"(ปุจฉา: ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน จะเชื่อมไปกับอริยสัจ 4 และเกี่ยวโยงอานาปานสติข้อที่ 13-16 เช่นไรเจ้าคะ ?
..ในระดับภาวนามยปัญญา ในข้อของธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ..ก็จะเชื่อมโยงไปถึงระดับที่ท่านแสดงไว้ในอานาปานสติ 16 ขั้นที่โยมถามถึงตั้งแต่ข้อ 13 เป็นต้นไป ที่เรียกว่า เห็นความไม่เที่ยงอยู่เป็นปกติ อันนี้เป็นระดับภาวนามยปัญญา และเป็นระดับเรื่องของการเห็นสภาวธรรม อันนี้จะเป็นการไม่ได้อาศัยความคิดความตรึกนึก แต่จะเป็นการที่สติมีกำลัง จิตมีความตั้งมั่น แล้วเห็นสภาวธรรมตามความเป็นจริง เห็นการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปของรูปนามขันธ์ 5 จนเกิดกระบวนการเห็นอริยสัจ 4
การเห็นอริยสัจ 4 นั้น ก็เรียกว่า เห็นทุกข์ ที่ท่านให้กำหนดรู้
..ทุกข์นี้เป็นผลแล้ว ก็ต้องเห็นตั้งแต่เหตุปัจจัย
• ตั้งแต่ผัสสะการกระทบ ตากระทบรูปเกิดจากจักขุวิญญาณเกิดการเห็น หูเกิดการได้ยิน เกิดจากผัสสะการกระทบแล้วก็เกิดเป็นเวทนา ความรู้สึกขึ้นมา เป็นความรู้สึกสุขเวทนาบ้าง ทุกขเวทนาบ้าง เฉยๆบ้าง
• เวทนาความรู้สึกก็เป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา ตรงเวทนาเป็นความรู้สึก
• แต่ถ้าสติไม่มีกำลังพอไม่ได้รู้เท่าทันก็จะก่อตัวขึ้นเป็นสังขารความปรุงแต่ง เริ่มเกิดความพอใจไม่พอใจนั่นเอง เรียกว่า เกิดตัณหาความทะยานอยาก อะไรที่พอใจชอบก็อยากดึงเข้า อะไรที่ไม่ชอบใจก็อยากจะผลักออกปฏิเสธ อยากที่จะทำลายทิ้ง เกิดการดึงเข้าผลักออก มีกำลังมากก็ยึดเลยอุปาทาน เกิดความยึดมั่นถือมั่น เรียกว่าติดข้องกับสิ่งต่างๆนั่นเอง ก็เกิดความรู้สึกเป็นตัวตนขึ้นมา ก็เกิดสิ่งที่เรียกว่าภพ ความมีความเป็น
• ภพก็จะเป็นปัจจัยให้เกิดชาติชาติชรามรณะโสกะปริเทวะ กองทุกข์ต่างๆก็เกิดขึ้น
ทุกข์ท่านทรงสอนให้กำหนดรู้ ก็คือรู้ แต่ว่าบางครั้งกำลังไม่พอ แล้วก็กำลังกิเลสมีกำลังมากกว่าก็จะดันไปงั้นแหละรู้แต่ว่ามันก็พัฒนาไป เกิดทุกข์ต่างๆหรือเกิดกิเลสเครื่องเศร้าหมอง เกิดความโกรธต่างๆ เหมือนที่เราฝึกกำหนดรู้ในเรื่องของ จิตานุปัสสนา จิตมีราคะก็รู้ จิตมีโทสะก็รู้ คือมันผุดขึ้นมาเป็นกิเลสแล้ว มันปรุงแต่งขึ้นมา
หรือว่าในข้อธัมมานุปัสสนาแรกๆที่ว่า เกิดกามฉันทะ ความพอใจติดใจ เกิดโลภะก็รู้ หรือเกิดความพยาบาทความรู้สึกขัดเคืองใจก็รู้ มันก็ก่อตัวมาเป็นกิเลสนะ
แต่ถ้ามีสติมีกำลังกว่านั้นมันก็ไม่ก่อตัวขึ้นไป อาจจะเกิดขึ้นเป็นผัสสะการกระทบแล้วก็ดับไป เหลือแค่รู้สักแต่ว่ารู้ หรือเกิดเวทนาความรู้สึก ก็ไม่เกิดความพอใจไม่พอใจ เรียกว่า จิตเป็นกลาง ในหลักสติปัฏฐานท่านก็จะทรงสอนละความพอใจไม่พอใจในโลก ก็เป็นวิถีของจิตที่เป็นกลางซึ่งต้องอาศัยทั้งกำลังสติแล้วก็กำลังจิตที่ตั้งมั่น
..ก็รู้ทุกข์ ถ้ารู้เท่าทันเนี่ย เหตุแห่งทุกข์ก็ดับไปตรงนี้ ตัณหาก็ไม่เกิด ก็เป็น ตทังคะ หลุดพ้นชั่วคราวในขณะนั้น
ก็เหลือแค่ผัสสะการกระทบ แล้วก็เหลือแค่เวทนาความรู้สึกแล้วก็จบไป ก็เห็นการเกิดขึ้นดับไป ไม่ก่อตัวขึ้นเป็นตัณหาอุปทาน อันนี้ก็เหตุแห่งทุกข์ในระดับตัณหาก็ถูกละออกไป
..เมื่อเหตุดับ ผลก็ดับ ทุกข์ที่จะก่อตัวขึ้นก็ไม่เกิดในขณะนั้น นี้ก็เป็นการเจริญอริยสัจ รู้ทุกข์ ละเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ เข้าถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ก็ดับไปตามกำลัง ตั้งแต่ระดับตทังคะ หลุดพ้นชั่วคราวเป็นขณะๆไป มีกำลังมากก็วิกขัมภนะ หลุดพ้นแบบด้วยกำลังของสติกำลังสมาธิ
ก็พัฒนาไปพัฒนาไปก็เป็นกระบวนการรู้อริยสัจ 4 ไป แล้วก็ดำเนินมรรคก็คือปฏิบัติแบบนี้แหละด้วยสัมมาสติสัมมาสมาธิก็ทำให้เกิดสัมมาทิฏฐิความเห็นที่ถูกต้อง เห็นการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไปของสิ่งต่างๆ ก็เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ ก็คือ ความไม่เที่ยงความแปรปรวนสภาพบีบคั้นต้องเสื่อมสลายไปบังคับบัญชาอะไรไม่ได้ ก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เกิดสัมมาทิฏฐิ ก็เพาะบ่มไป เกิดสังกัปปะดำริที่ถูกต้องก็เดินมรรคไป เพราะฉะนั้นเวลาปฏิบัติก็เพาะบ่มตรงนี้ไปด้วย.."
…………………………
ถ่ายทอดธรรมโดย
พระอาจารย์มหาวรพรต กิตฺติวโร
ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา
เช้า 25 พฤศจิกายน 2566
#สติปัฏฐาน4 #อริยสัจ4 #อานาปานสติ #ปุจฉา #ถามตอบ #ธรรมอารี #พระมหาวรพรต
ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่
Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree
Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation
YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree
Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/
SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree
LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol
LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ
Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com
TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree