"..เบื้องต้นก็ตื่นออกมาจากโลกของความคิด มีสติ รู้สึกตัวอยู่ รู้สึกตัวสบาย ๆ ด้วยใจที่อ่อนโยน รู้เนื้อรู้ตัวอยู่

รู้สึกถึงลมหายใจด้วยใจที่อ่อนโยน

ตื่นขึ้นมาจากเรื่องราวต่าง ๆ

..หนักแค่ไหนที่ผ่านมาทั้งอาทิตย์ หนักแค่ไหนที่ผ่านมา..วันนี้ก็ผ่านไปหมดแล้ว

ออกมาจากเรื่องราวต่าง ๆ ที่ค้างคาอยู่ในใจ ความคิดก็เหมือนเด็กที่นำลูกโป่งวิทยาศาสตร์มาเป่า

เป่าไป ลอยไป แล้วก็ดับไป แล้วก็เป่าใหม่ เป่าจนพอง แล้วก็ลอยไป แล้วก็ดับไป ..เป็นสิ่งมายา เป็นสิ่งลวง

ตื่นขึ้นมาก็จะพบกับความจริง มีแค่สติกับปัจจุบันธรรม มีแค่สติกับกายใจ

ไม่ไหลไปในเรื่องราวที่ยังมาไม่ถึง ไม่คร่ำครวญในเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว ..มีความสุขในทุก ๆ ขณะปัจจุบัน ให้จิตใจได้พักผ่อน

เดินทางมาเหนื่อยทั้งวัน เพราะไหลไปกับเรื่องราวที่ยังมาไม่ถึงบ้าง นำเรื่องราวต่าง ๆ เข้ามาบ้าง

ให้กายใจได้พักผ่อน อยู่สงบ ๆ มีความผาสุกอยู่ภายใน ร่มเย็นอยู่ภายใน

ใจได้พัก ให้เขาได้หยุดนิ่ง เหนื่อยมาทั้งอาทิตย์ เหนื่อยมาทั้งวัน ถือโอกาสพักผ่อน

พอใจได้พัก เขาก็สงบ จิตก็ตื่นขึ้น ตื่นขึ้นอยู่ภายใน ก็เห็นความจริงของกายใจ กายใจก็แสดงความจริงขึ้นมา

…อยู่กับทุกข์ แต่ใจไม่ทุกข์ด้วย…

ความทุกข์นี่ดีนะโยม สอนธรรมะได้มากมาย

อยู่กับทุกข์ให้เป็น อยู่กับทุกข์ให้ได้ หนักแค่ไหนก็สู้

เรียกว่าอะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ หนักเท่าไหร่ก็ได้ อยู่กับทุกข์มาก ๆ ก็จะพ้นไปจากทุกข์ เป็นอิสระจากความทุกข์

ความสุขทำให้เพลิดเพลินหลงไป หลงไปในเรื่องราวต่าง ๆ

ความสุขทำให้จิตใจไม่เห็นความจริง สุขจากรูป สุขจากรส สุขจากกลิ่น สุขจากเสียง สัมผัส อันที่น่ารักใคร่น่าพอใจ ..เป็นสุขที่ควรกลัว

มีสุขน้อย มีโทษมาก มีความคับแค้นใจมาก

บางทีทำให้เรามองไม่เห็นความจริง ..ความสุขเหมือนความรักทำให้คนตาบอด ไม่เห็นสัจธรรมความจริง

ความทุกข์ก็เหมือนยาขมนะ ตรงไปตรงมา แต่คนส่วนใหญ่ไม่เรียนรู้ทุกข์ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นทุกข์กันแล้วก็ปล่อยให้ความทุกข์นั้นผ่านไป

ผู้ที่มีสติปัญญาก็จะอาศัยทุกข์ที่เจอในชีวิต เรียนรู้ทุกข์ และก้าวข้าม จะไม่กลับไปทุกข์เรื่องเดิมอีก

เคยทุกข์มาแล้ว เรียนรู้แล้ว จะไม่มีวันกลับไปทุกข์เรื่องเดิมอีกแล้ว

นี่แหละผู้ที่มีปัญญา เห็นอริยสัจ 4 ก็จะอาศัยความทุกข์และพ้นไปทุกทุกข์ที่เจอ

ทุกครั้งที่เจอความทุกข์ หนักแค่ไหนก็สู้ ยอมรับ ไม่ไปพลักไส ไม่ไปดึงเข้าพลักออก

ยอมรับทุกข์ตามความเป็นจริง ทุกข์ก็อยู่ที่กายที่ใจนี่แหละนะ

ขันธ์นี้เป็นตัวทุกข์นะ จะให้ขันธ์มีความสุข…เป็นไปไม่ได้

ถ้าอยากให้ขันธ์มีความสุขก็จะเป็นทุกข์เสียเอง เพราะขันธ์นั้นเป็นทุกข์

..ทุกข์เพราะความไม่เที่ยง

..ทุกข์เพราะคงสภาพเดิมไม่ได้

..เป็นทุกข์เพราะไม่ใช่ตัวตน

ถ้าอยากให้ขันธ์เป็นไปดั่งใจ อยากให้กายใจเป็นไปดั่งใจ ก็ย่อมมีผู้ทุกข์เกิดขึ้น

..ก็เรียนรู้และอยู่กับกายใจมาก ๆ

..เห็นเขาแสดงความจริง

..ยอมรับทุกปรากฏการณ์

ก็จะเป็นอิสระ ไม่มีผู้เป็นสุขเป็นทุกข์กับกายใจ..."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

ค่ำ 10 ธันวาคม 2566

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..เราก็ควรที่จะได้เห็นคุณค่าของเพศบรรพชิตให้มาก แล้วก็คุณค่าที่จะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจิตใจ เป็นบุญกุศลให้กับพ่อแม่

ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า

ต่อให้เรานี้ นำคุณพ่อคุณแม่ไว้บนจะงอยบ่าทั้งสองข้างเลย ป้อนข้าวป้อนน้ำดูแลทุกอย่างอย่างดี ตลอด 100 ปี ก็ยังไม่ได้ชื่อว่าทดแทนบุญคุณพ่อแม่ได้หมด

บุญคุณของพ่อแม่นี่นับประมาณไม่ได้

แต่ลูกคนใด

..ทำให้พ่อแม่ที่ยังไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ให้มีศรัทธา

..ยังให้พ่อแม่ที่ยังไม่รักษาศีล ให้ได้รักษาศีล

..ยังพ่อแม่ที่ยังมีความตระหนี่ความหวงแหน ให้รู้จักการให้ทานการให้การสละออก

..ยังพ่อแม่ ได้มีโอกาสที่จะปฏิบัติธรรมภาวนาฝึกหัดพัฒนาจิตใจ

..ยังพ่อแม่ให้รู้จักงดเว้นจากการเบียดเบียน ยังพ่อแม่รู้จักการรักษาศีล

..ยังพ่อแม่ให้รู้จักการฟังธรรม ปฏิบัติธรรม

ก็เรียกว่า มีโอกาสให้พ่อแม่เข้าสู่วิธีที่ถูกต้อง

บุคคลนั้นแหละชื่อว่า

- ทดแทนบุญคุณของพ่อแม่อย่างสูงสุด -

เพราะฉะนั้น การที่เราาอยู่ในเพศบรรพชิต เรามีโอกาสที่จะช่วยเหลือท่านที่แท้จริง ก็คือ ทางจิตใจ และเมื่อได้มีโอกาสนึกถึงทุกครั้งที่ท่านนึกถึงพระลูกชาย เป็นธรรมดาคุณพ่อคุณแม่ก็นึกถึงลูก จิตของท่านก็เป็นบุญกุศลขึ้นมาและก็น้อมไปในการทำความดี ในการใช้ชีวิตที่ถูกต้องต่างๆ วิถีที่ถูกต้องก็เกิดขึ้น

เพราะฉะนั้น ก็ค่อยๆพิจารณา ชีวิตคนเรามันไม่ได้ยืนยาวนานมากหรอก ควรจะใช้โอกาสที่มีในการตระหนักรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่เป็นสาระที่แท้จริงแน่ๆ เป็นกิจที่ควรทำอย่างยิ่งในการลำดับความสำคัญต่างๆ"

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 10 ธันวาคม 2566

#วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่ดีที่สุด #โอกาสล้ำค่าของชีวิต #กิจที่แท้จริง #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"ในสมัยหนึ่งพระอานนท์ท่านก็ได้มีโอกาสเข้าไปกราบพระศาสดาถึงที่ประทับ ท่านก็ได้ลูบคลำที่ตัวพระพุทธองค์ น่าจะเป็นยุคท้าย ๆ ที่พระองค์มีความชราภาพมากแล้ว

พระอานนท์ท่านก็บอกว่าสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บัดนี้ฉวีวรรณไม่โปร่งใสผุดผ่องเหมือนแต่เดิม พระะกายก็เหี่ยวย่นหย่อนยานไปหมด มีพระองค์ค้อมไปด้านหน้า เนื้อกับตัวก็ค้อมไป น่าจะชราภาพมาก

อินทรีย์คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็เปลี่ยนไปมาก

พระองค์ตรัสว่า ก็เป็นเช่นนั้น เพราะ

…ในความชราก็ซ่อนอยู่ในความหนุ่มสาว

…ความเจ็บไข้ได้ป่วยก็ซ่อนอยู่ในความไม่มีโรค

…ความตายก็ซ่อนอยู่ในความมีชีวิต

.

.

ตอนเด็ก ๆ ใครเคยเล่นซ่อนแอบไหม เล่นซ่อนแอบ สมมติว่าเล่นซ่อนแอบตามโรงเรียน

มีเด็กอยู่ 5 คน ก็ต้องมีคนซ่อนอยู่ 4 คน และก็มีคนหา 1 คน ในพื้นที่บริเวณโรงเรียนก็จะมีจุดมุมให้แอบ เขาก็ไปแอบกัน 4 จุด และก็มีคนที่จะไปตามหา

ทุกคนจะรู้กันว่า #คนซ่อนกับคนที่ตามหา #อยู่ด้วยกัน

ทุกคนจะรู้อยู่แก่ใจเหมือนอยู่ด้วยกันตลอดเวลา

ฉันใดก็ฉันนั้น

ร่างกายที่รู้สึกว่ายังหนุ่มยังสาว แต่ในทุก ๆ ขณะ เซลล์ทุกอย่างก็ค่อย ๆ เสื่อมสลายไป เสื่อมสลายไปในทุก ๆ วินาที ทุก ๆ นาที

…เป็นเหตุปัจจัยให้ทุกอวัยวะพร้อมที่จะเกิดโรคตลอดเวลา

…แล้วก็ทำให้ความตายเกิดขึ้นได้อยู่ตลอดเวลา

เป็นสิ่งที่ซ่อนกันอยู่ ความมีชีวิตกับความตาย..อยู่ด้วยกัน ซ่อนกันอยู่

เมื่อเห็นแบบนี้แล้วก็ทำให้รู้สึกว่าไม่ประมาทในชีวิต ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต เพราะความตายก็ซ่อนอยู่ในความมีชีวิตนี่แหละ อยู่หรือตาย..ก็มีค่าเท่ากัน ซ่อนอยู่ด้วยกัน เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่เลือกสถานที่ ไม่เลือกเวลา

ก็ทำให้ไม่ประมาทในชีวิต หมั่นที่จะสร้างคุณงามความดีไว้ในจิตใจ

ยิ่งเราได้มีโอกาสพบคำสอนของพระศาสดาแล้ว มีแผนที่ในการเดินทาง ในการยกระดับจิตใจ ก็หมั่นที่จะก้าวเดินไปให้สุดทาง เรียกว่าก้าวเดินตั้งแต่ตอนนี้ ตอนที่มีกำลังใจมีกำลังกายที่แข็งแรง..."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

ค่ำ 09 ธันวาคม 2566

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..ทุกคนก็มีความทุกข์ของตัวเอง

ก็ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตและมุมมองต่างๆ

ถ้าเรารู้วิถีแบบนี้

เราก็ค่อยๆฝึกปฏิบัติกล่อมเกลาจิตใจเราไป

ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความอิจฉาริษยา

ก็ค่อยๆเพียรละออกไป ใจก็เย็นขึ้นสงบขึ้น

การมองโลกต่างๆก็ค่อยๆเปลี่ยนไป

เมื่อเราเข้าถึงความสงบในภายในมากขึ้น"

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 09 ธันวาคม 2566

#ความอิจฉาริษยา #ความน้อยเนื้อต่ำใจ #โลกเปลี่ยนเพราะใจเราเปลี่ยน #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..บารมีนั้นก็คือกำลังใจ คุณงามความดีในจิตใจ

การบำเพ็ญบารมีก็คือการกระทำคุณงามความดีอันยิ่งนี้เพื่อบรรลุคุณธรรมอันยิ่ง เช่น

บรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

บรรลุเป็นมหาสาวก บรรลุสาวก

พระสาวกทั้งหลายก็ต้องอาศัยการสร้างบารมี เป็นคุณงามความดีอยู่ในจิตใจ เรียกว่าจะบรรลุธรรม บารมีต้องเต็มนะ บารมีต้องเต็ม

เราก็ถือโอกาสและมาฝึกฝนปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นการสร้างบารมี ยกระดับบารมีขึ้นมาในจิตใจ

อยากให้มองว่า การสร้างบารมีนั้นก็ไม่ใช่เหมือนเรามีตู้บุญอยู่อันหนึ่ง แล้วเราหยอดกระบุญไปทีละอัน ๆ จนเต็ม แต่ให้มองว่าเป็นการสร้างนิสัยใหม่ นิสัยที่ดี แล้วนิสัยนี้ติดตามกันข้ามภพข้ามชาติเลย

อย่างถ้าเราเห็นผู้ที่บรรลุธรรมเร็วที่สุดในพระศาสนา อย่างท่านพาหิยะได้ฟังธรรมรู้สักแต่ว่ารู้ เห็นสักแต่ว่าเห็น ก็แจ้งในสัจธรรมขึ้นมา บรรลุพระอรหันต์สาวกขึ้นมาเร็วที่สุดในพระศาสนา

แต่ถ้าเรามองในเบื้องลึกลงไป ก่อนที่ท่านจะมาเกิดในชาตินี้ มียุคหนึ่งยุคของพระพุทธเจ้ากัสสปะ ก็คือยุคก่อนพระพุทธเจ้าโคดมเรานะ มีอายุสองหมื่นปี

ในช่วงนั้นเป็นช่วงที่พระพุทธเจ้าอายุสองหมื่นปี อย่างพระโคดมเราก็ 80 ปี

ช่วงสองหมื่นปีนั้นน่ะ ก็มีภิกษุอยู่ 7 รูป ท่านขึ้นไปบำเพ็ญสมณธรรมบนเขา แล้วก็ตัดสินใจ..เรียกว่าเทหมดหน้าตัก ก็ขึ้นไปแล้วก็กะจะไม่ลงมาแล้ว ปฏิบัติธรรมเข้มข้น เอาจริงเอาจัง ทำความเพียรกันแบบสุดหัวใจ

หนึ่งในนั้นทำความเพียรได้ 5 วัน บรรลุพระอรหันต์ หลังจากนั้นอีก 2 วัน บรรลุพระอนาคามี

พอบรรลุเสร็จก็นำอาหารมาให้สหธรรมิกในการประทังชีวิต เผื่อจะได้มีแรงทำความเพียรต่อ แต่ใน 5 รูปนั้น ก็คือไม่ให้ฉันข้าว เอาจริงเอาจัง สู้กันสุดชีวิต ทำความเพียรกันจนเสียชีวิตทั้งหมด แล้วก็ไปเกิดในเทวดา แล้วก็ยาวนานเลย อยู่ในสวรรค์ยาวนานเลย

แล้วสุดท้ายก็มาเกิดเป็น..หนึ่งในนั้นก็จะมีท่านพาหิยะ ท่านมาเกิดในยุคของพระพุทธเจ้าโคดม แล้วก็มีโอกาสได้ฟังธรรม บรรลุธรรมเร็วที่สุด

ถ้าดู background แล้วเนี่ย เข้มกันมาทั้งนั้น เรียกว่าตายเป็นตายกันมาทั้งนั้น สู้กันสุดหัวใจมาทั้งนั้น

จะเห็นว่านิสัยที่ดีที่ทำไว้ ตามกันข้ามภพข้ามชาติเลย

เราสังเกตไหม ? ทำไม

…บางคนเกิดมาเป็นเด็ก ๆ สนใจให้ทานแต่เด็กเลยนะ

…บางคนก็รักษาศีลแต่เด็ก

…บางคนก็เป็นเด็กดีมีเมตตา

…บางคนก็มีความเพียร มีความเข้มแข็งออกมาจากหัวใจ

…บางคนก็มีความอดทนมาจากภายใน

นี่เป็นบารมีที่ติดตัวมาทั้งนั้น ที่สืบเนื่องมาเป็นนิสัยที่ดีสืบเนื่องกันข้ามภพข้ามชาติเลย

แม้กระทั่งสัตว์เล็กสัตว์น้อย อย่างแมวบางตัวก็ดูจิตใจดีนะ ให้อะไรก็ให้เพื่อนกินก่อน ก็มีเหมือนกัน บางงตัวก็ดูไม่ดุร้ายมาก ก็เป็นเหตุปัจจัยที่เขาได้สร้างไว้

เราก็หมั่นที่จะสำรวจ มองว่าการสร้างบารมีคือการเปลี่ยนแปลงนิสัย เปลี่ยนแปลงนิสัยที่ดี และนิสัยที่ดีตรงนี้ติดตามกันข้ามภพข้ามชาติเลย

เราก็สามารถสร้างเหตุปัจจัยด้วยกันทั้ง 10 อย่าง

อย่างทานคือการให้ การให้นี่ถ้าเรามองย้อนกลับไป แปลว่าต้องขัดนิสัยที่เห็นแก่ตัวออก นิสัยที่ตระหนี่ออก

และผู้ที่ให้นี่อาจจะไม่ต้องให้เงินทองอย่างเดียว แต่ให้ความเสียสละ แบบบางทีเราทำอะไรเพื่อผู้อื่น เสียสละ ๆ ให้ออกไปไม่ได้หวังอะไรดข้าตัว นี่แหละเป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่ง

แล้วถ้าใครสักคนนึง แต่ก่อนเขามีความตระหนี่อยู่ มีความเห็นแก่ตัวอยู่ และถ้าเขาพลิกนะ ให้ ให้ ให้ ให้ ทำแล้วก็ให้ออกไป ให้ออกไป

หมั่นที่จะทำเพื่อผู้อื่นมาก ๆ นิสัยตระหนี่นั้นก็จะเปลี่ยน จนความตระหนี่นั้นหายหมด ..จนนิสัยเห็นที่แก่ตัวหายหมด ..ทุกครั้งที่เขาทำไป จะกลายเป็นให้จากหัวใจอย่างแท้จริง ทำอะไรก็ให้ออกไปให้ ให้ออก ไปคุณค่ามหาศาลเลย นิสัยเขาจะเปลี่ยนไปหมดเลย แล้วสิ่งนี้จะติดตามกันข้ามภพข้ามชาติ.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

ค่ำ 08 ธันวาคม 2566

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..เราเป็นคฤหัสถ์ฆราวาส ถ้ารู้จักใช้ชีวิตที่ถูกต้อง ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมแบบนี้ ก็มีโอกาสเกิดดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งในธรรมได้เช่นกัน อย่างน้อยขั้นแรกก็ปิดอบายภูมิให้กับตัวเองได้

ประกันชีวิต เรายังทำได้เลยโยม ประกันตัวเองว่าเราจะไม่ตกต่ำ ไม่ตกต่ำสู่อบายภูมิอีกต่อไป ดีกว่าไหม ดีกว่าเยอะเลย อย่างน้อยประกันตัวเองว่าต่อไปจะไม่ตกต่ำแล้วนะ เกิดอีกไม่เกิน 7 ชาตินะ ถ้าเข้มแข็งบางทีก็ไม่เกิน 3 ชาติ หรือชาติเดียวก็จะได้จบกัน อย่างน้อยพระโสดาบันก็ทำให้เราประกันตัวเองได้แล้วว่า วิถีนี้จะเป็นวิถีที่ลอยขึ้นอย่างแน่นอนแล้ว ไม่ตกต่ำอีกต่อไป

ก็จากการ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

เพราะฉะนั้น ญาติโยมก็นำสิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันจนกลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ ที่เรียกว่า การใช้ชีวิตที่ถูกต้อง ประกอบด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘ จำง่ายๆก็คือ ทาน ศีล ภาวนา คิดดี พูดดี ทำดี งดเว้นจากการทำความชั่วทั้งปวง แล้วก็หมั่นชำระจิตให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองต่างๆ นำพาชีวิตตัวเองก้าวเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง จนหลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวงได้"

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

สาย 08 ธันวาคม 2566

#ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม #การใช้ชีวิตที่ถูกต้อง #ทานศีลภาวนา #ประกันตนปิดอบายภูมิ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..ก็เรียกว่า เป็นการดำเนินไปโดยลำดับลำดา จากมีศรัทธา

..ศรัทธา ก็เป็น อาหารของโยนิโสมนสิการ การรู้จักกระทำไว้ในใจโดยแยบคาย

..โยนิโสมนสิการ ก็เป็น อาหารของสติสัมปชัญญะ ทำให้มีสติมีความรู้สึกตัวทั่วพร้อมอยู่

..สติสัมปชัญญะ ก็เป็น อาหารของอินทรียสังวร ทำให้รู้จักการสำรวมอินทรีย์ ใช้ตาดูหูฟังเป็น ทำให้จิตไม่เกิดอกุศลธรรม ทำให้จิตเกิดกุศลที่เติบโตขึ้นไป

..อินทรียสังวร ก็เป็น อาหารของสุจริต 3 เกิดกายสะอาด วาจาสะอาด ใจสะอาดเรียกว่ามีพื้นฐานจิต ใจดีที่เป็นกุศล คิดดีพูดดีทำดีก็เกิดขึ้น

..สุจริต 3 การใช้ชีวิตที่สะอาดทางกายวาจาใจก็เป็น อาหารของสติปัฏฐาน 4

..สติปัฏฐาน 4 ก็เป็น อาหารของโพชฌงค์ 7 องค์แห่งการตรัสรู้

..โพชฌงค์ 7 ก็เป็นอาหารของวิชชาและวิมุตติเกิดการรู้แจ้งเห็นจริง ตรัสรู้ธรรม เกิดดวงตาเห็นธรรม จิตหลุดพ้นจากการยึดมั่นถือมั่น คืนสู่ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติได้"

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 08 ธันวาคม 2566

#อาหารของวิชชาและวิมุตติ #อาหารของโพชฌงค์7 #อาหารของสติปัฏฐาน4 #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"ความทุกข์ในชีวิตเราก็เหมือนมด …มดมาเมื่อมีเหตุ ก็คือน้ำตาล

สมมติว่าเรามีน้ำตาลหกอยู่เต็มพื้นเลย มดก็มา..มาก็เพราะมีเหตุ

ทุกข์ก็เหมือนกัน

ทุกข์เกิดเพราะมีเหตุ คือสมุทัย

การที่มีสักคนหนึ่งหยิบน้ำตาลออกไป หยิบออกไป ๆ …มดก็จะค่อย ๆ หมดไปเอง

ไม่ได้ไปดับมด ไม่ได้ไปฆ่ามด แต่สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์) หายไป ทุกข์ดับไปเอง

การที่หยิบสมุทัยออก คือการเจริญมรรค ทุกข์จะดับไปเอง เพราะตัณหาถูกละไป สมุทัยถูกละไป

ไม่มีใครไปดับความทุกข์ แต่เหตุแห่งทุกข์ดับลง

เมื่อออกไปใช้ชีวิต เราก็เห็นทุกข์ในชีวิตมาก ๆ พอเห็นทุกข์ในชีวิต ง่าย ๆ เลยเนี่ย สมมุติว่าเราออกไปใช้ชีวิต ใจเรามีความสุขหล่อเลี้ยงอยู่ภายใน ..เพิ่งจบคอร์สใหม่ ๆ

พอออกไปข้างนอก เจอเรื่องร้อนอกร้อน พอ(จิต)ใจกระทบขึ้นมาจะเห็นเหตุเลย ซึ่งแต่ละคนจะเห็นเหตุไม่เหมือนกันอย่างเช่น

บางทีกลับบ้านไป กลับบ้านไปนี่มีเพื่อนรออยู่มากมาย มีครอบครัวรออยู่มากมาย ชวนไปดูหนังฟังเพลง ร้อนขึ้นมาในใจเลย …เห็นเหตุเลย อ๋อ..นี่แหละทุกข์ จะเห็นเหตุเลย

การที่พัวพันอยู่กับกามคุณทั้งหลายเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ก็จะเรียนรู้ในการดับที่เหตุ ค่อย ๆ ลด ละ เลิก ..ดับที่เหตุ ๆ

พอเหตุดับ ผลที่เป็นทุกข์ก็ดับลง

พอเห็นทุกข์ในชีวิตมาก ๆ จิตก็จะเริ่มเรียนรู้อริยสัจด้วยตัวเอง เขาจะเห็นเหตุ พอเห็นเหตุ ไปดับที่เหตุ ทุกข์ก็ดับเอง

เหตุแห่งทุกข์นั้น ก็คือกามคุณทั้งหลายนี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์นะ

ความสุขจากรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส อันน่ารักใคร่น่าพอใจทั้งหลาย เป็นเหตุให้เกิดทุกข์..."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธ เขมรังสี (ศูนย์ 4) จ.พระนครศีอยุธยา

ค่ำ 07 ธันวาคม 2566

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..เมื่อเราเริ่มมองด้วยปัญญาและมีสติรู้เท่าทันไม่ว่าจะเป็นสุขเวทนา ความเบาความสบาย ความสุข ก็รู้ว่า เออ มันก็ไม่เที่ยง เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย มันก็ต้องเสื่อมสลายไป

ก็ไม่เกิดราคานุสัย ตรงกันข้าม ทุกครั้งที่เห็นตามความเป็นจริง เกิดสัมมาปฏิบัติ มันจะไปถอนราคานุสัยออก ถ้าเห็นไปติดข้องก็สะสมราคานุสัย ถ้าเห็นจริงปล่อยได้ก็ถอนราคานุสัย

ทุกครั้งที่เกิดทุกขเวทนา เกิดความหนักความร้อน เกิดความอึดอัดไม่สบาย ถ้าเราเกิดปฏิฆานุสัย เกิดความไม่พอใจก็ไปสะสมปฏิฆานุสัย

แต่เมื่อมีสติรู้เท่าทันเห็นความไม่เที่ยงเห็นความต้องเสื่อมสลายไป เห็น อนัตตาไม่ติดข้อง มันก็จะไปถอนปฏิฆานุสัยที่สะสมอยู่ในขันธสันดาน ก็เกิดปัญญารู้เท่าทันไป เปลี่ยนจากการแค่เราติดอยู่กับความรู้สึกความพอใจไม่พอใจความชอบความชังมันกลายเป็นมองอะไรด้วยปัญญา เกิดความรู้ความเข้าใจไปหมดเลยว่าสภาวะมันก็เป็นแบบนี้แหละ มันก็ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย มีเหตุก็เกิดหมดเหตุปัจจัยก็ดับไป สัมมาทิฏฐิก็เติบโตขึ้น

ในทุกๆขณะที่มองอย่างนี้สัมมาทิฏฐิก็เติบโตขึ้น ปัญญาก็เติบโตขึ้น มองอะไรมันก็ไม่ไปติดข้องกับสภาวะต่างๆไม่ว่าจะเป็นความสุข ความทุกข์ หรือเฉยๆก็ตาม ก็เกิดปัญญารู้เท่าทัน ก็เรียกว่าพัฒนาไปตามดับ นี้เรียกว่า โพธิ ที่ต้องค่อยๆพัฒนาไป ก็ให้ฝึกแบบนี้ไปเรื่อยๆ

-มองอะไรก็ฝึกมองด้วยปัญญา มันจะไม่ติดข้องอยู่กับภายใต้ความรู้สึกชอบชังพอใจไม่พอใจต่างๆอันเป็นที่มาของกิเลสตัณหาต่างๆ แต่กลับเกิดการรับรู้ที่บริสุทธิ์ ที่เรียกว่า รับรู้ด้วยสติปัญญาด้วยสติสัมปชัญญะนั่นเอง-"

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

บ่าย 07 ธันวาคม 2566

#ฝึกมองอะไรด้วยปัญญา #สัมมาทิฏฐิ #การรับรู้ที่บริสุทธิ์ #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..ปัญญานั้นเกิดจากสิ่งที่เรียกว่า สุตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการสดับตรับฟัง ศึกษาเล่าเรียนฟังธรรมทรงธรรมต่างๆ แล้วก็ จินตนาปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการพิจารณาธรรมที่เรียกว่า โยนิโสมนสิการ ตรงนี้เราสามารถสะสมปัญญาความรู้ความเข้าใจไว้เป็นวัตถุดิบในจิตของเราได้ ในขันธสันดานของเรา

เคยไหมบางทีเรามีสิ่งที่ตกคิดแล้วมีสิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจอยู่ มันคิดไม่ออก มันนึกไม่ออก

แต่พอเราปล่อยไปแล้ว บางครั้งจิตสงบ ปฏิบัตินั่งสมาธิสงบ ปุ๊บ ปัญหาที่ค้างในใจพอจิตสงบปุ๊บมันโพล่งเลย

#ปัญญาแท้ๆต้องเกิดจากจิตที่สงบ

แต่ว่ามันก็ต้องผ่านกระบวนการซึมซับต่างๆมาก่อน พอเราฝึกมองอะไรด้วยปัญญาไปเรื่อยๆ ฝึกพิจารณาไปเรื่อยๆ ถึงเวลาเรานั่งปฏิบัติจนจิตสงบปล่อยวางอารมณ์ภายนอกเข้าถึงความสงบตั้งมั่น ถึงเวลาถึงจุดหนึ่งปัญญาจะปรากฏ ธรรมทั้งหลายจะปรากฏขึ้นมาโดยลำดับลำดานั่นเอง

เพราะอยู่ดีๆจิตตั้งมั่นมันไม่ใช่ว่ามันจะพลิกเป็นวิปัสสนาง่ายๆนะ มันต้องมี..เขาเรียกว่า มีรากฐานของจิตอยู่ จากการที่เราฝึกมองอะไรก็ฝึกเพาะบ่มไป

เพราะฉะนั้นเรากว่าจะไปถึงระดับภาวนาที่เป็นวิปัสสนาญาณ เราก็ผ่านการอบรมตั้งแต่ สุตมยปัญญา จินตมยปัญญา ค่อยๆเพาะบ่มความรู้เรื่องธาตุ เรื่องขันธ์ เรื่องความเข้าใจต่างๆ เรื่องสัมมาทิฏฐิ ความเห็นที่ถูกต้องไปโดยลำดับลำดา พร้อมกับพัฒนาสติสัมปชัญญะไป พอฝึกไปจิตตั้งมั่นกำลังพอจิตจะยกขึ้นสู่วิปัสสนาเอง

ทีนี้จะเป็นการประจักษ์แจ้งด้วยจิต เห็นสภาวธรรมที่มีความเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ในระดับที่เรียกว่าเป็นขณะๆที่ดับไปเลยทีเดียวนะ อันนี้ก็เราก็เพาะบ่มไปโดยลำดับลำดา.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ เขมรังสี จ.พระนครศรีอยุธยา

บ่าย 07 ธันวาคม 2566

#พลิกจิตสู่วิปัสสนาญาณ #เพาะบ่มปัญญา #โยนิโสมนสิการ #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree