
Sign up to save your podcasts
Or


Q: เมื่อมีความคิดในทางลบ ความคิดในทางอกุศล เกิดขึ้นมาจะทําอย่างไรดี?
A: ธรรมชาติของจิตที่มีกิเลสทำให้เศร้าหมอง คือเมื่อมีผัสสะผ่านเข้ามาจะทำให้มีกิเลสเกิดขึ้นในช่องทางใจ แสดงออกมาเป็นราคะ โทสะ โมหะ อย่างใดอย่างหนึ่ง กิเลสจะเอาสองทางเสมอ คืออยากได้มาก (ภวตัณหา) และอีกข้างหนึ่งคืออยากให้ไม่มี (วิภวตัณหา) เราจึงต้องฝึกตั้งสติให้มีกำลังด้วยการเจริญสติปัฎฐาน 4 และอนุสติ 10 และฝึกเห็นตามความเป็นจริง ทั้งนี้ จิต ความคิด ใจ เป็นคนละอย่างกัน เราต้องเลือกให้จิตของเราคิดหรือไม่คิดได้ ถ้าสติเรามีกำลังมากขึ้น ๆ เราเห็นโทษของความเพลิน จิตที่มีกำลังสติจะเป็นเกราะให้ความคิดอยู่ในกุศลธรรม มันจะทำให้ความคิดที่ผ่านเข้า-ออกถูกป้องกัน ถูกกำจัด ให้อยู่ในกุศลธรรมได้ดีมากขึ้น
Q: โลกียฌานกับโลกุตรฌานเหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
A: เหมือนกันตรง ฌานของทั้ง 2 อย่าง ต้องใช้สมาธิเหมือนกัน ต่างกันตรง “โลกิยะ” ยังเกี่ยวเนื่องด้วยโลก ของหนัก อาสวะ มีทั้งสัมมาสมาธิและมิจฉาสมาธิ, ส่วน “โลกุตรฌาน” คือ นำสมาธินั้นมาใช้ให้อยู่ในลักษณะเหนือบุญเหนือบาป คือการเพ่งเห็นโดยความเป็นของปฏิกูล เห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นตามอริยะสัจสี่ แบบนี้คือจะไปสู่ระดับเหนือโลก พ้นจากโลก เป็น “สัมมาสมาธิ”
Q: จิตตั้งมั่น = สติสัมปชัญญะ = สติปัฏฐาน 4 ความเข้าใจนี้ถูกต้องหรือไม่?
A: สมาธิ คือ จิตที่ตั้งมั่น จิตที่เป็นอารมณ์อันเดียว ต้องอาศัยสติ มีสัมมาสติแล้วจึงจะมี สัมมาสมาธิได้ สติปัฎฐานสี่คือกาย เวทนา จิต ธรรม คือสัมมาสติ สัมมาสติจะทำให้เกิด สัมมาสมาธิ “สติสัมปชัญญะ” นัยยะแรก คือสติกับสัมปชัญญะ คือความรู้ตัวรอบคอบในทุกอิริยาบถ อีกนัยยะหนึ่งคือสติกับปัญญา คือสติปัญญา สติปัญญาจึงคือสติสัมปชัญญะ จะมีสติปัญญาได้ก็ต้องอาศัยสมาธิ มันก็จึงรวมเป็นก้อนเดียว มหาสติ มหาปัญญา อยู่ในสติสัมปชัญญะ
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
By ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana5
11 ratings
Q: เมื่อมีความคิดในทางลบ ความคิดในทางอกุศล เกิดขึ้นมาจะทําอย่างไรดี?
A: ธรรมชาติของจิตที่มีกิเลสทำให้เศร้าหมอง คือเมื่อมีผัสสะผ่านเข้ามาจะทำให้มีกิเลสเกิดขึ้นในช่องทางใจ แสดงออกมาเป็นราคะ โทสะ โมหะ อย่างใดอย่างหนึ่ง กิเลสจะเอาสองทางเสมอ คืออยากได้มาก (ภวตัณหา) และอีกข้างหนึ่งคืออยากให้ไม่มี (วิภวตัณหา) เราจึงต้องฝึกตั้งสติให้มีกำลังด้วยการเจริญสติปัฎฐาน 4 และอนุสติ 10 และฝึกเห็นตามความเป็นจริง ทั้งนี้ จิต ความคิด ใจ เป็นคนละอย่างกัน เราต้องเลือกให้จิตของเราคิดหรือไม่คิดได้ ถ้าสติเรามีกำลังมากขึ้น ๆ เราเห็นโทษของความเพลิน จิตที่มีกำลังสติจะเป็นเกราะให้ความคิดอยู่ในกุศลธรรม มันจะทำให้ความคิดที่ผ่านเข้า-ออกถูกป้องกัน ถูกกำจัด ให้อยู่ในกุศลธรรมได้ดีมากขึ้น
Q: โลกียฌานกับโลกุตรฌานเหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
A: เหมือนกันตรง ฌานของทั้ง 2 อย่าง ต้องใช้สมาธิเหมือนกัน ต่างกันตรง “โลกิยะ” ยังเกี่ยวเนื่องด้วยโลก ของหนัก อาสวะ มีทั้งสัมมาสมาธิและมิจฉาสมาธิ, ส่วน “โลกุตรฌาน” คือ นำสมาธินั้นมาใช้ให้อยู่ในลักษณะเหนือบุญเหนือบาป คือการเพ่งเห็นโดยความเป็นของปฏิกูล เห็นโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เห็นตามอริยะสัจสี่ แบบนี้คือจะไปสู่ระดับเหนือโลก พ้นจากโลก เป็น “สัมมาสมาธิ”
Q: จิตตั้งมั่น = สติสัมปชัญญะ = สติปัฏฐาน 4 ความเข้าใจนี้ถูกต้องหรือไม่?
A: สมาธิ คือ จิตที่ตั้งมั่น จิตที่เป็นอารมณ์อันเดียว ต้องอาศัยสติ มีสัมมาสติแล้วจึงจะมี สัมมาสมาธิได้ สติปัฎฐานสี่คือกาย เวทนา จิต ธรรม คือสัมมาสติ สัมมาสติจะทำให้เกิด สัมมาสมาธิ “สติสัมปชัญญะ” นัยยะแรก คือสติกับสัมปชัญญะ คือความรู้ตัวรอบคอบในทุกอิริยาบถ อีกนัยยะหนึ่งคือสติกับปัญญา คือสติปัญญา สติปัญญาจึงคือสติสัมปชัญญะ จะมีสติปัญญาได้ก็ต้องอาศัยสมาธิ มันก็จึงรวมเป็นก้อนเดียว มหาสติ มหาปัญญา อยู่ในสติสัมปชัญญะ
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

83 Listeners

3 Listeners

2 Listeners

5 Listeners

3 Listeners

3 Listeners

2 Listeners

7 Listeners

65 Listeners

4 Listeners

8 Listeners

4 Listeners

20 Listeners

3 Listeners

1 Listeners

1 Listeners

0 Listeners

0 Listeners