เฉินเผิงเหริน(陳鵬仁) นักวิจัยด้าน AI เติบโตในไต้หวันพูดภาษาจีนกลาง แต่คุณพ่อเขาวัย 70 ปี เฉินเซิ่งเจี่ยง(陳聖獎) เป็นหัวหน้าช่างเทคนิคโรงงานปลดเกษียณแล้ว พื้นเพเดิมอยู่ทางภาคใต้ของไต้หวัน พูดภาษาฮกเกี้ยนเป็นหลัก เขาบอกว่าการดำเนินโครงการเพราะใจรัก ต้องการให้คุณพ่อซึ่งถนัดภาษาฮกเกี้ยนพูดสื่อสารกับทุกคนได้

การพัฒนาระบบแปลในครั้งนี้มีอุปสรรคหลายประการ เนื่องจากภาษาฮกเกี้ยน เป็นภาษาที่มีฐานข้อมูลเสียงน้อย ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถแปลภาษาฮกเกี้ยนเป็นภาษาอังกฤษมีจำนวนน้อย การฝึก AI มีความยากลำบาก แต่คุณเฉินเผิงเหริน และทีมวิจัยของ Meta ทำการแปลภาษาฮกเกี้ยนเป็นภาษาจีนกลาง จากนั้นจึงแปลภาษาจีนกลางเป็นภาษาอังกฤษ การทำงานแบ่งเป็น 2 ทีม ช่วยกันเทียบคำและฝึก AI ให้เรียนรู้คำศัพท์

ทีมวิจัยของ Meta ยังได้ใช้ละครภาษาฮกเกี้ยน 30,000 ชั่วโมง ซึ่งมีอักษรจีนเป็นซับไตเติล เป็นสื่อในการจัดทำคำศัพท์ศ. หลี่หงอี้ (李宏毅) คณะวิศวกรเครื่องกลไฟฟ้า มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวันบอกว่า ตนเองเป็นผู้รับผิดชอบรวบรวมละครในไต้หวัน 1,500 ชั่วโมง แยกสัญญาณเสียง และนำไปเทียบเคียงกับตัวอักษรที่ปรากฏบนหน้าจอ เพื่อให้ AI สามารถเก็บข้อมูลคำศัพท์ภาษาฮกเกี้ยนได้ในเบื้องต้น จากนั้นจะมีการฝึก AI ให้มีความแม่นยำมากขึ้นในการเรียนรู้ภาษา

Meta แถลงว่า 40% ของภาษาทั่วโลกซึ่งมีอยู่กว่า 7,000 ภาษา เป็นภาษาพูดที่ไม่มีตัวเขียนเป็นมาตรฐาน ภาษาฮกเกี้ยนเป็นนิยมใช้ในจีน,ไต้หวัน, สิงคโปร์,มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ทั่วโลกมีผู้พูดภาษาฮกเกี้ยนประมาณ 50 ล้านคน เฉินเผิงเหรินกล่าวว่าทีมวิจัยของเขาได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยี AI แปลภาษาพูดที่ไม่มีภาษาเขียนมาตรฐานเป็นภาษาอังกฤษ และแปลเป็นภาษาอื่นๆ ได้โดยใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลาง

สภาพัฒนาแห่งชาติแถลงว่า จะมีการแถลงรายละเอียดโรดแมประหว่างปี 2026 – 2030  เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ สุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 กรมพลังงานกระทรวงเศรษฐการแถลงว่า จะกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนจนถึงปี 2030 ในส่วนของพลังงานโซลาร์เซลล์ จะมีกำลังผลิตไฟฟ้า 30 GW พลังงานลมนอกชายฝั่ง 13.1 GW ซึ่งจะต้องมีการติดตั้งเพิ่ม ในส่วนของ พลังงานโซลาร์เซลล์ 10 GW มูลค่าลงทุน 6 พันล้านเหรียญไต้หวัน และ พลังงานลมอีก 7.5 GW มูลค่าลงทุน 1.35 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน รวมกัน 1.95 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน (ประมาณ 2.24 ล้านล้านบาท)

ไต้หวันประกาศแผนปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเท่ากับศูนย์ภายในปี 2050 มีการแถลงอย่างเป็นทางการเมื่อ มีนาคม 2022 จะส่งเสริมเทคโนโลยีสำคัญ วิจัยและพัฒนานวตกรรม ยกระดับเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว อันจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวในระลอกใหม่ ในหลักไมล์สำคัญแต่ละช่วง จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในกิจการสีเขียว สร้างหลักประกันที่เป็นธรรมและการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น

ไต้หวันอาศัยการยกระดับพลังงาน ยกระดับอุตสาหกรรม ยกระดับการเป็นอยู่ระดับ และสังคม รวม 4 ทิศทาง และดำเนินการบนพื้นฐานสำคัญ 2 ประการคือ การพัฒนาเทคโนโลยี การตรากฎหมาย นอกจากนี้ยังมียุทธศาสตร์สำคัญ 12 ประการ ทางด้านการยกระดับพลังงาน อุตสาหกรรม ความเป็นอยู่ เป็นต้น

เพื่อสอดรับกับโรดแมปการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเท่ากับ 0 ในปี 2050 กระทรวงเศรษฐการกำหนดแผนยุทธศาสตร์พลังงาน ปี 2023 - 2030 ตั้งเป้าหมายเมื่อถึงปี 2030 จะบรรลุเป้าหมายประหยัดพลังงานไฟฟ้า 35,130 ล้านหน่วย ที่พักอาศัยลดการใช้พลังงานสัดส่วน 24% ผู้ประกอบธุรกิจ 27% การใช้ไฟฟ้าใน 2 ภาคส่วนนี้ลดการใช้พลังงานคิดเป็นสัดส่วนรวม 51%

 ปี 2030 มาตรฐานตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ที่ใช้พลังงานมากจะมีความเข้มงวดมากที่สุด

เนื่องจากตู้เย็นและเครื่องปรับอากาศมีการใช้พลังงานไฟฟ้ามากที่สุด กรมพลังงานตั้งเป้าหมายจะใช้มาตรฐานที่เข้มงวดมากขึ้น ในปี 2030 มาตรฐานการสิ้นเปลืองพลังงานที่ยอมรับได้ (MEPS) จะเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 3 ผู้ผลิตตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ จะต้องปรับตัวเพื่อให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น ถือเป็นมาตรฐานเข้มงวดที่สุดของโลก ซึ่งโดยปกติ การเลือกซื้อเครื่องไฟฟ้า ประชาชนจะมีการพิจารณาระดับประหยัดพลังงานแบ่งเป็น 5 ระดับ มาตรฐานการสิ้นเปลืองพลังงานระดับ 1 จะประหยัดกระแสไฟฟ้าได้มากที่สุด ปัจจุบันไต้หวันกำหนดให้เครื่องไฟฟ้าในท้องตลาดจะต้องสอดคล้องกับระดับ 5 ถือเป็นระดับพื้นฐานต่ำสุดที่ยอมรับได้ เมื่อถึงในปี 2030 จะปรับเป็นต่ำสุดคือระดับ 3 หมายความว่า ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศระดับ 4 ระดับ 5 จะไม่สามารถวางจำหน่ายได้อีกต่อไป

นอกจากนี้เมื่อถึงปี 2025 หลอดไฟที่จำหน่ายในตลาดจะต้องเป็นแบบ LED ทั้งหมด หลอดฟลูออเรสเซนต์ทยอยออกจากตลาด แหล่งข่าวกระทรวงเศรษฐการเปิดเผยว่า กฎหมายบริหารพลังงานไม่มีการห้ามการจำหน่ายหลอดฟลูออเรสเซนต์ ดังนั้นจะมีการเพิ่มความเข้มงวดประสิทธิภาพของหลอดฟลูออเรสเซนต์ และชักนำให้กิจการปรับเปลี่ยนการผลิตเป็นหลอด LED ขณะนี้หลอด LED จำหน่ายในตลาดมีสัดส่วน 90% สำหรับฐานของไฟก็สามารถใช้ร่วมกันได้ จึงเชื่อว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายหลอดไฟที่วางจำหน่ายในท้องตลาดจะมีแต่หลอด LED

 ปี 2025  หลอดไฟที่ขายในท้องตลาดจะเป็นแบบ LED ทั้งหมด

ในด้านการให้เงินอุดหนุนนั้น รัฐบาลมีการกำหนดมาตรการคืนภาษีสรรพสามิตให้กับผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง ในส่วนนี้ กระทรวงเศรษฐการจะมีการหารือกับกระทรวง และจะดำเนินมาตรการอุดหนุนผู้ที่เลิกใช้เครื่องอุปกรณ์ส่องสว่างและเครื่องปรับอากาศแบบเก่า

กระทรวงเศรษฐการแถลงว่า ยุทธศาสตร์ประหยัดพลังงานไฟฟ้า 6 ประการ รวม 45 มาตรการ แบ่งเป็น 5 ภาคส่วนครอบคลุม 1) อุตสาหกรรม 2)พาณิชย์กรรมการค้า 3) บ้านพักอาศัย 4) การขนส่ง 5) เทคโนโลยี การประหยัดพลังงานในภาคอุตสาหกรรมสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งคือ 49% สำหรับการค้าและที่พักอาศัย สัดส่วน 51% ซึ่งถือว่าใกล้เคียงกัน

ITRI ร่วมมือกับ NHRI จัดตั้งคณะทำงาน พัฒนาเทคโนโลยีชีวการแพทย์

สถาบันวิจัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (Industrial Technology Research Institute – ITRI) ร่วมมือกับ สถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติ (National Health Research Institutes) ลงนามความร่วมมือเทคโนโลยีสุขภาพยั่งยืน จัดตั้งคณะทำงาน 10 ชุด มุ่ง 4 ด้าน พัฒนาเทคโนโลยีชีวการแพทย์  รับมือปี 2025 ไต้หวันเข้าสู่สังคมสูงอายุระดับสุดยอด (Super-Aged Society) การวิจัยเทคโนโลยีสุขภาพแม่นยำคือความร่วมมือที่สำคัญ คาดหวังร่วมทุนกันทางด้านชีวการแพทย์และ ICT เพื่อให้เป็นอุตสาหกรรมมูลค่าสูงทะลุหลักล้านๆ เหรียญไต้หวัน

สือโฉงเหลียง (石崇良) รมช. กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า สถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติพัฒนาวัคซีนอย่างรวดเร็วและมีการจัดตั้งฐานข้อมูลสายพันธุ์เชื้อโรค เป็นคลังสมอง และคอยหนุนหลัง เพื่อการพัฒนาวัคซีน การตรวจสแกนโรค ยารักษาโรค ทางด้าน ITRI ได้มีการร่วมมือกับผู้ประกอบการและนักวิชาการกิจการ คาดว่ายุคหลังผ่านการระบาดโรคโควิด-19 จะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการผลิตสินค้าในเชิงพาณิชย์อย่างรวดเร็วทางด้านการแพทย์แม่นยำ และชีวการแพทย์

ชิวฉิวหุ้ย (邱求慧) ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีกระทรวงเศรษฐการชี้ว่า ITRI คือผู้ที่คอยขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันกิจการนวัตกรรมของไต้หวัน สถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติคือผู้ที่เป็นคลังสมองสำคัญทางด้านการวางแผนนโยบายการแพทย์และสาธารณสุข สองฝ่ายมีพื้นฐานการร่วมมือที่ดีระหว่างกันอยู่แล้ว จะทำให้การประสานชีวการแพทย์ และ ICT มีผลสำเร็จแบบทวีคูณ ทำให้มูลค่าตลาดชีวการแพทย์ของไต้หวันเพิ่มขึ้นทะลุล้านล้านเหรียญไต้หวัน จากปัจจุบัน 700,000 ล้านเหรียญไต้หวัน

จางเผยเหริน (張培仁) รองผู้อำนวยการ ITRI บอกว่า ทั่วโลกกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ตามสถิติของยุโรป หากผู้สูงวัยมีสุขภาพ จะทำให้ค่าใช้จ่ายการแพทย์ต่อ GDP อยู่ในสัดส่วนต่ำ เป็นตัวอย่างสำหรับไต้หวันในการแก้ปัญหาเมื่อเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ สองสถาบันร่วมมือกันโดยอาศัยเทคโนโลยี AI, Big Data ในการประยุกต์ด้านการแพทย์ เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลรักษา

เหลียงเกิงอี้ (梁賡義) ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติบอกว่า เรื่องของสุขอนามัย การแพทย์ และเภสัชกรรมของประเทศมีความเกี่ยวพันในหลายแขนง ทั้งในเชิงกว้างและเชิงลึก มีความจำเป็นต้องทำงานข้ามกระทรวง และมีความจำเป็นต้องประสานกันทางวิชาการ สถาบันทั้งสองมีการหารือและแลกเปลี่ยนความเห็นโดยบุคลากร จะสามารถมุ่งเข้าสู่มุมมองใหม่เพื่อแก้ปัญหาและเป็นการผลักดันความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา โดยในการลงนามความตกลงระหว่าง ITRI และสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติจะมีการประสานความร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีและการวิจัย  เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตในเชิงพาณิชย์ จะมุ่งการวิจัยพัฒนา รวม 10 แขนงคือ 1) วัคซีน ผลิตภัณฑ์ยาชีวภาพ และผลิตภัณฑ์กรดนิวคลีอิก 2) วิศวกรรมชีวการแพทย์และเทคโนโลยีระดับนาโน 3) Regenerative Medicine หรือเวชศาสตร์เพื่อการฟื้นฟู 4) โมเดลธุรกิจข้อมูลสุขภาพ 5) Big Data กับบริการทางการแพทย์และสุขภาพ 6) การเพิ่มความสามารถการทำงานของกลุ่มวัยกลางคนและสูงอายุ 7) หุ่นยนต์งานบริการ 8) การปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเท่ากับ 0 ด้านชีวการแพทย์ 9) การประยุกต์รูปแบบการรักษาสุขภาพโดยใช้ AI 10) การรักษาข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัยข้อมูล

กระดาษอิเล็กทรอนิกส์ (E-Paper Display) ขยายตัวตามการเติบโตของการอุปกรณ์ดิจิทัล ความตื่นตัว ESG การพัฒนาที่ยั่งยืน ประหยัดพลังงาน การปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ต่ำเป็นจุดเด่นทำให้ ผลิตภัณฑ์ EPD, ป้ายฉลาก, สมุดบันทึกดิจิทัล ขยายตัวแทรกซึมเข้าตลาดอย่างรวดเร็ว คาดว่าในปี 2565 นี้ มูลค่าตลาดอิเล็กทรอนิกส์ ทั่วโลกเท่ากับ 4,650 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 48.1%

TrendForce บริษัทวิจัยการตลาดระดับโลกเปิดเผยว่า E Ink Holdings Inc. บริษัทด้านไอ ที ของไต้หวันเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้ป้อนหมึกอิเล็กทรอนิกส์ แผ่นฟิล์ม ป้ายฉลากและวัสดุที่เกี่ยวข้อง มีสายการผลิตใหม่เพื่อการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ที่สำคัญคือมีบริษัทที่เป็นพันธมิตรในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องหลายรายร่วมกันผลักดัน E-Paper อาศัยจุดเด่นซึ่งกันและกัน ผลิตสินค้าเข้าสู่ตลาด

E-paper Display (Electronic Paper Display) จอกระดาษอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเทคโนโลยีการแสดงผลที่อาศัยหมึกอิเล็กทรอนิกส์ สามารถบันทึกและเรียกดูผ่านหน้าจอกระดาษนี้ได้ มีขนาดที่เบาบาง ใช้พลังงานน้อย และที่สำคัญช่วยลดการใช้กระดาษ โดยบางรุ่น บางยี่ห้ออาจใช้ปากกาที่รองรับการใช้งานเขียนลงบนจอได้เหมือนเขียนลงบนกระดาษทั่วไป

“กระดาษ” เป็นวัสดุยอดเยี่ยมใช้ในการพิมพ์ผ่านมายาวนาน ให้ความละเอียดในการพิมพ์สูง มองเห็นได้ชัดเจนจากมุมกว้าง คงสภาพได้นาน น้ำหนักเบา ราคาถูก และมีความยืดหยุ่นทั้งในแง่การใช้งานและรูปร่าง แม้ในยุคไอที มีการใช้คอมพิวเตอร์แพร่หลาย ก็ยังคงมีการใช้กระดาษเรื่อยมา แต่การพิมพ์ข้อความบนกระดาษ ทำให้เรายังต้องตัดไม้ทำลายป่า คงจะเป็นเรื่องดีหากเราสามารถผลิตกระดาษที่นำกลับมาใช้ได้ซ้ำแล้วซ้ำอีกนับ พันๆ ครั้ง โดยไม่ต้องผ่านการรีไซเคิลให้ยุ่งยาก จึงเกิดเทคโนโลยี E-paper Display กระดาษอิเล็กทรอนิกส์

ศูนย์จัดแสดงเรือนเพาะปลูกอัจฉริยะแห่งแรกของไต้หวัน จัดตั้งโดยบริษัทเจียจั่น (皆展) เมืองเจียอี้ ได้รับรางวัล iF Design Award เยอรมันนี ปี 2022  เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565  หลี่เจี้ยนกั๋ว (李建國) ผู้จัดการใหญ่ iF Design Award สาขาเอเชีย ได้มอบรางวัล ให้แก่ หูซินหยวน (胡馨元) ผู้จัดการใหญ่บริษัทเจียจั่น จากนั้นได้หูซินหยวนมอบป้ายรางวัลให้แก่เทศบาลเมืองเจียอี้ องจางเหลียง (翁章梁) ผู้ว่าการเมืองเจียอี้บอกว่าบริษัทเจียจั่นได้รับรางวัล ทำให้ทั่วโลกได้เห็นศักยภาพการเกษตรของไต้หวัน

ศูนย์จัดแสดงเรือนเพาะปลูกอัจฉริยะแห่งแรกของไต้หวันได้รับรางวัล iF Design Award ปี 2022

หูจงอี (胡忠一) อธิบดีกรมการเกษตรและอาหาร คณะกรรมการการเกษตรของไต้หวัน พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูงได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการรับมอบรางวัล หูจงอีกล่าวว่า การดำเนินโครงการขยายตลาดการเกษตรมุ่งใต้ ได้มอบหมายให้  Corporate Synergy Development Center (中衛發展中心)  สนับสนุน บ. เจียจั่น จัดตั้งศูนย์จัดแสดงเรือนเพาะปลูกอัจฉริยะแห่งแรกของไต้หวัน สร้างเกียรติภูมิทำให้ทั่วโลกได้เห็นถึงความมุ่งมั่น และความสำเร็จของไต้หวัน

เรือนเพาะปลูกอัจฉริยะของ บริษัท เจียจั่น มีการติดตั้งอุปกรณ์อัจฉริยะ มีระบบ VR รอบทิศ 720 องศา จัดแสดงวัสดุตาข่ายที่แตกต่างกัน แสดงรูปลักษณ์ของเรือนเพาะปลูกแบบต่างๆ ตอบสนองต่อลูกค้าในการเลือกวัสดุด้วยการมองภาพจำลอง และสามารถชมศูนย์จัดแสดงที่มีความทันสมัย และเข้าใจเทคโนโลยีการเกษตรที่สำคัญ

องจางเหลียง  บอกว่าศูนย์จัดแสดงเรือนเพาะปลูกอัจฉริยะแห่งแรกของไต้หวัน มีการประสานการออกแบบและการจัดพื้นที่อย่างสวยงาม เป็นการลบภาพลักษณ์เก่า แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีปัจจุบันมีความก้าวหน้า  มีการประยุกต์เครื่องจักรอัจฉริยะ

ศูนย์จัดแสดงเรือนเพาะปลูกอัจฉริยะแห่งแรกของไต้หวันได้รับรางวัล iF Design Award ปี 2022

หูซินหยวน บอกว่าในปีนี้ทางบริษัทฯ ได้รับรางวัลการออกแบบ 4 รายการ ผ่านการคัดเลือกผลงาน 11,000 ชิ้น จาก  57 ประเทศ แสดงให้เห็นว่าผลงานของไต้หวันมีความโดดเด่นมาก บ. เจียจั่น ส่งออกวัสดุเรือนเพาะปลูกและจัดสร้างเรือนเพาะปลูกใน 30 กว่าประเทศ  ครอบคลุม 4 ทวีปใหญ่ ลูกค้าทั้งในไต้หวันและต่างประเทศมีจำนวนเกินกว่า 3,000 ราย

ร้านสะดวกซื้อในไต้หวันปรับตัวตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า เปิดร้านแบบผสมผสานเป็นแนวโน้มในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีการจำหน่ายสินค้าและบริการข้ามแขนง จนมีคำถามว่า ร้านเหล่านี้มีประสิทธิภาพจริงหรือไม่ ร้านแบบไหนที่ผู้บริโภคชอบ ร้านแบบไหนที่ไม่ได้รับความสนใจ โดยล่าสุด ร้านสะดวกซื้อบางแห่งเริ่มให้บริการชาร์จแบตเตอรี่แบบเร็วสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ากำลังได้รับความนิยมมากขึ้น

ทั้งนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา 7-Eleven เร่งเปิดสาขาแบบผสมผสาน เช่น ร้าน Big7 ร่วมมือข้ามสาขาธุรกิจ ร้านเครื่องสำอาง K∙Seren ที่เปรียบเสมือนร้านเล็กในร้านใหญ่  ร้านผสานการขายหนังสือ book.com ร่วมมือกับร้านขายเบียร์สด ขายอสังหาริมทรัพย์ ขายของสด(ผักผลไม้ ) จนถึงปลายปีพ.ศ. 2564 ร้านแบบผสมผสานมีจำนวนมากถึง 600 สาขาแล้ว

FamilyMart ร่วมมือกับร้านยาต้าซู่ (大樹) ให้บริการผสานนการขายยา เป็นร้านยาสะดวกซื้อมีเภสัชกรตลอด 24 ชั่วโมง ต่อมายังร่วมมือกับผู้ค้าผักสดผลไม้และอาหารสด ยังนำเข้าไก่ทอดแบบเกาหลีมาขายในร้านด้วย

Hi-Life บริการชาร์จแบตมือถือ

Hi-Life ถือว่าเป็นผู้ที่เริ่มต้นเปิดร้านผสมผสานตั้งแต่ปี 2007 ได้เปิดร้านขนมปังแห่งแรกที่สาขาตี๋ฮั่ว (迪化) กรุงไทเปมีพ่อครัวขนมปัง ทำขนมปังสดหอมกรุ่นทุกวัน ดึงดูดลูกค้า ในตอนนั้นเคยขยายมากถึง 300 กว่าแห่ง ปัจจุบันไฮไลท์ได้ผสานข้ามสาขา 15 ชนิด ประกอบด้วยจุดชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์เช่าบริการตนเอง การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องมอเตอร์ไซค์บริการตนเอง การชาร์จแบตเตอรี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า แบตเตอรี่แชร์ริ่ง ตู้น้ำดื่มอัตโนมัติ ตู้ซักผ้าหยอดเหรียญ เครื่องอุ่นอาหารกล่อง เครื่องหนีบตุ๊กตา, เกม VR, เครื่องไฟฟ้าอัจฉริยะ 3C

ร้านสะดวกแบบผสมผสานมุ่งเน้นบริการต่อลูกค้าโดยคำนึงถึงทำเลที่ตั้งของร้าน และความต้องการของลูกค้าโดยรอบดึงดูดลูกค้าใช้บริการมากขึ้น อันจะเป็นการเพิ่มยอดขาย

นครไทจงผลักดันการคมนาคมคาร์บอนต่ำ เปิดตัว GoShare ให้บริการมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้เช่าสาธารณะของค่าย Gogoro จำนวน 500 คัน เปิดจุดให้บริการที่ สถานี MRT, สถานีรถไฟ, รถไฟความเร็วสูง เป็นต้น มีการจัดโปรโมชัน ดึงดูดผู้คนใช้งาน ตั้งแต่ 12 กันยายน 2565 ผู้ที่เช่ารถมีโอกาสชิงรางวัลหุ้นบริษัท TSMC (ยักษ์ใหญ่วงการเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน) หลูซิ่วเอี่ยน (盧秀燕) ผู้ว่าการนครไทจงบอกว่า GoShare เป็นผู้ให้บริการมอเตอร์ไซค์สาธารณะรายที่ 2 ที่เข้าสู่นครไทจง เพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชน

ที่ผ่านมานครไทจงมีผู้ให้บริการยานยนต์สาธารณะรายเดียวคือ iRent  ขณะนี้รายที่สอง คือ GoShare เปิดให้บริการด้วยรถยนต์ 230 คัน รถมอเตอร์ไซค์ 1,070 คัน หลูซิ่วเอี่ยน ผู้ว่าการนครไทจงบอกด้วยว่า นครไทจงให้ความสำคัญต่อการผลักดันยานยนต์สีเขียว มีรถบัสไฟฟ้าจำนวนมากที่สุดในไต้หวัน นอกจากนี้ จักรยานสาธารณะ YouBike 2.0 ยังมีจำนวนมากที่สุดในไต้หวันด้วย เป็นการปรับปรุงคุณภาพอากาศ  ประชาชนไม่ต้องซื้อรถมอเตอร์ไซค์ แต่มียานพาหนะสาธาณะได้ใช้อย่างสะดวก

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทั่วโลกกำลังเผชิญกับการจัดตัวใหม่ในห่วงโซ่การผลิต ไต้หวันอาศัยพื้นฐานที่ดีด้านการผลิต ประสานเทคโนโลยี AI และการสื่อสารยุค 5G ผลักดันมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตระดับสูงในเอเชีย เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันสูง

งานแสดงสินค้า Intelligent Asia จัดระหว่าง 24-27 สิงหาคม 2565 ที่อาคารแสดงสินค้าหนานกั่ง กรุงไทเป เป็นการจัดแสดงเกี่ยวกับอุตสาหกรรม 4.0 และการผลิตอัจฉริยะ จัดงานติดต่อกันเป็นปีที่ 3 เป็นช่องทางในการช่วยเหลือผู้ผลิตในการยกระดับการผลิต ได้รับการยอมรับในวงกว้างจากบุคคลต่างๆ งานแสดงสินค้า ประกอบด้วย 9 งานย่อย ครอบคลุม AI, หุ่นยนต์, การพิมพ์ 3 มิติ, Mold & Die, โลจิสติกส์, การขนส่งอุณหภูมิต่ำ, Laser & Photonics, Fluid Power, Smart Machinery.

ในงานแสดงสินค้า Intelligent Asia บริษัท ASUS ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชื่อดังของไต้หวันได้ขยายธุรกิจเข้าสู่การจำหน่ายสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งโรงงานอัจฉริยะ จัดแสดงอุปกรณ์ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ปัญญาประดิษฐ์ผสานกับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตสรรพสิ่ง (AIoT) สำหรับโรงงานอัจฉริยะ จัดแสดงผลงานสำเร็จใหม่ล่าสุด เช่น แพลตฟอร์มควบคุมส่วนกลาง โรงงาน AI,อุปกรณ์ตรวจของเสียแผ่นเมนบอร์ดด้วย AI, การผลิตอัจฉริยะด้วยแว่นตา AR, การจดจำใบหน้าสำหรับระบบความปลอดภัยคบคุมประตูเข้า-ออก, ระบบ EHS นอกจากตอบสนองต่อโรงงานอัจฉริยะ ยังสามารถประยุกต์ใช้กับการจัดตั้งเมืองอัจฉริยะ การแพทย์อัจฉริยะ ฯลฯ

การรถไฟไต้หวันแถลงในวันที่ 15 สิงหาคม 2565 ว่า เพื่อขานรับนโยบายลดก๊าซประหยัดพลังงาน มีการออกแบบติดตั้งโซลาร์เซลล์ในเขตสถานีรถไฟไถตง บนหลังคาอาคาร 12 หลัง พื้นที่ 5,114 ตรม. กำลังผลิตไฟฟ้า 734.14 KW นอกจากนี้จะมีการสร้างหลังคาคลุมทางเดิน ลานจอดรถ จุดจอดรถแท็กซี่ โดยบนหลังคาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ พื้นที่ 3,538 ตรม กำลังผลิตไฟฟ้า 779.275 KW นับเป็นสถานีรถไฟพลังงานไฟฟ้าสีเขียวแห่งแรก คาดว่าลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละ 825,017 กก. จะมีรายได้เพิ่มจากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าปีละ 870,000 เหรียญไต้หวัน หากได้ผลดีจะจะขยายการติดตั้งโซลาร์เซลล์ไปยังสถานีรถไฟอื่นๆ

การรถไฟแถลงว่า ผู้โดยสารจะได้รับความสะดวกสบายในการเดินทางเชื่อมต่อกับรถบัส หรือรถแท็กซี่ การเดินระหว่างอาคารไม่ต้องตากแดดตากฝน และเป็นการเพิ่มคุณภาพการบริการให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงที่สุด  ในอาคารจอดรถจะติดตั้งอุปกรณ์ไฟส่องสว่างประหยัดพลังงาน เป็นการเพิ่มแรงจูงใจในการใช้บริการจอดรถ  เพิ่มความปลอดภัยในการจอดรถ