เบญจขันธ์ทั้ง ๕ นี้ เกิดกำเนิดของมันเกิดหลายประการ กำเนิดของมันเกิด ๔ เบญจขันธ์ทั้ง ๕ นี่ ที่จะแสดงวันนี้ กำเนิดเกิดขึ้น ๔ เกิดเป็น
อัณฑชะ เกิดเป็นฟองไข่ เกิดเป็นฟองไข่เสียครั้งหนึ่ง แล้วมาฟักเป็น
ตัวอีกครั้งหนึ่ง นี้เขาเรียกว่า เทฺวชาติ เกิดสองครั้ง หรือทวิชาติ วิชาติแปลว่า
เกิดสองครั้ง เกิดเป็นไข่เสียครั้งหนึ่ง เกิดเป็นตัวเสียครั้งหนึ่ง นี่เกิดสองครั้ง
อย่างหนึ่งเรียกว่า ทวิชาติ
สังเสทชะ เกิดด้วยเหงื่อไคล นี่เราไม่ค่อยเข้าใจเลยทีเดียว เรือด ไร
เหา เล็น พวกนี้เกิดด้วยเหงื่อไคล เกิดด้วยเหงื่อไคล น่ะ ไม่ใช่แต่ เรือด ไร เหา
เล็น มนุษย์เราก็เกิดด้วยเหงื่อไคลได้เหมือนกัน ลูกของนางปทุมวดี คลอด
บุตรมาคนหนึ่งแล้ว ส่วนสัมภาวมลทินของคัพภ์ นั้น ที่ออกกับลูกนั่น ก็เป็น
เลือดออกมาเท่าไร ๆ ๆ ก็เป็นลูกทั้งนั้น ถึง ๔๙๙ คน เป็น ๕๐๐ ทั้งออกมา
คนแรก นั่นก็เรียกว่า สังเสทชะ เหมือนกันเกิดด้วยมลทินของคัพภ์นั้น เกิดได้
อย่างนี้ เขาเรียกว่าเกิดด้วยเหงื่อไคล สังเสทชะนี่อีกกำเนิดหนึ่ง
ชลาพุชะ เกิดด้วยน้ำ มนุษย์เกิดด้วยน้ำ สัตว์ต่าง ๆ ที่เกิดด้วยน้ำมีมาก
อุปปาติกะ ลอยขึ้นบังเกิด ลอยขึ้นบังเกิดเป็นมนุษย์ เกิดได้หรือ เกิด
ได้ มนุษย์เกิดได้ดีทีเดียว ลอยขึ้นบังเกิด ลอยขึ้นบังเกิดน่ะ ไม่มีพ่อมีแม่
เหมือนนางอัมพาปาลี เกิดที่ค่าคบมะม่วง
โมคณสาทิกพราหมณ์เกิดในดอกบัว ไม่ต้องอาศัยท้อง ลอยขึ้นบังเกิด
เกิดขึ้นเป็นตัวเฉย ๆ ขึ้นที่ค่าคบมะม่วงอายุ ๑๔-๑๕ ทีเดียว
นางอัมพปาลี นั่นเขาเรียกว่าลอยขึ้นบังเกิด
หรือไม่เช่นนั้น กายของเทวดาในชั้นตาวติงสา ยามา ดุสิต นิมมานรดี
ปรินิมมิตวสวัตตี กายเทวดา กายรูปพรหม อรูปพรหม เป็นอุปปาติกะทั้งนั้น
กายสัตว์นรก เป็นอุปปาติกะทั้งนั้น
เปรต เป็นอุปปาติกะทั้งนั้น
อสุรกาย เป็นอุปปาติกะทั้งนั้น นี้ลอยขึ้นบังเกิดทั้งนั้น
กำเนิดทั้ง ๔ อัณฑชะ สังเสทชะ ชลาพุชะ อุปปาติกะ กำเนิดนี้