทันกัน การจะเปลี่ยนวิถีจิตใจเป็นสิ่งที่ยากมากเพราะว่า มันมีสิ่งที่เป็นอนุสัยกิเลส มันมีสิ่งที่สะสมอยู่ในส่วนลึกในขันธสันดาน มันมีแรงขับดันอยู่

.

ฉะนั้น มันต้องอาศัยการฝึกปฏิบัติต่อเนื่อง การลดละเลิกการขัดเกลา โดยเฉพาะถ้าเราผ่านเรื่องการสะสมกิเลสมากๆ

.

แต่บางท่านอาจมีอุปนิสัยเก่า ก็อาจจะเกิดการเปลี่ยนปุ๊บปั๊บทันทีทันใดก็เป็นไปได้เหมือนกัน

.

ทุกอย่างแล้วมันก็ต้องมาเปลี่ยนกันด้วยมรรคมีองค์ 8 ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

.

อย่างองคุลิมาร เพราะความไม่รู้ อาจารย์ก็.. ถูกยุแย แล้วก็แนะนำสิ่งที่ผิดให้ไปตัดนิ้วฆ่าคน ก็หลงฆ่าคนไปถึง 999 คน ทำสิ่งที่โหดร้ายมาก เพราะความไม่รู้ เข้าใจว่าเป็นเรื่องของการฝึกวิชา สุดท้ายก็ยังมีวาสนาพระพุทธเจ้ามาโปรด ให้ธรรมะก็สามารถตื่นโพล่งสำนึกได้กลับตัวกลับใจ จากนั้นก็ออกบวชแล้วก็ฝึกปฏิบัติดำเนินตามมรรคมีองค์ 8 สุดท้ายก็สามารถชำระกิเลสได้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองต่างๆ ก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้

.

ก็เปลี่ยนแปลงกันได้ด้วยมรรคมีองค์ 8 ปฏิบัติธรรมสมควร

.

เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปรอตาย ก็เอาตอนเป็นๆ พบธรรมะเมื่อไหร่ก็ฟังเมื่อนั้น มีศรัทธาเมื่อไหร่ก็ปฏิบัติเมื่อนั้นแหละ เพราะชีวิตเราก็ไม่ได้ยืนยาวนะ

.

ส่วนผู้ที่พบธรรมะตอนใกล้ตายให้ฟังก็เป็นโอกาสที่ดี ส่วนผลจะเป็นยังไงต่อไปก็ตามเหตุปัจจัย ไม่สามารถตอบได้ว่าจะสามารถทำให้เกิดการบรรลุธรรมได้จริงไหม เพราะแต่ละคนก็มีเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน ทั้งสิ่งที่อยู่ในขันธสันดาน บารมีก็ดี กิเลสอนุสัยต่างๆที่สะสม

.

เหตุปัจจัยต่างกันผลก็ต่างกัน ตามเหตุตามปัจจัย

.

แต่สิ่งสำคัญที่เหมือนกันก็คือ เมื่อได้มีโอกาสตระหนักรู้แล้ว สำนึกผิดในสิ่งที่ทำไปก็

..หยุดงดเว้นจากการทำบาปและอกุศลกรรม

..ทำแต่ความดีทำกุศลให้ถึงพร้อม

..หมั่นชำระจิตให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองต่างๆ

นี้เป็นคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 15 มกราคม 2567

#เปลี่ยนวิถีชีวิต #เปลี่ยนร่องจิต #อริยมรรคมีองค์8 #ปฏิปทาเพื่อความดับไม่เหลือแห่งกรรม #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..หลังจากออกจากสมาธิแล้วนอนไม่หลับ

.

มันก็มีอาการที่แตกต่างกันไป เช่น บางครั้งมันฟุ้ง ปรุงไม่หยุดเลย เรื่องราวต่างๆผุดขึ้นมาก็นอนไม่หลับ

.

หรือว่า จิตมีความสงบตั้งมั่น มีความตื่นตัวรู้เนื้อรู้ตัวได้ดี จิตมันตื่น เวลานอน สติก็ดีมากเลย มันตื่นตัวมาก จิตตื่น ก็นอนไม่หลับเหมือนกัน

.

ถ้าเป็นกรณีที่มันฟุ้ง ก็คือ จิตมันคลายอารมณ์ต่างๆที่คั่งค้างออกมา ก็ปล่อยให้กลไกมันดำเนินไป มันจะฟุ้ง หรือว่าบางทีมันก็ฝันก็ปล่อยให้มันเป็นไป ก็มีสติรู้อยู่

ก็นอนไป นอนรู้สึกตัว รู้กายรู้ใจไป จะหลับไม่หลับก็ช่าง ถึงจุดหนึ่งเขาก็หลับของเขาเองนั่นแหละ

.

แต่ถ้าจิตเข้าถึงความสงบตั้งมั่น จิตมีความตื่นตัวได้ดี ทีนี้จิตมันตื่น เหมือนไฟที่มันสว่างอยู่ นอน ทีนี้มันไม่หลับ ก็ภาวนาต่อ นอนภาวนาต่อนั่นแหละ จะหลับไม่หลับก็ช่าง ถึงจุดหนึ่งกายมันอาจจะหลับ แต่จิตตื่นรู้อยู่ก็ได้

.

สิ่งที่ต้องพักผ่อนจริงๆ ก็เป็นเรื่องของร่างกาย ประสาทระบบต่างๆในร่างกาย แต่จิตจริงๆนี่มันมันเป็นเรื่องของภาวะ สภาพรู้ มันตื่นก็ปล่อยให้มันตื่นไป

.

บางท่านไปถึงจุดหนึ่ง กายหลับแต่จิตก็ตื่น..ก็มี

.

หรือบางครั้งมันไม่หลับ แต่ว่าก็ภาวนาไป รู้ตื่นอยู่ เช้ามามันก็ไม่เพลียหรอก มันก็ทำกิจต่างๆได้ บางครั้งมันก็เป็นหลับช่วงหนึ่ง

.

ผู้มี่ฝึกสมาธิเป็นประจำ จิตกับกายมันเนื่องกัน เวลาจิตเข้าถึงสมาธิดีๆระบบในร่างกาย ระบบสมอง ก็เข้าสู่ภาวะที่มีประสิทธิภาพ บางทีนอนไม่นานแต่ว่าอิ่มแล้วพอแล้ว ประสิทธิภาพดีกว่า จะผิดกับคนที่บางทีมันเรื่องในหัวเยอะจากการใช้ชีวิต รับเรื่องราวต่างๆในชีวิตเยอะ เวลานอนก็ฟุ้งซ่านกระสับกระส่าย คิดสะเปะสะปะ นอนไม่หลับ คิดเยอะ สมองก็ทำงานตลอดเวลา ไม่ได้พัก

แม้นอนหลายชั่วโมง แต่เช้ามาบางทีก็รู้สึกเพลียล้าไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า เหมือนไม่ได้พักผ่อน

.

แต่ผู้ที่ฝึกภาวนาเป็นประจำ สัมผัสโลกน้อย ไม่ค่อยมีเรื่องค้างคาในจิต

โดยเฉพาะก่อนนอนก็นอนภาวนาจนจิตสงบเกลี้ยงเกลาดี เหมือนร่างกายที่อาบน้ำชำระจนสะอาด ก็สงบ

คลื่นสมองก็จะเป็นคลื่นที่ประณีต อย่างนี้พอนอนภาวนาไป เหมือนพักไม่นานก็อิ่มแล้ว ตื่นมาก็สดชื่นกระปรี้กระเปร่า

.

คนที่ฝึกสมาธิเป็นประจำ พักไม่มาก แต่ว่าการพักผ่อนมีประสิทธิภาพ

เพราะว่าช่วงเวลาการนอนหลับแล้ว จะมีช่วงเวลาที่มีประสิทธิภาพจริงๆ ก็คือ ช่วงของการหลับลึก

บางทีเรานอน 7-8 ชั่วโมงแต่มันจะมีช่วงหลับลึกจริงๆไม่เท่าไหร่หรอก อาจจะชั่วโมง 2 ชั่วโมง ช่วงนั้นแหละเป็นช่วงที่มีการพักผ่อนที่มีประสิทธิภาพ ระบบฮอร์โมนต่างๆก็ทำงานได้มีประสิทธิภาพการฟื้นฟูต่างๆ

.

คนที่ฝึกสมาธิเป็นประจำจนถึงจุดของความสงบในระบบสมองจะเป็นแบบนั้นแหละ คล้ายการหลับลึก เกิดการพักผ่อนฟื้นฟู

เพราะฉะนั้น คนที่ฝึกสมาธิเป็นประจำคลื่นสมองประณีต ก็พักจริงๆก็พักไม่เยอะ

.

เพราะฉะนั้นก็ให้สังเกตตัวเองดูว่าเป็นอาการแบบไหนที่ว่านอนไม่หลับ นอนไม่หลับเพราะว่ามันฟุ้งสะเปะสะปะ หรือว่าจิตมันสงบ มันตื่นตัว.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 14 มกราคม 2567

#ภาวนา #นอนไม่หลับ #กายหลับจิตตื่น #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree