"..เบื้องต้นเพื้นฐานการฝึกอาจจะมีวิธีการต่างๆที่แตกต่างกันไป

..บางท่านก็ใช้การกำหนดพองหนอ-ยุบหนอ

..บางท่านก็ใช้คำบริกรรมพุทโธ

..รู้ลมหายใจเข้า-ออกก็ดี

..หรือบางท่านก็ใช้การเคลื่อนไหวสร้างจังหวะต่างๆก็ดี

พื้นฐานก็อาจจะแตกต่างกันไป หรือว่า..จะรู้ที่เป็นปรมัตถ์เป็นสภาวธรรมเป็นความรู้สึกของกายของใจไปเลยก็ได้

เบื้องต้นการปฏิบัติอาจจะแตกต่างกัน แต่เมื่อปฏิบัติไปก็จะสามารถยกระดับจิตใจขึ้นมาทั้งในเรื่องของสมถะในด้านของความสงบตั้งมั่น และในด้านของวิปัสสนา การรู้เห็นตามความเป็นจริงขึ้นมาได้

แต่ถ้าญาติโยมไม่ได้มีวิธีปฏิบัติที่ฝึกเป็นประจำอยู่แล้วเนี่ยก็สามารถเรียนรู้ตามที่แนะนำได้

วิธีที่จะแนะนำก็คือ

• การระลึกรู้ความรู้สึกของกายของใจตรงๆ ในเบื้องต้นก็ จุดสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง การยืน การเดิน การเคลื่อนไหว ก็ระลึกรู้สึกตัวการทำความรู้สึกตัวขึ้นมาอยู่เสมอ

• ส่วนเวลานั่งปฏิบัติก็เน้นการใช้ลมหายใจที่เรียกว่า อานาปานสติ 16 ขั้นเป็นขั้นบันไดที่ใช้ในการฝึกปฏิบัติเข้าสู่ทั้งสมถะและวิปัสสนา

• และในเรื่องของการใช้โยนิโสมนสิการ ก็คือ การรู้จักพิจารณาโดยแยบคายต่างๆเรียกว่าคิดให้เป็น การพิจารณาโดยแยบคายก็จะมีวิธีคิดต่างๆให้เราได้ฝึกกัน ก็เป็นการเพาะบ่มเรื่องของปัญญา

ในการฝึกปฏิบัติเราจะอบรมทั้งเรื่องของ..ศีล พื้นฐานการใช้ชีวิต ..สมาธิความตั้งมั่นของจิต ..และก็เรื่องของปัญญา ความรู้ความเข้าใจความรอบรู้ในกองสังขาร ที่จะทำให้สู่การหลุดพ้นจากทุกข์ได้ เรื่องของปัญญาก็มีตั้งแต่ระดับเรื่องของการเพาะบ่ม เรื่องของการคิดพิจารณาต่างๆ จนเข้าถึงระดับเรื่องของการเห็นสภาวธรรมตามความเป็นจริง เห็นรูปเห็นนามต่างๆ ก็สามารถฝึกฝนไปโดยลำดับลำดา.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ เขมรังสี จ.พระนครศรีอยุธยา

บ่าย 01 ธันวาคม 2566

#แนวทางการฝึก #ศีล #สมาธิ #ปัญญา #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..ถ้าเราฝึกแบบนี้ในแต่ละวันเนืองๆ

..เห็นเป็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความเป็นอนัตตา

..เห็นความเป็นอริยสัจต่างๆ

..เห็นความเป็นเหตุปัจจัย แยกแยะองค์ประกอบได้ต่างๆ

ฝึกแบบนี้จะเป็น #การเพาะบ่มปัญญาที่เกิดจากการพิจารณา พอเรามีตรงนี้เป็นรากฐานพื้นจิตเริ่มเดินปัญญาเป็น เริ่มพิจารณาเป็น พอเรามาฝึกปฏิบัติในรูปแบบจิตสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ แทนที่มันจะพุ่งออกไป หรือเข้าถึงความสงบ หรือเข้าสภาวะว่างอะไร ทีนี้มันจะเริ่มพลิกเป็นปัญญา จะเกิดวิปัสสนาญาณ จิตจะพลิกเป็นเดินปัญญา

ตรงที่จิตตั้งมั่นก็รู้จิตที่ตั้งมั่นไปเรื่อยๆ พอเราเริ่มคุ้นเคยกับการเดินปัญญาการพิจารณา ทีนี้จิตเริ่มพลิกเป็นวิปัสสนาแล้ว

จากนั้นก็เริ่มบางครั้งจิตก็สงบนิ่งก็อยู่กับความนิ่งความสงบ ความว่างก็เป็นสมาธิ แต่บางครั้งพอจิตพลิกเป็นวิปัสสนา ก็จะเดินปัญญา รู้จักพิจารณาในแง่มุมต่างๆบ้าง หรือว่าเห็นสภาวะการเกิดดับของรูปนามกายใจในขันธ์ทั้ง 5 ต่างๆ ก็ต้องพาจิตเดินปัญญาเเบบนี้ให้มาก ก็ฝึกไปๆก็จะพลิกเป็นวิปัสสนาญาณ

เพราะว่ากิเลสอาสวะที่หมักหมมอยู่ในขันธสันดานก็ต้องผ่านการชำระด้วยปัญญาดวยวิปัสสนาญาณนั่นเอง

ก็สามารถรักษาควบคู่ไปทั้งเรื่องของสมาธิความสงบตั้งมั่น แล้วก็เรื่องของปัญญา การรอบรู้ในกองสังขารการู้เห็นตามความเป็นจริงต่างๆนั่นเอง.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 01 ธันวาคม 2566

#สภาวะว่าง #สติ #สมาธิ #ปัญญา #วิปัสสนาญาณ #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..เมื่อให้ค่าอะไร สิ่งนั้นก็จะมีค่าขึ้นมาอยู่ในใจ

เมื่อยึดถือสิ่งใด สิ่งหนึ่งก็จะมีค่าขึ้นมาอยู่ในใจ

อย่างเช่น สรรพสิ่งล้วนเป็นธรรมชาติ เหมือนฝนตก แดดออก ฟ้าจะสว่าง ฟ้าจะมืด เป็นปรากฏการณ์ของธรรมชาติที่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย

ร่างกายจิตใจนี้เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เรียกว่า รูป-นาม เรียกในมุมของกายใจ เรียกในมุมของรูปนามก็ได้ เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยหมดเลย #เป็นเพียงปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วก็มีเหตุปัจจัยให้แปรเปลี่ยนไป

อากาศที่ไหลเข้าไปก็ไม่ใช่ลมหายใจ เป็นเพียงอากาศที่ไหลเข้าไปเพราะปอดขยาย

สรรพสิ่งเป็นเหตุเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน

เพราะร่างกายต้องการสูบฉีด ต้องการเลี้ยง มีอากาศเข้าไปหล่อเลี้ยงเพื่อการดำรงอยู่ของชีวิต ก็สร้างเหตุปัจจัยขึ้นมา

ปอดขยาย อากาศเข้าไป เราไม่ได้ไปสั่ง เขาทำงานของเขาเอง

กาย ใจ เป็นธรรมชาติที่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย มีแต่สภาพกระแสของการเปลี่ยนแปลง คงสภาพเดิมไม่ได้ บังคับบัญชาไม่ได้"

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

ค่ำ 30

พฤศจิกายน 2566

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"(ปุจฉา: บิดา มารดา อารมณ์เสียรุนแรง พูดจา หยาบคาย กดดัน ใส่ลูก ..ผู้เป็นลูกควรวางใจอย่างไร ?

