หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลีรายงานว่า ประชากรกลุ่มวัยรุ่นและคนหนุ่มสาวในประเทศจีนกำลังประสบปัญหาการนอนกันมากขึ้น โดยเหตุผลสำคัญมาจากความเครียดเรื่องการเรียน รวมถึงการใช้สมาร์ตโฟนมากเกินไป ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพออกมาเรียกร้องให้ครอบครัวและสถานศึกษาให้ความสำคัญกับคุณภาพการนอนของเยาวชนมากขึ้น 

ด้านศาสตราจารย์ลู่ หลิน นักจิตวิทยาและนักวิชาการผู้มีชื่อเสียงจากสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน กล่าวว่า โดยทั่วไปแล้ว มีความเชื่อแบบผิดๆเกี่ยวกับการนอนหลับมักเกิดขึ้นกับประชากรวัยกลางคนและผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันมีคนหนุ่มสาวจำนวนมากขึ้นที่ประสบปัญหานอนไม่พอ นอนผิดเวลา หรือแม้กระทั่งต้องกินยานอนหลับ

นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ลู่เปิดเผยข้อมูลว่า อาการนอนไม่หลับ ปัญหาการหายใจระหว่างหลับ และความผิดปกติด้านการนอนส่งผลกระทบต่อผู้ใหญ่ราว 36% และวัยรุ่นราว 26% ในจีน ดังนั้นการนอนหลับจึงมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการตามปกติของจิตใจและร่างกาย และการนอนไม่พออาจทำให้ความสามารถในการรับรู้ของเด็กและวัยรุ่นลดลง ซึ่งรวมถึงในด้านความจำและสมาธิ อีกทั้งยังทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอด้วย 

ทั้งนี้ แผนส่งเสริมสุขภาพของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติระบุว่า เด็กและเยาวชนควรนอนอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อวัน 

นับว่าเป็นเรื่องเล็กๆที่สามารถก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ได้เช่นกันค่ะ ไม่ใช่แค่ในประเทศจีนเท่านั้นแต่สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกวัยและทุกคนทั่วโลก ดังนั้นการนอนหลับจึงถือว่าเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญและอยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจการนอนมากขึ้นค่ะ