จากโอวาทพระมงคลเทพมุนี กัณฑ์ที่ ๑๐ เรื่อง ขันธ์ ๕ เป็นภาระอันหนัก
สำรวมตาได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
สำรวมหูได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
สำรวมจมูกได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
สำรวมลิ้นได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
สำรวมกายได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
สำรวมวาจาได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
สำรวมใจได้ ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
สำรวมในที่ทั้งหมด ปรากฏว่ายังประโยชน์ให้สำเร็จ โดยแท้ผู้ศึกษา
ธรรมวินัยเป็นผู้สำรวมแล้วในอินทรีย์ทั้งหลาย ในอินทรีย์ทั้งสิ้น
เมื่อสำรวมได้เช่นนี้ตัดสินว่า สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ ย่อมหลุดพ้นจาก
ทุกข์ทั้งปวงไป ด้วยประการดังนี้
นี่สังวรกถา แสดงการสำรวม แต่ว่าที่กล่าวมานี้ ตามวาระพระบาลี
คลี่ความเป็นสยามภาษา ถ้าจะอรรถาธิบายขยายความ ในการที่ปล่อยขันธ์
๕ เป็นลำดับไป
ขันธ์ทั้ง ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่เราแบ่งเป็น
ภาระหนักอยู่ในบัดนี้
แล้วอวดดีด้วยนะ ภาระของตัวหนักพออยู่แล้ว ยังอวดดีไปแบก
ภาระของคนอื่นเขาเข้าอีกด้วย
เอากันละตรงนี้ อวดดีแบกภาระของคนอื่นเขาเข้าด้วย ไม่ใช่แบก
น้อยด้วย บางคนแบกหลาย ๆ ขันธ์ แอบไปแบกเข้า ๕ ขันธ์อีกแล้ว หญิงก็ดี
ชายก็ดี แอบไปแบกเข้าอีก ๕ ขันธ์ แล้วรวมของตัวเข้าเป็น ๑๐ ขันธ์แล้ว
หนักเข้าก็หลุดออกมาอีก ๕ ขันธ์ เป็น ๑๕ ขันธ์ แบกเอาไป แบกเอา
ไปเหอะ เอ้า หนักเข้า หนักเข้า หลุดออกมาอีก ๕ ขันธ์แล้ว เป็น ๒๐ ขันธ์
นาน ๆ หลาย ๆ ปีเข้าหลุดออกมาอีก ๕ ขันธ์แล้ว เป็น ๒๕ ขันธ์ นาน ๆ หลุด
ออกมาอีก ๕ ขันธ์แล้ว เอ้า เป็น ๓๐ ขันธ์ ดังนี้แหละ
บางคนแบกถึง ๔๐, ๕๐, ๖๐, ๗๐, ๘๐, ๙๐ บางคนถึง ๑๐๐ ขันธ์
สมภารแบกตั้งพันขันธ์เชียวนา ไม่ใช่น้อย ๆ นั่นอวดดีละ ถ้าอวดดีอย่างนี้
ต้องหนักมาก เขาจึงได้ชื่อว่า สมภาร
สมภารแปลว่า หนักพร้อม หนักรอบตัว พ่อบ้าน แม่บ้าน พ่อครัว แม่
ครัว ก็เหมือนกัน หนักใหญ่อีกเหมือนกัน หนักรอบอีกเหมือนกัน เพราะแบกขันธ์ทั้งนั้น
ที่ทุกข์ยากลำบากกันหนักหนาทีเดียว เพราะแบกขันธ์เหล่านี้แหละ
ต้องปลูกบ้านเป็นหย่อม ๆ เป็นหลัง เป็นพืดไปนั่น เพราะอะไร บริหารขันธ์
แบกขันธ์ทั้งนั้น แบกภาระที่หนักทั้งนั้น ไม่ใช่เล็กน้อย ไม่ใช่พอดีพอร้าย
เพราะเหตุดังนั้น การแบกภาระของหนักนี่แหละ ถ้าว่าปล่อยไม่ได้
วางไม่ได้ละก็ เป็นทุกข์หนักทีเดียว บุคคลผู้แบกของหนักไป บุคคลผู้แบก
ขันธ์ ๕ ที่หนักไป ถ้าว่าปล่อยวางขันธ์ ๕ ไม่ได้ก็เป็นทุกข์แท้ ๆ
ถ้าปล่อยวางขันธ์ ๕ เสียได้ ก็เป็นสุขแท้ ๆ เหมือนกัน ตรงกันข้าม