ธรรมดีรุ่งโรจน์สัญจร ครั้งที่ 18 คอร์สอานาปานสติ ณ วัดบุปผาราม กทม.โดย พระกิตติวิมลเมธี (พอจ.สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบุปผารามวรวิหาร
องค์ฌาน ๕ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา
๕ เรื่องนี้มีตั้งแต่สามัญจิต เพราะ วิตก วิจารเป็นวจีสังขาร ปรุงแต่งคำพูดออกมา
กายสังขาร คือลมหายใจเข้า ลมหายใจออก วจีสังขาร คือ วิตก วิจาร จิตตสังขารคือ สัญญา เวทนา เจตนา ผัสสะ มนสิการ
องค์ฌานมีในชีวิตปกติ ไม่อย่างนั้นพูดไม่เป็นภาษา
ปีติ แปลว่า อิ่มใจ ในชีวิตปกติอิ่มใจอาศัยกาย การดู ดม ฟัง สัมผัส นึกคิด อิ่มใจตัวแรงๆเรียกว่าปีติ อิ่มใจตัวแผ่วเบาลงมาเรียกปราโมทย์ ถ้าในชีวิตปกติไม่มีสิ่งเหล่านี้ ในภาวนาก็จะไม่มี
เอกัคคตา อาการที่จิตอยู่นิ่งกับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง ในชีวิตจริงเกิดขึ้นเป็นขณะ
เพราะฉะนั้น วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา เป็นธรรมชาติของนามธรรมที่มีอยู่ตลอดเวลา
เวลาเราภาวนา เมื่อสติสมาธิแข็งแรงขึ้น เอกัคคตา จะโดดเด่นขึ้นมาจะเป็น วิตก วิจาร ปีติ สุข จะค่อยๆหายไปตามลำดับ
เมื่อวิตก วิจาร ออกไปกายจะนิ่ง ปีติ สุขเป็นเวทนา ซึ่งอยู่ที่จิต จิตผู้รู้จะมีกำลังมากขึ้น มากกว่าเวทนา ความเมื่อยทำอะไรจิตไม่ได้
เวลารู้ลมหายใจ ลมหายใจแรกที่เป็นการยกจิตเข้าไปสู่ลมหายใจเป็นวิตก มีการตรองในสิ่งนั้น
เมื่อเดินอานาไปลึกๆ วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา จะปรากฏเด่นขึ้นมา แล้วค่อยๆหายไป เป็นสภาวะที่ไม่สามารถอธิบายได้ สิ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในองค์ฌานเหล่านี้เมื่อเอกกัคคตาชัดมากจนปีติ สุขหายไป เหลือแต่อุเบกขาอย่างเดียว ตรงนี้เรียก เอโกทิภาวะ ไม่ว่าเราจะเจอปีติ สุข หรือไม่ แต่จุดนัดพบ เราจะไปเจอกันที่เอกัคคตารมณ์ เมื่อทุกอย่างออกไปหมดแล้ว มีลักษณะ นิ่ง ไม่โงนเงน ไม่วอกแวก อยู่กับอารมณ์ที่ภาวนา เมื่อไปถึงจุดที่จิตเปลื้องปิติ สุข ออกไป สภาวะที่เด่นขึ้นมาคือจิต อยู่กับจิต ศึกษาจิต อยู่กับลมแต่ไม่โฟกัสลม จะเกิดความรื่นเริงในจิต หรือความปิติในจิต เมื่อความรื่นเริงตั้งมั่น ดูจนชำนาญแล้ว จิตผู้รู้จะไม่ดูความรื่นเริงนี้แล้วจะไปดูตัวจิตเอง เป็นสภาวะที่เกิดและดับ แสดงว่ามีอีกสิ่งหนึ่งเห็นจิตผู้รู้ จิตผู้รู้จะเปลื้องออกไป ตกตะกอนมาเป็นญาณ สภาวะรู้เห็นนี้ เห็นทุกอย่างที่ปรากฏตรงๆตามความเป็นจริง เรียกว่า ญาณทัศนะ
#อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน #ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน