"เพราะฉะนั้น คุณลักษณ์ต่าง ๆ ที่เพาะบ่มตั้งแต่หลักพื้นฐาน จะส่งมาถึงตรงนี้ด้วยเช่นกัน ความอ่อนโยน ความซื่อตรง จริงใจ เป็นคุณลักษณ์ของความเป็นธรรมชาติ ของจิตทั้งนั้นเลยนะ
เมื่อปูทางไปแบบนี้ วิถีก็จะดำเนินคืนสู่ความเป็นธรรมชาติแบบนี้แหละ จิตจะมีความนิ่ง มีความตั้งมั่นมาก ก็รู้จิตที่ตั้งมั่นไปเรื่อย ๆ สบาย ๆ พอฝึกไปถึงจุดหนึ่ง ก็จะพลิกเป็นวิปัสสนาญาณ
จิตเขาจะพลิกของเขาเองนะ เราไม่ได้ต้องกำหนด แค่ประคอง รับรู้จิตที่ตั้งมั่น ปล่อยไปเรื่อย ๆ ถึงจุดหนึ่ง จิตเขาจะพลิกของเขาเอง เขาจะพลิกเป็นวิปัสสนาญาณนั่นเอง เกิดการรู้เห็นตามความเป็นจริง
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า..เมื่อจิตตั้งมั่น ธรรมทั้งหลายก็จะปรากฏตามความเป็นจริง..
สภาวะจะเป็นไปเองโดยธรรมชาติเลย หน้าที่ของเราคือการสร้างเหตุ สร้างเหตุที่ถูกต้อง เพาะบ่มไปเรื่อย ๆ จากศีล สมาธิ จนถึงจุดหนึ่งก็พลิกเกิดวิปัสสนาญาณ ธรรมทั้งหลายก็ปรากฏตามความเป็นจริง
แต่ถ้าเกิดวิปัสสนาญาณระดับสูงแบบนั้น การเห็นสภาวธรรมตามความเป็นจริง จะเป็นสภาวะที่ละเอียดแล้ว เป็นระดับที่เรียกว่าจิตเจตสิกแล้ว เป็นเรื่องของนามธรรม
จิต เจตสิก ที่เข้ามาประกอบจิต
..พวกสังขาร สังขารก็จะเป็นสังขารที่ปรุงแต่งละเอียด ที่เป็นกุศลทั้งนั้นแหละ
..พวกสัญญา แล้วก็เวทนา
สภาวะตรงนี้ จริง ๆ มันก็แทบจะหยุดไปตั้งแต่ตอนจิตตสังขารระงับแล้วล่ะ
แต่พอพลิกเป็นวิปัสสนา มันก็จะเริ่มเห็นได้ องค์ประกอบของจิตเนี่ย จิต เจตสิก ต่าง ๆ การเกิดดับของจิต เจตสิก ที่เข้ามาประกอบกันตรงนี้ ก็จะเริ่มเห็น เข้าใจกระบวนการ
วิปัสสนานี่มีหลายระดับนะ ตั้งแต่ระดับวิปัสสนาในชีวิตประจำวัน จนเข้าถึงระดับวิปัสสนาญาณ ที่เกิดญาณเห็นจิตตรงนี้แหละ ญาณที่เห็นการทำงานของจิต เห็นความปรุงแต่งของจิตต่าง ๆ
แต่ถ้าเข้าไปถึงเต็มกำลังจริง ๆ มันจะนิ่งมาก เพราะว่ามันผ่านจิตตสังขารระงับมาแล้ว อันนี้มันจะนิ่งมาก แต่ถ้ายังไม่ระงับดี พลิกเป็นวิปัสสนาก่อน ก็จะเห็น เห็นจิตที่ปรุงแต่งได้
บางคนปฏิบัติไป ..เอ๊ะ ? ทำไมมันไม่สงบเลย มันมีความปรุงแต่งอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะถ้าสติละเอียด ๆ บางทีปฏิบัติไป ทั้ง ๆ ที่ ก็ผ่านปีติ ผ่านสุขไปแล้ว แต่ว่ามันเห็นจิตปรุงแต่งไง
เพราะฉะนั้น เวลาปฏิบัติไปจนจิตตั้งมั่นไปเรื่อย ๆ รู้ไปเรื่อย ๆ เนี่ย จิตเขาจะพลิกของเขาเอง บางคราว..เขาก็อยู่ความสงบ ตั้งมั่นไป มีแต่สภาวะแบบสมาธิ แบบสมถะ นิ่งสงบไว้ บางคราวเขาก็พลิกเป็นวิปัสสนา
บางทีเขาก็พิจารณาธรรมบ้าง เกิดธรรมวิจยะบ้าง บางทีก็พิจารณาธรรม บางทีก็เป็นระดับวิปัสสนาญาณ เห็นการเกิดดับ รูป นาม
ถ้าลึกลงไป ก็เห็นองค์ประกอบของจิตต่าง ๆ แยกจิต แยกเจตสิกต่าง ๆ เข้ามาประกอบกัน ก็แล้วแต่ระดับของความละเอียดลึกซึ้ง
เพราะฉะนั้น เมื่อดำเนินอยู่ในแนวทางสัมมาปฏิบัติไปเรื่อย ๆ จนจิตตั้งมั่นไปเรื่อย ๆ จิตตั้งมั่นจะมีระดับของเขาอยู่ ค่อย ๆ ยกระดับจิตตั้งมั่นขึ้นไปเรื่อย ๆ เวลาพลิกเป็นวิปัสสนา ก็จะมีระดับของเขาอยู่นั่นเองนะ
ก็จะเกิดความรู้เห็นตามความเป็นจริง ก็จะเกิดความเข้าใจ ในระดับสภาวธรรม ที่เรียกว่าเกิดปัญญาขึ้นมา"
…………………………
บรรยายธรรมโดย
พระอาจารย์มหาวรพรต กิตฺติวโร
ณ อาคารธรรมนิเวศน์ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย (ศูนย์ 1)
ค่ำ 26 ตุลาคม 2566
ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่
Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : www.facebook.com/dhammaaree
Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : www.facebook.com/dhammaareefoundation
YouTube คลังวิดีโอ : www.youtube.com/@dhamma_aree
Instagram คลังภาพ : www.instagram.com/dhamma_aree/
SoundCloud คลังเสียง : @dhamma_aree
LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : bit.ly/3Fxu8Ol
LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : lin.ee/pXSQeyZ
Website ธรรมอารี :www.dhammaaree.com
TikTok ธรรมอารี : www.tiktok.com/@dhamma.aree