สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เรือฟิลิปปินส์และเรือยามฝั่งจีนชนกันใกล้แนวปะการังที่เป็นข้อพิพาทในวันที่ 10 ธ.ค. โดยทั้งสองประเทศต่างกล่าวโทษอีกฝ่ายสำหรับการเผชิญหน้าครั้งล่าสุดในทะเลจีนใต้
หน่วยยามฝั่งฟิลิปปินส์ระบุว่า เรือลำหนึ่งของฟิลิปปินส์ถูก “กระแทก” โดยเรือยามฝั่งของจีนระหว่างภารกิจส่งเสบียง
อย่างไรก็ตาม ด้านหน่วยยามฝั่งจีนกล่าวหาเรือฟิลิปปินส์ว่า “จงใจชน” หลังจาก “เพิกเฉยต่อคำเตือนเข้มงวดหลายครั้งของเรา”
“เรือฟิลิปปินส์เปลี่ยนเส้นทางอย่างกะทันหันด้วยวิธีการที่ไม่เป็นมืออาชีพและเป็นอันตราย โดยจงใจชนกับเรือยามฝั่งของจีนหมายเลข 21556 ของเราซึ่งกำลังปฏิบัติภารกิจรักษากฎหมายตามปกติ จนทำให้เกิดรอยขีดข่วน” หน่วยยามฝั่งจีนระบุในแถลงการณ์
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างภารกิจส่งเสบียงของฟิลิปปินส์ไปยังที่ตั้งกองทหารขนาดเล็กในสันดอนโธมัสที่ 2 ในหมู่เกาะสแปรตลี ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างฟิลิปปินส์กับจีน โดยเกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่ฟิลิปปินส์กล่าวหาหน่วยยามชายฝั่งของจีนว่าใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงเพื่อ “ขัดขวาง” เรือของรัฐบาลฟิลิปปินส์ 3 ลำที่กำลังจัดส่งเสบียงไปให้ชาวประมงฟิลิปปินส์ใกล้สันดอนสการ์โบโรห์ นอกเกาะลูซอน
เเละทหารฟิลิปปินส์จำนวนหนึ่งประจำการอยู่บนเรือบีพีอาร์ เซียร์รา มาเดร (BRP Sierra Madre) ที่ทรุดโทรม ซึ่งกองทัพเรือฟิลิปปินส์ได้เกยตื้นบนแนวปะการังในปี 2542 เพื่อตรวจสอบการรุกคืบของจีนในน่านน้ำ ทหารกลุ่มนี้พึ่งพาภารกิจส่งเสบียงเพื่อความอยู่รอดนั่นเอง
ฟิลิปปินส์และจีนมีเหตุกระทบกระทั่งทางทะเลในทะเลจีนใต้มาอย่างยาวนาน โดยพื้นที่พิพาทดังกล่าวมีมูลค่าทางการค้าหลายล้านล้านดอลลาร์ต่อปี แม้จะมีคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการถาวรที่กรุงเฮกในปี 2559 ว่าการอ้างสิทธิ์ของจีนเหนือน่านน้ำดังกล่าวไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายและการสร้างหมู่เกาะเทียมในน่านน้ำพิพาทถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่รัฐบาลจีนปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการพิจารณาคดีและเพิกเฉยต่อคำพิพากษา
มารอติดตามเรื่องนี้กันต่อไปนะคะว่าศึกน่านน้ำนี้จะจบลงแบบไหน เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกันเลย