กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ของจีน ตั้งเป้าที่จะแซงหน้าญี่ปุ่นเพื่อเป็นผู้ส่งออกรถยนต์อันดับต้นๆ ของโลกในปี 2566 โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดรัสเซียและความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก 

หนังสือพิมพ์ไชน่าเดลี่รายงานว่า สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ระบุในแถลงการณ์ว่า การผลิตรถยนต์ครั้งแรกของจีนแตะ 30 ล้านคันในปีที่แล้ว โดยมีการส่งออก 4.91 ล้านคัน โดยมีการส่งออกเพิ่มขึ้น 58% จากการส่งออกรถยนต์ 3.11 ล้านคันในปี 2565 ซึ่งดูเหมือนว่าจะแซงหน้าญี่ปุ่นในฐานะผู้ส่งออกรถยนต์อันดับต้นๆ ของโลก 

ทางด้านข้อมูลศุลกากรของจีนแสดงให้เห็นว่าในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2023 การจัดส่งยานพาหนะของจีนไปยังรัสเซียเพิ่มขึ้น 545% จากปีที่แล้วเป็น 840,000 คัน ทำให้กลายเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดของจีน และล่าสุดสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ของจีนยังระบุอีกว่า การผลิตรถยนต์ NEV สูงถึง 9.59 ล้านคันในปี 2566 เพิ่มขึ้น 36% จากปี 2565 คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของการผลิตรถยนต์ของประเทศและ 1 ใน 4 ของการส่งออก สมาคมกล่าวว่าการส่งออก NEV สูงถึง 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 77% จากปี 2565 

ส่วน Tesla ยังคงขาย EV ในปี 2023 มากกว่า BYD 1.8 ล้าน เนื่องจาก Tesla มีโรงงานผลิตรถยนต์ EV ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของการผลิตทั่วโลก 

Triolo กล่าวว่าผู้ผลิต EV ในยุโรปและสหรัฐอเมริกายังตามหลังจีนในตลาดที่กำลังพัฒนาอยู่มากแต่รถยนต์ไฟฟ้าของจีนยังคงดิ้นรนเพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหภาพยุโรปกำหนดอัตราภาษี 10% สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าจากจีน ซึ่งอาจมีราคาถูกกว่าแบรนด์ในยุโรปถึง 20% นั่นเอง 

นับว่าเป็นช่วงนาทีทองของการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีนที่มีแนวโน้วจะแซงญี่ปุ่นผู้ซึ่งครองตลอดมาตลอดเป็นอันดับหนึ่ง มารอติดตามกันต่อไปนะคะว่าในท้ายที่สุดแล้วจีนจะสามารถแซงญี่ปุ่นแล้วครองอันดับได้เลยหรือไม่