.. • #มองด้วยความเข้าใจ การที่คุณพ่อคุณแม่มีความเครียดมีความกดดันต่างๆก็น่าจะมาจากสิ่งต่างๆที่สะสมมา การใช้ชีวิตเหตุปัจจัยต่างๆทำให้มีความอัดอั้นสิ่งต่างๆอยู่ในใจ แล้วก็จนต้องหาทางระบายออกมาด้วยวิธีการต่างๆ

ถ้าเรามองด้วยความเข้าใจว่า ทุกอย่างมันมีเหตุมีปัจจัยมา มองด้วยความเข้าใจก็จะทำให้เรามองอะไรได้ดีขึ้น มองด้วยความสงสาร ด้วยความอยากที่จะให้ท่านได้หลุดออกจากความทุกข์ หลุดออกจากความทรมานต่างๆ เรียกว่า #มองด้วยความเมตตากรุณา ถ้าเราพลิกได้ปุ๊บเนี่ยมันจะไม่ใช่เป็นที่ว่าต้องจำต้องอดทนแล้วก็จะเป็นเรื่องของความเข้าใจ

.. • หรือว่า เรามองให้ลึกลงไปว่า ที่ท่านแสดงออกมา แต่จริงๆแล้วลึกๆในใจท่านก็หวังดีกับเรา ปรารถนาดีกับเราต่างๆ ก็อยากให้เราได้ดีหรือได้พบสิ่งดีๆต่างๆ ก็เรียกว่า #ไม่มองอะไรแค่ผิวเผิน เปลือกนอกคำพูดคำจา เรามองลึกลงไปในจิตใจจริงๆ เราก็มองแล้วก็นึกถึงว่า พ่อแม่เขาก็รักเรา ถ้าไม่รักเราก็คงไม่เลี้ยงเราจนเติบโตแบบนี้ ป้อนข้าวป้อนน้ำดูแลทุกอย่างพ่อแม่ใครก็รักลูกทั้งนั้นแหละ

เพราะฉะนั้น เราก็มองลึกเข้าไปถึงน้ำจิตน้ำใจของท่าน ทะลุสิ่งที่มันเป็นเปลือกภายนอกต่างๆการกระทำคำพูดคำจา ถ้าเราทะลุภายในเราก็จะรู้สึกได้ถึงหัวจิตหัวใจของท่าน..

.. • รู้จัก #การให้อภัย รู้จักที่จะละวางสิ่งที่เป็นความหนักความร้อนลง ให้อภัยก็เบา ให้อภัยคุณพ่อคุณแม่ อันไหนที่รู้สึกกระทบกระทั่งใจก็ให้อภัย ให้อภัยตัวเองด้วยที่ถือโทษตัวต่างๆก็ให้อภัย อะไรที่เรารู้สึกว่าทำไม่ดีเราก็ขอโทษขอโพยขอขมาท่าน ใจเราก็เบา ถ้าเราเก็บไว้ในใจมากๆสะสมมากๆมันก็แน่นร้อนหนักอกหนักใจต่างๆ

ของหนักของร้อนจะเก็บไว้ทำไมในใจ ก็รู้จักที่จะ #สละละวาง ก็สละออกให้ถูกด้วยการให้อภัยด้วยการสละออก ด้วยความเห็นอกเห็นใจกัน ถ้าวางไม่ถูกก็เลยว่าก็ไประบายกับคนอื่นก็ไปพ่นความหนักความร้อนให้คนอื่นอีก อันนี้ระบายไม่ถูก

..การสละของหนักของร้อน ก็สละให้ถูกด้วย - การให้อภัย ด้วยความเข้าใจ ด้วยความรักความปรารถนาดี ด้วยความเห็นคุณค่าของกันและกัน ด้วยการที่เรารู้จักอยากให้ท่านมีความสุข อยากให้ท่านได้รับสิ่งที่ดีๆ อะไรที่ทำให้ทำให้ท่านสบายใจได้เราก็อยากทำด้วยความดูแลเอาใจใส่ เราก็มีพ่อแม่อยู่แค่นี้แหละนะ ถ้าเรา ไม่รักท่านไม่ทำให้ท่านมีความสุขแล้วจะไปทำให้ใครมีความสุขได้ ท่านถึงบอกว่า #พระในบ้าน ก่อนที่จะนึกถึงข้างนอกก็พระในบ้านคุณพ่อคุณแม่ก่อนนั่นเอง บางท่านท่านทำไม่ดีกับเราบ้าง ก็มองด้วยความเข้าใจ

ถ้ามุมมองเป็นจิตใจเราก็จะเบิกบานขึ้นมามีความสุข พอเราเห็นท่านมีความสุขใจเราก็มีความสุข มันจะพลิกไปอีกวิถีหนึ่งเลย เกิดปราโมทย์เกิดความร่าเริงเบิกบานเกิดปีติเกิดความอิ่มใจขึ้นมา ใจเราก็มีความสุขเกิดความสงบผ่อนคลายไม่เครียดไม่กังวล จิตใจก็ยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุขความสบาย การอยู่ร่วมกันก็ร่มเย็นเป็นสุขได้.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 30 พฤศจิกายน 2566

#การอยู่ร่วมกัน #พระในบ้าน #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"ทรัพย์ข้อแรกก็คือศรัทธา

คนที่มีศรัทธาก็เหมือนมีทรัพย์อันประเสริฐ เป็นบ่อเกิดแห่งกุศลธรรมทั้งหลาย

บางคนอยู่ใกล้วัดก็ไม่ได้สนใจใฝ่ธรรม บางทีก็ยังยิงนกตกปลาอยู่ ยังทำบาปอกุศลอยู่

อยู่ใกล้วัด บางคนเดินหน้าผ่านวัด เดินหน้าผ่านพระไป ก็ยังไม่ได้สนใจคำสอนในพระศาสนา

ถ้าไม่มีโอกาสได้เข้ามาฟังธรรมปฏิบัติธรรม ชีวิตก็ไม่รู้ว่าจะพ้นทุกข์ได้อย่างไร ? ก็ใช้ชีวิตอย่างไม่รู้ว่าเหตุปัจจัยจะเป็นอย่างไร ? ไม่รู้ว่าตนเองกำลังก่อความทุกข์ให้แก่ตน ไม่รู้ว่าภายภาคข้างหน้าจะได้รับผลอย่างไร ใช้ชีวิตไปก็ไม่มีจุดหมายปลายทางที่แน่นอน

กว่าเราจะได้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็ต้องผ่านได้หลายระดับ

บางท่านกว่าจะเริ่มสนใจทำทาน อายุก็ตามเหตุตามปัจจัย บางคนสนใจตั้งแต่เด็ก บางคนสนใจวัยกลางคน บางคนสนใจวัยที่ชราแล้ว

..กว่าจะมาสนใจการปฏิบัติธรรมก็ค่อย ๆ พัฒนาเป็นไปตามลำดับ

บางท่านให้ทานเสร็จ ก็เริ่มสนใจรักษาศีล รักษาศีล รักษาศีล 5 ..สบายใจ

กว่าจะเข้ามาสนใจภาวนาก็ต้องผ่านด่านกันมาเยอะเลย ก็ต้องอาศัยกำลังใจที่เข้มแข็ง

บางคนกว่าจะสนใจภาวนานี่ก็อายุมากแล้ว บางคนก็อาจจะสนใจภาวนาตั้งแต่ยังเด็ก ..ก็ถือว่าเป็นวาสนาเป็นบารมีของแต่ละท่าน

เมื่อมีศรัทธาแล้ว บุญกุศลทั้งหลายจะค่อย ๆ หลั่งมา อย่างศรัทธาในก็เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ถึงวิมุตินะ .."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

ค่ำ 29 พฤศจิกายน 2566

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..การที่จะพลิกจิตเป็นวิปัสสนาญาณเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริงได้

นอกจากอาศัยกำลังสมาธิ จิตที่ตั้งมั่นแล้วก็ต้องอาศัยบาทฐานอื่นด้วย

..เรื่องของศีล การใช้ชีวิตที่ถูกต้องดีงาม

..เรื่องของการเจริญสติสัมปชัญญะอยู่เนืองๆ

..หรือแม้กระทั่ง การเพาะบ่มปัญญา

ปัญญา ก็มีหลายระดับ ที่ท่านแสดงไว้ก็

• สุตมยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการสดับตรับฟัง ได้ฟังธรรมได้ศึกษาเล่าเรียนต่างๆก็ ทรงจำไว้ก็เป็นวัตถุดิบอยู่ข้างใน ก็ทำให้เกิดปัญญาเกิดความรู้ในระดับเบื้องต้นขึ้นมาได้ เราจะมีความรู้เราก็ต้องศึกษาก่อน เล่าเรียนได้สดับตรับฟัง

• จินตามยปัญญา ปัญญาที่เกิดจากการขบคิดพิจารณาต่างๆ ตรงนี้เป็นสิ่งที่สามารถฝึกได้ในชีวิตประจำวัน รายการใช้สิ่งที่เรียกว่า โยนิโสมนสิการ การรู้จักพิจารณาโดยแยบคาย

คำว่า พิจารณาธรรม มีตั้งแต่ระดับใช้ความคิดสัญญาความจำต่างๆ แล้วก็ถึงระดับภาวนามยปัญญา ที่เป็นระดับวิปัสสนาญาณ ซึ่งวิปัสสนาจะเกิดต้องมีรากฐาน รากฐานจากการนี่แหละการได้สดับตรับฟัง การรู้จักพิจารณาตั้งแต่เบื้องต้น มีโยนิโสมนสิการ ฝึกได้..

.

.

ทีนี้ถ้าระหว่างวันเราเริ่มสะสมปัญญาด้วย จากสุตะการฟัง จากการพิจารณาต่างๆ จากการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง มองด้วยจิตที่เป็นกุศลบ้าง มองด้วยปัญญารู้เท่าทันสภาวะบ้าง สะสมไปในขันธสันดาน ถึงเวลาพอเราปฏิบัติฝึกสมาธิภาวนาจิตสงบตั้งมั่น ด้วยฐานที่เรามีวัตถุดิบอยู่นี้มันจะส่ง รู้จิตตั้งมั่นแล้วถึงจุดหนึ่งจะพลิกเป็นวิปัสสนาญาณ ก็จะเห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง มองอะไรก็เข้าใจ เห็นความไม่เที่ยงแปรเปลี่ยนไปเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เห็นความบีบเค้น สภาพของความเป็นทุกข์ เห็นความาเป็นอนัตตาบังคับบัญชาอะไรไม่ได้

• ก็เข้าสู่ ภาวนามยปัญญา ที่เรียกว่า ระดับของวิปัสสนาญาณต่างๆ อันนี้มันจะต่อยอดได้จากการที่เราฝึกจิตที่เป็นสมาธิแล้วก็ขึ้นสู่ปัญญา

เพราะว่า - บุคคลจะบริสุทธิ์ล่วงทุกข์ได้ด้วยปัญญา -

ซึ่งอยู่ๆปัญญามันไม่ได้เกิดขึ้น มันต้องอาศัยรากฐานการใช้ชีวิต เรื่องศีล เรื่องสมาธิ แล้วก็ปัญญาตั้งแต่ระดับการใช้ชีวิตประจำวัน การรู้จักคิด รู้จักพิจารณา รู้จักสดับตรับฟังสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจในแง่มุมต่างๆ รู้จักพิจารณา สะสมไว้พอถึงจุดหนึ่งปฏิบัติกำลังสมาธิถึงมันจะส่ง ทีนี้เราก็รู้จิตที่ตั้งมั่นไปเรื่อยๆ ทีนี้จิตเขาจะดำเนินของเขาเองแล้ว บางครั้งจิตก็อยากสงบก็นิ่งตั้งมั่นอยู่ ในแต่บางครั้งจิตจะเดินปัญญา จิตจะพลิกเป็นวิปัสสนา ก็จะพิจารณาของเขา

เราก็แค่รู้เท่าทันไปเรื่อยๆ บางคราวจิตก็เดินปัญญา บางคราวจิตก็สงบพักอยู่ ก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ก็รู้เท่าทันสภาวธรรมไปเรื่อยๆ การปฏิบัติก็จะค่อยๆพัฒนาเจริญขึ้นไปโดยลำดับลำดา .."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 29 พฤศจิกายน 2566

#จิตตั้งมั่น #พลิกจิตสู่วิปัสสนาญาณ #ปัญญา #วิปัสสนาญาณ #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"การทำงาน ถ้าเราวางใจว่าอยู่กับการสร้างเหตุ จะค่อย ๆ เรียนรู้ใหม่นะ จิตเขาจะค่อย ๆ เรียนรู้ขึ้นมา

อย่างเวลาเราทำงาน ส่วนใหญ่ก็เอาใจไปเกาะที่ผลนะ เมื่อไหร่งานจะเสร็จ ..เปลี่ยนใหม่ ทำงาน มีงานกองเต็มเลย ก็ค่อย ๆ ทำไป เสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

ทำไป ทำไป จะพบความจริงอย่างหนึ่ง พออยู่กับการสร้างเหตุไป ทำไป ค่อย ๆ ทำไป ใจสบายขึ้นมา เพราะใจไม่ไปเกาะที่ผล เรียกว่าไม่มีตัณหา ใจสบาย มีความสุข ก็ทำไปได้เรื่อย ๆ นะ

บางคนก็เรียกว่า #จิตอธิษฐานการงาน

ก็อยู่กับงานจนเต็มหัวใจ ค่อยทำไป ทำไป ใจก็มีความสุข นี่เป็นการปฏิบัติธรรมในตัว เรียกว่าไม่แบ่งแยกระหว่างในยก หรือว่าในการทำงาน

การทำงานก็อาศัยเป็นอุปกรณ์ในการฝึกปฏิบัติธรรม เรียกว่ามีจิตอธิษฐานการงาน

บางทีต้องประชุมนะ ประชุมทีก็หลายชั่วโมง อย่างพระบางทีก็มีประชุมกันเหมือนกันเป็นคณะสงฆ์ ที่ท่านประชุมกัน ประชุมทีก็หลายชั่วโมง แล้วเราก็ฆราวาสก็ประชุมกันทีก็อาจจะหลายชั่วโมง ก็ไม่ต้องกังวลว่าเมื่อไหร่จะหมดเวลา ก็มีความสุขในทุก ๆ ขณะในการประชุม

ใจไม่ไปเกาะที่ผลเมื่อไหร่จะเสร็จ ก็มีความสุขในทุกขณะไป

การฝึกในรูปแบบก็จะเกื้อหนุนมาจากที่เราใช้ชีวิตประจำวันนี่แหละ

จิตเขาจะค่อย ๆ เรียนรู้ในการที่อยู่กับการสร้างเหตุ พอเวลามานั่งสมาธิ จากการที่เขาเรียนรู้ทางกายภาพมาดีแล้ว พอมานั่งสมาธิ เขา(จิต)ก็จะไม่ค่อยไปล็อคที่ผลน่ะ

พอไม่ไปล็อกที่ผล ใจไม่เกาะที่ผล ตัณหาก็ไม่เกิด เหตุปัจจัยซึ่งกันและกันเลย พอตัณหาไม่เกิด ความสงบก็เกิดขึ้นมาได้โดยง่าย

เพราะปฐมฌานนั้น ต้องสงัดจากกามและอกุศลธรรม ตัณหาก็เป็นอกุศลธรรม ทำให้จิตใจยังวนกระวายอยู่ เมื่อไหร่จะหมดเวลา เมื่อไหร่จะพอ แต่พอเหตุดับ ผลดับหมดเลยนะ

แต่พอใจเกี่ยวกับการสร้างเหตุ ตัณหาไม่เกิด ทุกข์ดับเอง เกิดความสงบขึ้นมาเอง (จิต)เขาจะค่อย ๆ ลึกซึ้ง ประณีตไปตามลำดับ"

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

ค่ำ 28 พฤศจิกายน 2566

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"(ปุจฉา: มีคนมาพูดทำให้รู้สึกไม่พอใจ จิตภายในพุ่ง เร่าร้อน หงุดหงิด ..ขณะจะพูดไป เหมือนจิตถูกดึงให้พูดช้า คำพูดกลายเป็นเย็น นุ่มนวล ไม่เหมือนกับจิตภายในที่เร่าร้อน ?

..มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐเพราะอาศัยการฝึกฝน ผลจากการฝึกหัดปฏิบัติอบรมด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา ตรงนี้แหละที่จะเป็นตัวในการระงับยับยั้ง

• ศีล ก็เป็นตัวป้องกัน วีติกกมกิเลส การล่วงละเมิดเกิดการเบียดเบียน

• สมาธิ ก็ป้องกันกิเลสระดับกลางที่มันฟุ้งอยู่ในใจ

• ปัญญา ก็จะเริ่มไปขุดรากถอนโคนภาย

ผลจากการที่เราเพาะบ่มอบรม..ด้วยศีล ด้วยสมาธิ ด้วยปัญญา เป็นประจำสม่ำเสมอ เมื่อใช้ชีวิตต้องเจอสิ่งเร้าต่างๆ ที่ความรู้สึกด้านในมันดันพุ่งออกมา แต่ด้วยกำลังของสติสมาธิปัญญา ก็เหมือนเบรคยับยั้งชั่งใจได้ ถ้าเรามีเรื่องของปัญญา มีเรื่องของโยนิโสมนสิการด้วย การรู้จักพิจารณาโดยแยบคายด้วยก็สามารถเปลี่ยน เปลี่ยนเป็นความรู้สึก จากความรู้สึกที่ไม่ดีกลายเป็นความรู้สึกที่ดีได้จากการรู้จักมองจากการพิจารณาโดยแยบคาย

หรือว่า การมีสติมีจิตที่ตั้งมั่นรู้เท่าทัน

ถ้าผลจากการฝึกตรงนี้มีกำลังมากกว่า ความรู้สึกด้านในที่มันดันขึ้นมาก็ถูกกำลังสติปัญญาที่ฝึกมา ก็เป็นตัวหยุดไว้ มันก็สามารถเปลี่ยนกระแสเปลี่ยนความรู้สึกได้ จากความรู้สึกที่เร่าร้อนขึ้นมาก็กลายเป็นความรู้สึกเย็นนุ่มนวลละมุนละไมได้ อันนี้ต้องอาศัยการฝึกฝน

ก็เป็นเรื่องของการฝึกปฏิบัติแล้ว ก็ค่อยๆเพาะบ่มไปเเบบนี้ เรื่องศีล เรื่องสมาธิ เรื่องปัญญา เรื่องของการเพาะบ่มอริยมรรคมีองค์ 8

เมื่อนับวันเพาะบ่มไปทีนี้จะค่อยๆหยั่งรากลงไปในระดับจิตใต้สำนึก ต้องค่อยๆหยั่งรากลงไป ทีนี้ถ้าเราฝึกไปมากๆนะ ก็เรียกว่า เติมน้ำดีเข้าไป น้ำเสียที่มันคั่งค้างอยู่ภายในมันจะค่อยๆถูกแทนที่ด้วยน้ำดี ก็ต้องฝึกอย่างนี้จากมันอยู่แค่ปลายยอดไป แล้วค่อยๆหยั่งรากลึกลงไป..ลึกลงไป แล้วค่อยๆชำระสิ่งที่ค้างคาอยู่ภายใน แต่เบื้องต้นหยุดความรู้สึกที่มันพุ่งก่อนดี ให้ฝึกฝนต่อไป.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 28 พฤศจิกายน 2566

#กิเลส #อนุสัย #น้ำดีชำระน้ำเสีย #ศีลสมาธิปัญญา #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..เวลาเราอยู่ข้างนอกหรือว่าเราใช้ชีวิตอยู่กันหลายคน อยู่กันเป็นร้อยเป็นพันคน ถ้ามีสติรู้สึกตัวอยู่ มีความสงบในจิตใจ ก็เหมือนอยู่คนเดียว

ต่อให้ห้องนี้จะอยู่กันหลายสิบคน พอมีจิตใจที่ตั้งมั่นสงบอยู่ ก็เหมือนอยู่คนเดียว ก็มีแค่สติกับลมหายใจ มีแค่สติกับความรู้สึกตัว ไม่ปล่อยจิตปล่ยใจให้เพลิดเพลินไปกับบาปอกุศล

หมั่นที่จะออกมาจากโลกของความคิด มีความสงบร่มเย็นอยู่ในจิตใจ

บาปอกุศลแม้เพียงน้อยนิดก็ทำให้จิตใจเร่าร้อนได้

เวลามีความร้อนอกร้อนใจ เรื่องหนักอกหนักใจ ก็อย่าจมอยู่นานนะ เรียกว่าอย่าปล่อยให้ใจจมอยู่กับความทุกข์จนนานเกินไป

ถ้าปล่อยใจให้จมอยู่กับความทุกข์นานเกินไป บางทีเราโกรธนานเกินไป ร่างกายก็สูบฉีดนะ หัวใจเต้นเร็ว หลั่งสารพิษออกมามากมาย

บางทีก็ก่อเป็นความคุ้นชินนะ เวลาเจออารมณ์แบบนี้ ร่างกายจะตอบสนองแบบนี้

ดังนั้น เวลามีความโลภเกิดขึ้น ความโกรธเกิดขึ้น เราก็หมั่นที่จะรู้สึกตัวขึ้นมา สร้างความคุ้นชินใหม่ ไม่ปล่อยจิตปล่อยใจให้เพลิดเพลินไปกับอารมณ์ต่าง ๆ

บางทีก็เปลี่ยนชีวิตได้เลยนะ อย่างที่ปราชญ์ท่านว่าให้ระวังความคิด

…ความคิดก็จะกลายเป็นคำพูด

…คำพูดก็จะกลายเป็นการกระทำ

…การกระทำก็จะกลายเป็นนิสัย

…นิสัยก็จะกลายเป็นบุคลิก

…บุคลิกก็จะกลายเป็นชะตากรรมไปเลย

โยมลองนึกภาพดู ถ้าคน ๆ หนึ่งโกรธเป็นปกติ ชีวิตจะเป็นอย่างไร ? .."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระวรินทร นิทฺทโร (พระผู้ช่วยสอน)

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

ค่ำ 27 พฤศจิกายน 2566

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

"..วันลอยกระทง ก็เป็นประเพณีที่ดีงามของชาวไทย

ที่ได้มีโอกาสระลึกถึงคุณของพระแม่คงคา

นึกถึงสิ่งที่ตนเองได้อิงอาศัย แม่น้ำ ใช้สอยต่างๆ

แล้วก็ได้มีโอกาสที่จะขอขมา

สิ่งที่ได้พลาดพลั้งละเมิดล่วงเกินต่างๆ

คนไทยก็นิยมที่จะลอยกระทงกัน

ก็ถือโอกาสในวันประเพณีไทยนี้

นอกจากจะลอยกระทงแล้ว

ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้ลอยมลทิน

เครื่องเศร้าหมองต่างๆในจิตใจ

ก็เรียกว่า ชำระสิ่งที่หมักหมมอยู่ในจิตใจ

มีกายที่สะอาด มีวาจาที่สะอาด มีใจที่สะอาด

เรียกว่า เป็นการชำระจิตใจให้มีความผ่องใสเบิกบานขึ้นมา

ก็ด้วยการอบรมตนเอง

ด้วยศีล ด้วยสมาธิ และก็ด้วยปัญญา.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย

พระอาจารย์​มหาวรพรต​ กิตฺติวโร

ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา

เช้า 27 พฤศจิกายน 2566

#ลอยกระทง #ลอยกิเลส #ชำระจิตให้ผ่องใส #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่

Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree

Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation

YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree

Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/

SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree

LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol

LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ

Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com

TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree