"..ชีวิตคนเรานี้ก็ไม่ได้มีแค่เรื่องกายภาพเท่านั้น ก็มีเรื่องของจิตใจด้วย สิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตใจก็นี่แหละ การฝึกปฏิบัติ เรื่องของบุญกุศลต่างๆ ความคิดที่ดี คำพูดที่ดี การกระทำที่ดี แล้วก็ฝึกหัดภาวนา

นอกจากการเจริญอานาปานสติ มีสติรู้ลมหายใจเข้าออกแล้ว ก็รู้จักการเรียนรู้การเจริญสติสัมปชัญญะ

อย่างในขณะนั่งอยู่เนี่ย ก็ระลึกรู้กายที่นั่งอยู่

รู้สึกถึงก้นที่สัมผัสพื้น รู้สึกถึงขาที่สัมผัสพื้น

รู้สึกถึงฝ่าเท้าที่สัมผัสพื้น

เบื้องต้นก็จุดสัมผัสเนี่ยจะทำให้มีความรู้สึกตัวได้ง่าย

..ก็รู้สึกถึงก้นสัมผัสพื้น รู้สึกถึงขาสัมผัสพื้น

..รู้สึกถึงฝ่าเท้าสัมผัสพื้นสำหรับคนที่นั่งเก้าอี้

..แผ่นหลังตั้งตรง คลายหัวไหล่ออก

..รู้สึกถึงมือที่วางอยู่

..ศีรษะตั้งตรง

..หายใจสบาย ๆ ผ่อนคลายทั้งตัวสบาย ๆ

..รู้สึกถึงการหายใจ

..การกระเพื่อมหน้าอกหน้าท้อง

..รับรู้ความรู้สึกของกายที่กำลังนั่งอยู่

ก็เจริญสติสัมปชัญญะ ความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่องกันไป

เมื่อญาติโยมอยู่กับความรู้สึกตัวได้ดี อยู่กับความรู้เนื้อรู้ตัวได้ดีจิตก็หลุดออกจากความคิดปรุงแต่งต่างๆ อยู่กับความรู้สึกกายอยู่กับความรู้สึกใจ

ความรู้สึกตัวนี้ก็เป็นคู่ปรับกับความคิด ปกติชีวิตคนเราก็จะไหลไปกับโลกของความคิดปรุงแต่งต่างๆ

ส่วนใหญ่ก็ชอบคิดให้วุ่นวายใจด้วยเกิดความเครียดความกังวลต่างๆ บางทีก็คิดมากจนนอนไม่หลับเลยมันฟุ้งคิดไปต่างๆนานา คิดให้ไม่สบายใจเกิดความโกรธเกิดความวุ่นวายใจต่างๆ แต่ถ้าญาติโยมรู้จักการเจริญสติสัมปชัญญะ ความรู้สึกตัวขึ้นมา ก็จะหลุดออกจากความคิด ฝึกใหม่ๆกำลังสติน้อยรู้สึกตัวขึ้นมาได้ประเดี๋ยวประด๋าว เดี๋ยวใจก็เผลอไปลงไปในเรื่องราวต่างๆ ก็หมั่นระลึกรู้สึกตัวทำความรู้สึกตัวขึ้นมาอยู่เสมอ นั่งก็ระลึกรู้สึกตัว ในขณะยืนก็ระลึกรู้สึกตัว ทำความรู้สึกตัวขึ้นมา ในขณะเดินก็ทำความรู้สึกตัว ในขณะเดินคู้เหยียดเคลื่อนไหว ตั้งกายไว้อย่างไรก็ระลึกรู้สึกตัวทำความรู้สึกตัวขึ้นมาอยู่เสมอ

บางครั้งรู้สึกว่าความคิดมันเยอะมันไม่ค่อยอยู่กับความรู้สึกตัวมันไม่ค่อยอยู่กับลมหายใจเลย เราก็สามารถใช้การคิดพิจารณาได้ เรียกว่า การกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย ภาษาพระเรียกว่า โยนิโสมนสิการ.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 16 ธันวาคม 2566

#บุญกุศล #หล่อเลี้ยงใจ #ทานศีลภาวนา #ความรู้สึกตัว #สติสัมปชัญญะ #โยนิโสมนสิการ #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"ทุกครั้งที่มีความทุกข์ในชีวิต ยิ่งทุกข์หนัก ๆ แวะดูสักพักหนึ่งนะ สังเกตุ เรียนรู้ ดูว่าทำไมถึงทุกข์ ?

ทำไมถึงทุกข์ ? …พอเริ่มมีคำถาม จิตจะเริ่มเข้าไปหาเหตุ แล้วทุกคนก็จะเริ่มเห็นเหตุตามระดับจิตที่พัฒนาขึ้นมาแตกต่างกัน

พอเหตุดับ ผลก็ดับ จะไม่กลับมาทุกข์กับเรื่องหนัก ๆ แบบนี้อีก เรียกว่า อาศัยความทุกข์เป็นการยกระดับจิตใจและก้าวเดิน …ไม่ย้อนกลับมาทุกข์เรื่องเดิมอีก

แต่ถ้าใครผ่านไป …ปล่อยผ่านไป ไม่ได้เรียนรู้ทุกข์ บางทีก็พลาดโอกาสได้นะ

ทุกครั้งในชีวิต แม้กระทั่งทุกข์เล็ก ๆ น้อย ๆ บางที่เรามองผ่านไป ก็ไม่ได้เรียนรู้ขึ้นมา ก็อาจจะไปทุกข์เรื่องเดิม เรียกว่า 'ทุกข์ซ้ำ ๆ ทุกข์เรื่องเดิมอีก'

อย่างสมมุติว่าแล้วความทุกข์มาจากไหน ? เหตุแห่งทุกข์คืออะไร ? ทุกคนก็คงจะเห็นเหตุที่แตกต่างกันออกไป

อย่างถ้าเรามานั่งสมาธิกันหลายคนนั่ง พอนั่งไปจุดหนึ่ง จะเริ่มเกิดอาการปวดขา สัก 30 นาที ก็จะเริ่มปวดขา ..ถ้าคนใหม่ ๆ ที่ยังไม่ได้คุ้นชิน ฝึกไปนาน ๆ สัก 20-30 นาทีจะเริ่มปวดขา

พอปวดขา สมมุติว่ามีกันสัก 20-30 คนในนี้อาจจะมีบางส่วนครึ่งหนึ่งจะปวดใจ ปวดขาและก็ปวดใจ..โอ้ย ทุกข์จังเลย

แต่จะมีอีกกลุ่มหนึ่งที่จิตตั้งมั่น จิตตั้งมั่น…ปวดขา แต่ใจไม่ปวด ใจไม่ทุกข์ แสดงว่าความทุกข์ไม่ได้เกี่ยวกับอาการปวดขา

แปลว่าความทุกข์นั้นอยู่ที่ใจที่เข้าไปยึดถือความปวดนั้นมาเป็นของเรา ..จะเริ่มเห็นเหตุเห็นปัจจัยแล้ว

แสดงว่าความทุกข์ในชีวิตไม่เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ภายนอก เกิดจากสภาพยึดถือขึ้นมาอยู่ในใจ..."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

ค่ำ 15 ธันวาคม 2566

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"(ปุจฉา: ขอธรรมะให้เพื่อนที่เป็นมะเร็งทรุดหนัก อยากให้เขาได้ฟังก่อนหลับยาวเจ้าค่ะ

..ดวงจิตดวงสุดท้าย

ถ้าติดค้างอยู่กับอารมณ์เศร้าหมองทุคติก็เป็นอันหวังได้

แต่ถ้าจิตมีความผ่องใส สุคติก็เป็นอันหวังได้

จิตที่ผ่องใส ก็คือ จิตที่คิดถึงสิ่งดีๆ

มีความคิดที่ดี มีคำพูดที่ดี มีการกระทำที่ดี

มีความรักความปรารถนาดีแก่สิ่งทั้งหลาย

เป็นจิตใจที่มีความสุภาพอ่อนโยนโอบอ้อมอารี

เมื่อเรานึกถึงสิ่งดีๆ คิดถึงสิ่งดีๆ

ความรู้สึกดีๆก็เกิดขึ้น จิตก็เกิดความเบิกบานขึ้นมา

ใจก็มีความสุข

ในขณะที่เราต้องป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บ

ตามธรรมชาติของสังขาร ทรุดโทรมลงไป

ถึงกายจะป่วยแต่เราก็สามารถรักษาจิตใจ

ให้มีความสดใสเบิกบานขึ้นมาได้

ก็นึกถึงแต่สิ่งดีๆ นึกถึงคุณพระรัตนตรัย

นึกถึงความดีที่ได้เคยทำมา

ใช้เวลาที่เหลือในการคิดถึงสิ่งดี ๆ นึกถึงสิ่งดี ๆ

จิตที่เป็นบุญเป็นกุศลขึ้นมา

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

หากพูดถึงกองกุศลธรรมทั้งปวง

บ่อเกิดแห่งกองกุศลธรรมทั้งปวง

ถ้าจะพูดให้ถูก ก็คือ สติปัฏฐาน 4

สติปัฏฐาน 4 นี่แหละเป็นกองกุศลธรรมทั้งปวง

ก็ มีสติรู้กายรู้ใจ รู้สึกถึงลมหายใจ

รับรู้ความรู้สึกของกาย

แต่กายกำลังเจ็บป่วย มันก็จะเป็นทุกขเวทนาได้มาก

แต่ลมหายใจช่วยได้ ก็ช่วยระงับทุกขเวทนาต่างๆ

หรือว่า เราเจริญพุทธานุสติก็ได้นึกถึงสิ่งดีๆ

นึกถึงบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญไว้ ภาพดีๆ

ความรู้สึกดีๆต่างๆ ที่ทำให้ใจเรา

มีความกระชุ่มกระชวยมีความเบิกบานขึ้นมา

ก็รักษาช่วงเวลาที่มีคิดถึงสิ่งดีๆไว้ ให้จิตใจมีความผ่องใสเบิกบาน

พร้อมที่จะสละทุกสิ่งออก

ทุกอย่างมันก็สมมติมายาของชั่วคราว

..เกิดขึ้น ..ตั้งอยู่ ..ดับไป

การสละของหนัก

..ปลดปลง ..ลงวางได้ ..ก็ว่างสบาย

ใจก็เป็นอิสระ มีความสุข มีความเบิกบานใจ

จากโลกนี้ไปก็ ถ้าจิตมีความผ่องใส

ก็สบาย ไปดี ไปอย่างสงบ

ยิ่งถ้าเราปฏิบัติธรรมได้ ก็ไปอย่าง ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน"

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 15 ธันวาคม 2566

#ธรรมะสำหรับผู้ป่วยระยะสุดท้าย #ปล่อยวาง #จิตดวงสุดท้าย #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..เวลาเจ็บขึ้นมาทีนึงก็ทุกข์กายทุกข์ใจนะเจ็บป่วยขึ้นมาก็ไม่สบายกายไม่สบายใจไม่มีแรงในการใช้ชีวิต

เราก็หมั่นที่จะค่อย ๆ เรียนรู้จากทุกข์เล็ก ๆ น้อย ๆ นะ เพราะวันหนึ่ง ทุกข์ที่ต้องเกิดกับร่างกายก็จะเจ็บป่วยมาก บางทีต้องเข้าโรงพยาบาล ห้องผ่าตัด เป็นโรคร้าย

เราก็อาศัยทุกข์เล็ก ๆ เรียนรู้ไว้ก่อน

ที่คนกลัวทุกข์ บางทีอาจจะไม่ได้กลัวตายนะ บางทีอาจจะกลัวทุกข์ตอนเจ็บป่วย

ที่กลัวทุกข์เพราะความเจ็บป่วยนั้น ก็เพราะความเจ็บป่วยนำทุกข์มาให้

ที่ไม่ชอบความทุกข์ก็เพราะว่าติดความสุข

เราก็ได้เห็นเหตุเห็นปัจจัย หมั่นที่จะเรียนรู้ทุกข์เล็ก ๆ อย่างเวลานั่งสมาธิปวดขาเล็ก ๆ น้อย ๆ เนี่ย ก็ไม่ได้ให้ต้องไปสู้กับความปวด

แต่อาศัยความปวด เรียนรู้ความจริงด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง

เจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ในทุกบัลลังก์ ก็สามารถเรียนรู้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทีละเล็กทีละน้อย ก็จะเห็นว่าความปวดก็เป็นเพียงแค่เหตุปัจจัยหนึ่ง เกิดมาแต่เหตุ หมดเหตุ หมดปัจจัย ก็ดับไป

จิตจะค่อย ๆ เริ่มเรียนรู้ แล้วก็ถ้าเวลาเจอบทเรียนหนัก ๆ อย่างบางทีต้องเข้าโรงพยาบาลต้องผ่าตัดตับ ไต ไส้ พุง ทั้งหลาย

เจอเรื่องหนัก ๆ เข้ามาเนี่ยอย่างน้อยมีประสบการณ์เล็ก ๆ ไว้ก่อน จิตเขาก็จะเริ่มเกิดความคุ้นชิน

ที่กลัวเพราะว่าไม่คุ้นชิน บางทีไม่รู้ว่าจะเจออะไร จิตก็กลัวไว้ก่อน แต่ถ้าจิตได้เห็นความจริงทีละเล็กทีละน้อยนะ พอเจอเรื่องหนัก ๆ เข้ามาในชีวิต ก็จะเริ่มวางใจได้.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

ค่ำ 14 ธันวาคม 2566

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..เริ่มต้นรักษาศีล 5 แต่ว่าการเพาะบ่มจิตใจในด้านกุศลก็ค่อยๆเติบโตขึ้นโดยลำดับ เป็นบารมีธรรม เป็นกำลังจิตใจ เป็นความเข้มแข็งมั่นคงขึ้นมา

พอเริ่มรักษาศีล 5 ได้จากใหม่ ๆ ก็เหยาะแหยะ ก็เริ่มเข้มแข็งขึ้น ทีนี้ก็กุศลธรรมตัวหนึ่งเกิดแล้วมันจะค่อยๆเหมือนไฟที่ค่อยๆโผล่ขึ้นมา ตัวอื่นก็จะเริ่มเกิดขึ้น ศรัทธาก็เกิดขึ้น หิริโอตัปปะความละอายและเกรงกลัวต่อบาปก็เกิดขึ้น เจตนาในการงดเว้น สัมมาวาจาก็เกิดขึ้น สัมมากัมมันตะก็เกิดขึ้น สัมมาอาชีวะก็เกิดขึ้น จิตเกิดอโลภะ-ความไม่โลภ เกิดความอโทสะ-ความไม่โกรธ เมตตากรุณาก็เกิดขึ้น จิตใจมีความอ่อนโยนขึ้น มีความซื่อตรงขึ้น ปัญญาก็เกิดขึ้น องค์ธรรมต่าง ๆ ด้านกุศล ก็ค่อย ๆ เติบโตไป

เวลาเราจะทำสิ่งที่ดีงามมันไม่ได้เกิดกุศลตัวเดียวหรอก มันเชื่อมโยงกับตัวอื่นด้วย ยิ่งถ้าเราทำด้วยรู้จักการพิจารณาแยกแยะได้ มันกว้างขวางออกไปเชื่อมโยงถึงกัน เมื่อกุศลธรรมเกิดขึ้น อกุศธรรมก็ละไปโดยปริยายอยู่แล้ว ก็เป็นการงดเว้น ละชั่ว ทำดีทำกุศลให้ถึงพร้อมไป ก็เป็นบาทฐานของการชำระจิตให้หมดจด รวมแล้วก็ให้ดีก็..ทาน ศีล ภาวนา ก็ค่อยๆพัฒนาขึ้น เข้มแข็งขึ้น ฝึกหัดปฏิบัติไป"

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 14 ธันวาคม 2566

#รักษาศีล5 #กุศลธรรม #ทานศีลภาวนา #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..ตราบใดที่จิตใจยังถูกรัดรึงด้วยกิเลสตัณหาอุปาทาน

ด้วยพิษภัยจากไฟกิเลสที่แผดเผา

ชีวิตต้องเจ็บปวดต้องทุกข์ทรมาน

ยังไม่สามารถมีความสุขที่แท้จริงได้

เพราะว่า กรงขังที่เหนียวแน่นที่สุด

มันก็ไม่ได้อยู่ภายนอกที่ไหน

มันรัดรึงในจิตใจเราต่างหาก

ต่อให้เราเครียดเราเศร้า มีความทุกข์มีความเจ็บปวดความทรมาน

ต่อให้หนีไปยุโรป หนีไปอเมริกา ออกไปนอกโลก

มันหลุดไหมล่ะ ความทุกข์เหล่านั้น

มันก็ตามรัดรึงไปทุกที่

พอมีเรื่องไม่ได้ดั่งใจ เกิดความผิดหวังทุกข์ทรมานต่างๆ

ก็ไม่สามารถสลัดออก จากสิ่งเหล่านั้นได้

กรงขังที่เหนียวแน่นที่สุดจึงไม่ได้อยู่ภายนอก

มันรัดรึงอยู่ในใจของเรา

เพราะฉะนั้น

..ความเป็นอิสรภาพที่แท้จึงไม่ได้อยู่ภายนอก

..อยู่ในใจของพวกเราทุกคนนี้เอง

ที่จะต้องปลดปล่อยจิตใจให้เป็นอิสระจากทุกสรรพสิ่งขึ้นมา

นั่นจึงมาสู่ การใช้ชีวิตที่ถูกต้อง

เรียกว่า เดินตามมรรคอริยมรรคมีองค์ 8

คือหนทางการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง

ที่จะปลดปล่อยจิตใจให้เป็นอิสระ

หลุดพ้นจากความเจ็บปวด

หลุดพ้นจากความทุกข์ทรมานทั้งปวง

พบกับความสสงบสุข

พบกับอิสรภาพที่แท้จริง คือ พระนิพพานได้"

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 13 ธันวาคม 2566

#กรงขังที่เหนียวแน่นที่สุด #อิสรภาพที่แท้จริง #ความมั่นคงจากภายใน #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"วันพระ..บางท่านก็รักษาศีลอุโบสถ มีความเข้มแข็งมั่นคงขึ้นมาในจิตใจ

ศีลอุโบสถก็จะต่างจากศีล 8

ศีล 8 ก็จะรักษาเมื่อไหร่ก็ได้ ใช้เวลาเมื่อไหร่ก็ได้ จะออกกี่วันก็ตามสมควรตามกำลัง เหมาะสำหรับบางท่านที่ปรารถนาที่ก้าวเดินอยู่ในเส้นทางแห่งการพ้นทุกข์ มีเวลา มีภาระต่าง ๆ ที่ไม่มาก บางทีแม่ชีก็ถือศีล 8 กันได้นานเลย

ส่วนศีลอุโบสถก็จะมีช่วงเวลาคือช่วงวันพระ ก็จะจบรุ่งอรุณถึงพรุ่งนี้ จะเป็นการลาศีลโดยอัตโนมัติ เหมาะสำหรับบางท่าน ฆราวาสญาติโยมที่ไม่ค่อยมีเวลาที่จะรักษาศีล 8 อย่างเต็มที่ ก็อาศัยช่วงเวลาวันพระ..รักษาศีลอุโบสถ

แต่เรื่องข้อวัตรการปฏิบัติก็จะเหมือนกัน

ไม่ฆ่าสัตว์

ไม่ลักทรัพย์

ไม่ก้าวล่วงประพฤติพรหมจรรย์

การไม่พูดโกหก

ไม่ดื่มสุรา

อาหารก็จะเหลือแค่ 2 มื้อ ..หลังจากเที่ยงไปถึงวันอรุณพรุ่งนี้ ก็จะเป็นการงดอาหาร เหลือแค่ 2 มื้อ

แล้วก็งดการละเล่นเกี่ยวกับการดูหนัง ฟังเพลง เครื่องประดับตกแต่งทั้งหลาย

และก็จะเป็นการที่จะไม่นอนในที่นอนอันสูง

ถ้าใครลองฝึกดู ก็จะเห็นอานิสงส์

เพียงแค่งดการดูหนังฟังเพลง การใช้โซเชียลวันหนึ่ง ก็เห็นค่ามหาศาล จะเห็นความแตกต่างเวลาใจเราชุ่มไปด้วยกามฉันทะ จิตก็ไม่ตั้งมั่นแล้ว

..จะเห็นโทษภัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ขึ้นมา เห็นไปมาก ๆ เข้า ก็ใช้ได้เนกขัมมะออกมาได้เรื่อย ๆ นะก็คือการพรากออกจากกาม ก็จะค่อย ๆ มีกำลังใจในการพรากออก

..เป็นศีลที่มาจากปัญญา

ผู้ใดมีปัญญา ผู้นั้นก็มีศีล

ผู้ใดมีศีล ผู้นั้นก็มีปัญญา

ปัญญาย่อมชำระศีลให้บริสุทธิ์ฉันใด ศีลก็ยอมชำระปัญญาให้บริสุทธิ์ฉันนั้น.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

ค่ำ 12 ธันวาคม 2566

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..เรื่องของ โยนิโสมนสิการ

ก็คือ การกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย

พระองค์ตรัสว่า

..พระองค์ไม่เห็นธรรมใดอื่นเลย

ที่จะสามารถยังอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นให้เบาบางลงไป

เจริญกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นให้เกิดขึ้น

แล้วก็ทำกุศลธรรมให้งอกงามไพบูลย์ยิ่งๆขึ้นไป

ยิ่งกว่าโยนิโสมนสิการ

ก็เรียกว่า ต้องรู้จักการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย

จะทำให้เกิดกุศลธรรมขึ้นมาในจิตใจ

แล้วพระองค์ก็ตรัสว่า

..เปรียบเหมือน พระอาทิตย์จะขึ้นยามเช้า

ก็จะมีแสงเงินแสงทองปรากฏขึ้นมาก่อน

ก็เป็นนิมิตหมายว่า พระอาทิตย์ก็จะได้เวลาขึ้นมาอย่างแน่นอน

เรียกว่า รุ่งอรุณก็เกิดขึ้น เป็นเวลาเช้าของวันใหม่

..ฉันใด เมื่อชนทั้งหลายมีโยนิโสมนสิการ

รู้จักการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย

ก็เป็นนิมิตหมายว่า จะทำให้มรรคจะได้เกิดขึ้น ได้เจริญขึ้น

อริยมรรคมีองค์ 8

เมื่อผู้ใดที่มีโยนิโสมนสิการ

การรู้จักการกระทำไว้ในใจโดยแยบคายอยู่เนืองๆ

ก็จะนำไปสู่การเดินตามมรรคมีองค์ 8

การใช้ชีวิตที่ถูกต้องก็เกิดขึ้น.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 12 ธันวาคม 2566

#นิมิตแห่งอริยมรรค #โยนิโสมนสิการ #การกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..ในการเดินทางธรรม ในการทำคุณงามความดี ก็จะมีอุปสรรคเข้ามาขวางมากมายนะ

อุปสรรคที่เผาผลาญคุณงามความดีในทางพระพุทธศาสนาท่านก็เรียกว่า 'มาร'

มารในทางพระพุทธศาสนาท่านก็แบ่งไว้เป็น 5 ประเภท

(1) ประเภทแรกก็คือขันธมาร

ก็คือรูป-นาม กายใจ หรือว่าขันธ์ทั้ง 5 นี่แหละเป็นมาร

ขันธ์ทั้ง 5 ก็เป็นของหนัก เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย มีสภาพไม่เที่ยง คงสภาพเดิมไม่ได้ เป็นอนัตตา ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้

พอเกิดสภาพอุปทานขึ้นมาก็จะก่อผู้แบกของหนักขึ้นมา มีผู้ยึดถือขึ้นมา พอร่างกายไม่เป็นดั่งใจก็มีผู้ทุกข์ขึ้นมา

บางท่านตั้งใจภาวนานะ แต่อายุมาก ๆ สังขารไม่เอื้ออำนวย จะเดิน จะเหิน จะหยิบ จะจับ ..ก็ลำบาก ก็เป็นเครื่องขวางกั้นในการทำคุณงามความดี

บางที เรื่องหนัก ๆ เข้ามาในชีวิตนะ คิดแล้วคิดอีก คิดไป วนไป วนมา หาทางออกไม่ได้ เนี่ยถูกขันธมานเล่นงานแล้ว

จมไปกับความคิด เรื่องราวต่างๆ ออกไม่ได้ ก็ต้องอาศัยกำลังใจที่เข้มแข็ง มีสติสัมปชัญญะไว้ ฝึกที่จะตื่นขึ้นมาจากโลกของความคิด ไม่ไหลไปกับเรื่องราวต่าง ๆ

.

.

(2) มารข้อที่ 2 ก็เรียกว่ากิเลสมาร

ความโลภ ความโกรธ ความหลง ราคะ โทสะโมหะ พอใจ มีกิเลสนี้ก็ทำบาปอุกศลได้มากมายนะ บางทีก็ไปผิดศีลผิดธรรม บางทีก็พูดไม่เข้าหูก็นิดเดียวนี้ก็ทำร้ายกันได้เลย บางทีก็ต้องทำร้ายกันหนัก ๆ เอาปืนมายิงกันบ้างนะ...

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

ค่ำ 11 ธันวาคม 2566

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..เรื่องของพรหมวิหาร เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เราก็เลือกใช้ให้ถูกกับสถานการณ์ ก็เป็นการฝึกการกระทำไว้ในใจโดยแยบคายเช่นกัน

• เมตตา จะใช้เวลาคนทั้งหลายหรือสัตว์ทั้งหลายอยู่ในสภาวะปกติ ก็ปรารถนาให้ชนทั้งหลายสัตว์ทั้งหลายอยู่ในภาวะที่ดีงามมีความสุข

• กรุณา ในใช้ในสถานการณ์ที่ชนทั้งหลายหรือสัตว์ทั้งหลายต้องตกทุกข์ได้ยากอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากเห็นแล้วก็ปรารถนาที่จะช่วยเหลือให้ได้คลายออกจากความทุกข์นั่นเอง

• มุทิตา ก็อยู่ในสถานการณ์ที่สัตว์ทั้งหลายหรือชนตั้งหลายอยู่ในภาวะที่ดีอยู่แล้ว มีความสุขอยู่แล้ว ก็พลอยชื่นชมยินดีในความดีในความสุขของผู้อื่นของสัตว์ทั้งหลาย จิตก็ยิ่งร่าเริงเบิกบานขึ้นมา

• อุเบกขา คือ ความเป็นกลาง ก็ใช้ในกรณีที่สัตว์ทั้งหลายจะต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เช่นต้องพบกับควาเสื่อมบ้าง หรือ ต้องเรียนรู้บทเรียนต่างๆบ้าง ต้องเป็นไปตามวาระของกฎของกรรมบ้าง ก็มองด้วยความเข้าใจ

อุเบกขานี้ต้องใช้สติปัญญามากทีเดียว คือ มองด้วยความเข้าใจ เห็นเหตุเป็นปัจจัยเห็นการเกิดการดับของสิ่งต่างๆ เห็นเหตุปัจจัยของสิ่งต่างๆ เห็นความไม่เที่ยงความเป็นทุกข์ความเป็นอนัตตาของสิ่งต่างๆ

การมองด้วยปัญญา จะทำให้เกิดความเป็นกลางของจิตที่เรียกว่า เกิดอุเบกขา ก็จะทำให้จิตมีความเป็นกลางไม่ติดข้องไม่เกาะเกี่ยว มีความเรียกว่าปรารถนาให้สัตว์ทั้งหลายได้อยู่ในเส้นทางที่ถูกต้องดีงาม"

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 11 ธันวาคม 2566

#พรหมวิหาร #ฝึกการกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย #มองด้วยปัญญา #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree