ไต้หวันเตรียมฟ้อง WTO จีนประกาศยกเลิกสิทธิพิเศษศุลกากรสินค้าไต้หวัน 134 รายการ
คณะกรรมการพิกัดอัตราภาษีศุลกากร สำนักนายกรัฐมนตรีของจีนได้ประกาศยกเลิกสิทธิพิเศษศุลกากรสินค้าไต้หวันจำนวน 134 รายการที่ระบุไว้ในความตกลงกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าช่องแคบไต้หวันหรือ ECFA โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. เป็นต้นไป
นายเฉินปินหัว โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของจีนระบุว่า ทางการของไล่ชิงเต๋อดื้อรั้นยืนหยัด “แยกไต้หวันเป็นเอกราช” ปฏิเสธที่จะยอมรับฉันทามติ 1992 เป็นสาเหตุที่ทำให้จีนต้องสั่งยกเลิกสิทธิพิเศษศุลกากรที่ระบุในความตกลง ECFA
กระทรวงการคลังของจีนประกาศผ่านเว็บไซต์ทางการ “ประกาศฉบับที่ 4 ประจำปี 2024 คณะกรรมการพิกัดอัตราภาษีศุลกากร” ยกเลิกสิทธิพิเศษศุลกากรสินค้าไต้หวัน ที่ระบุไว้ในความตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจช่องแคบไต้หวัน เป็นครั้งที่ 2
ประกาศดังกล่าวระบุว่า “ไต้หวันใช้มาตรการที่ไม่เป็นธรรมต่อสินค้าส่งออกของจีนโดยพลการ ซึ่งละเมิด ECFA แม้ฝ่ายจีนจะได้ยกเลิกสิทธิพิเศษศุลกากรสินค้าไต้หวันครั้งแรกเมื่อ 21 ธ.ค. 2024 แต่ไต้หวันก็ยังไม่ได้ดำเนินมาตรการที่มีประสิทธิผลในการกำจัดอุปสรรคและข้อห้ามสินค้าส่งออกจากจีนแต่อย่างใด
สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนระบุว่า ไต้หวันมีการจำกัดการนำเข้าสินค้าจากจีนถึง 2500 รายการ ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงใน ECFA ที่ระบุว่า “ทั้งสองฝ่ายจะขจัดหรืออุปสรรคทางการค้าระหว่างกันทั้งอุปสรรคทางศุลกากรและกำแพงที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร” จีนจึงยกเลิกสิทธิพิเศษศุลกากรสินค้าไต้หวันอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2
ส่วนทางด้านคณะกรรมการกิจการจีนแผ่นดินใหญ่หรือ MAC ของไต้หวันได้เรียกร้องให้จีนการกดดันทางเศรษฐกิจและการค้าต่อไต้หวัน และระบุว่า จีนระบุหลายครั้งหลายหนว่า ความตกลงดังกล่าวเป็นการจัดทำขึ้นบนพื้นฐานการเมืองร่วมกันคือ “ฉันทามติ 1992” และ “หลักการจีนเดียว” แต่ในทางความเป็นจริง ECFA เป็นการดำเนินการไปภายใต้สปิริตของ WTO ซึ่งใน ECFA ก็ระบุไว้ในคำนำอย่างชัดเจนว่าดำเนินการไปภายใต้ “หลักการพื้นฐานของ WTO" ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้จัดทำ “คำประกาศล่วงหน้า” (early announcement)ซึ่งได้แจ้งให้สำนักงานเลขาธิการ WTO รับทราบด้วยแล้ว เมื่อเดือน พ.ค. 2011 แนบความตกลงและบัญชีรายการสินค้าล่วงหน้าไปพร้อมกันด้วย พร้อมทั้งย้ำว่า ความตกลงดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย และเรียกร้องให้จีนอย่าได้ใช้การเมืองเป็นเงื่อนไขในการจัดการกับการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ ยุติการกดดันทางเศรษฐกิจและการค้า แบ่งแยกฝ่ายต่างๆ ในไต้หวัน ร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้การค้าและเศรษฐกิจระหว่างกันก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
การประกาศยกเลิกสิทธิพิเศษศุลกากรสินค้าไต้หวันของจีนในครั้งนี้ เมื่อรวมกับครั้งที่ผ่านมาคิดเป็น 1 ใน 3 ของประเภทสินค้าที่จีนให้สิทธิพิเศษศุลกากรแก่สินค้าไต้หวันตามที่ระบุในความตกลง ECFA
กระทรวงเศรษฐการไต้หวันประเมินว่า สินค้าที่ถูกยกเลิกสิทธิพิเศษศุลกากรในครั้งนี้ประกอบไปด้วยสินค้าที่เกี่ยวข้องกับปิโตรเคมี สิ่งทอ เครื่องจักรกล เหล็กกล้า และโลหะ ตลอดจนอุปกรณ์ขนส่ง ซึ่งจะทำให้มีการจัดเก็บภาษี 1-12% รวมยอดเงินส่งออกทั้งสิ้นร 9.8 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.18 แสนล้านล้านเหรียญไต้หวัน หากรวมกับล็อตที่แล้วจะตกประมาณ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.894 แสนล้านเหรียญไต้หวัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออกในบัญชีรายการสินค้า ECFA ถึง 80%
ในความตกลง ECFA ระหว่างไต้หวันกับจีน มีการระบุรายการสินค้าที่จีนให้สิทธิพิเศษศุลกากรแก่ไต้หวันรวมประมาณ 500 รายการ การยกเลิกสิทธิพิเศษทั้งสองครั้งที่ผ่านมาของจีนรวมทั้งสิ้น 146 รายการ คิดเป็นถึง 1 ใน 3 ของจำนวนทั้งหมด ทำให้สินค้าปิโตรเคมีที่ไต้หวันส่งออกไปจีนไม่มีสิทธิพิเศษอีกต่อไป ส่วนระลอก 2 จะกระทบต่อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลของไต้หวัน ที่ต้องอาศัยตลาดจีนเป็นหลัก
การใช้มาตรการทางเศรษฐกิจและการค้าที่จีนกดดันไต้หวันในช่วงที่ผ่านมา (China Times)
รมว. แรงงานระบุแก้ 2 ปมเงื่อนลดแรงงานต่างชาติหลบหนี
นางเหอ เพ่ยซาน รมว. แรงงาน ไต้หวัน ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาแรงงานต่างชาติหลบนี้ โดยระบุว่า กระทรวงแรงงานต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ได้แก่การบริหารจัดการ และการเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานให้ดีขึ้น ส่วนใหญ่ที่หลบหนีเป็นผู้อนุบาลและผู้ช่วยแม่บ้าน ซึ่งปัจจุบันได้ปรับขึ้นค่าตอบแทนเป็นเดือนละ 20,000 เหรียญไต้หวันแล้ว รวมทั้งผลักดันนโยบายยกระดับแรงงานเป็น “แรงงานกึ่งฝีมือ” เพื่อให้สามารถทำงานต่อในไต้หวันได้โดยไม่จำกัดเวลา เหมือนแรงงานไร้ฝีมือ
รายงานข่าวระบุว่า จนถึงสิ้นเดือน เม.ย. 2567 มีแรงงานต่างชาติหลบหนี้ประมาณ 87,0000 ราย เนื่องจากภาคเกษตรและภาคการก่อสร้างขาดแคลนแรงงาน ทำให้แรงงานหลบหนีส่วนใหญ่เป็นที่ต้องการของภาคเกษตรและภาคการก่อสร้าง เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้จะมี กม. ลงโทษอย่างหนักทั้งนายจ้างและบริษัทจัดหางาน แต่ก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ นอกจากนี้ นางฯ ยังได้ระบุว่าการใช้วิธีลงโทษนายจ้างหรือบริษัทจัดหางานอย่างหนักก็ไม่ใช่วิธีการที่ฉลาดนัก แถมยังอาจทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจด้วย จึงต้องเร่งการควบคุมตั้งแต้ต้นทาง และการเสริมเงื่อนไขการทำงานที่มีคุณภาพดีให้แก่แรงงานต่างชาติ ป้องกันการหลบหนี
ไต้หวันปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ปีนี้เป็นร้อยละ 3.94 สูงสุดในรอบ 3 ปี
สำนักบัญชีกลางและสถิติ ไต้หวัน (Directorate General of Budget, Accounting and Statistics - DGBAS) ได้ประกาศปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ GDP ปี 2567 เป็นร้อยละ 3.94 ปรับเพิ่มจากเดิมที่คาดไว้เมื่อเดือน ก.พ. 2567 ร้อยละ 0.51 สูงสุดในรอบ 3 ปี ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 33,610 ดอลลาร์/ปี นางเฉิน สูจือ ผู้อำนวยการ DGBAS ไต้หวัน วิเคราะห์ว่า สาเหตุสำคัญคือการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี หากพิจารณาจากตัวเลขการปรับเพิ่มรายไตรมาสแล้ว เศรษฐกิจภายในกระเตื้องขึ้นอย่างค่อยไป แรงดันยังไม่แรงพอ