
Sign up to save your podcasts
Or
Q1: กิจกรรมทำบุญในวัด
A: การทำบุญ กระทำได้ 3 รูปแบบ คือ ทางกาย (ให้ทาน) ทางวาจา (ศีล) ทางใจ (ภาวนา)
- การบูชาบุคคล:
- พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ควรบูชาสูงสุด ให้ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ ที่พึ่งที่ระลึกสูงสุด เพื่อการพ้นทุกข์
- การบูชาบุคคลที่ควรบูชา เป็นสิ่งที่ควรกระทำ โดยบูชาในคุณความดีของบุคคลเหล่านั้น เช่น พ่อแม่ คุณความดีของเทพเจ้า
- การอธิษฐาน:
- การอ้อนวอนขอร้อง = ปรารถนา “เอาผล” โดยไม่สร้างเหตุที่ถูกต้อง
- การอธิษฐาน = ไม่ใช่การอ้อนวอนขอร้อง แต่เป็นการตั้งใจมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นการ “สร้างเหตุ” เพื่อหวังเอาผล
Q2: ทางออกจากวงจรอุบาทว์ของจิต
A: จิตมีความเป็นประภัสสร แต่ธรรมชาติของจิตจะไหลไปตามกระแสของสิ่งต่างๆ ที่มากระทบ ทำให้จิตผ่องใสได้ เศร้าหมองได้
- การพัฒนาจิต = ผู้ที่มีปัญญาจะทำความเข้าใจให้ถูกต้องตามทางสายกลาง (มรรค 8) จิตจะผ่องใสได้ โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งแวดล้อมภายนอก
- กิเลสทำให้จิตไม่สงบ เมื่อจิตไม่สงบก็จะทำให้เกิดกิเลส เป็นเช่นนี้วนไป เป็นวงจรอุบาทว์ของจิต (Vicious Cycle)
- วิธีออกจากวงจรอุบาทว์ของจิต = เริ่มจากเปลี่ยนคำถามว่า "ทำไมจิตถึงเป็นอย่างนั้น" เป็น "ใครหนอจะรู้ทางออกของความทุกข์นี้ สักหนึ่งหรือสองวิธี?" จิตก็จะเปลี่ยนโฟกัสทันที สัมมาสติเริ่มเกิดขึ้นแล้ว (พุทโธ) จากนั้นให้นึกถึงพระสงฆ์ผู้ที่เคยแก้ปัญหาความทุกข์ในจิตได้แล้ว (สังโฆ) โดยมีพระธรรมเป็นกระบวนการในการแก้ปัญญานั้น (ธัมโม) เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว จะเกิดความมั่นใจ (ศรัทธา) และเมื่อมีศรัทธาแล้วจะเกิดการลงมือทำจริง แน่วแน่จริง ได้ผลเป็นจิตที่ผ่องใส เมื่อจิตผ่องใส ก็ยิ่งมีความมั่นใจความศรัทธามากขึ้น ก็จะยิ่งทำจริง แน่วแน่จริง มากยิ่งขึ้น (ความเพียร) จิตก็จะพัฒนายิ่งขึ้น
Q3: ถูกบีบคั้นให้ทำไม่ดี แก้อย่างไร
A: การรู้ว่าสิ่งไหนควรทำ (กุศล) หรือไม่ควรทำ (อกุศล) อันนี้ดี เป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว แต่ที่ยังลงมือทำสิ่งที่ควรทำไม่ได้ เพราะยังมีความเพลิน ยังไม่มีสัมมาสติและสัมมาวายามะ (การทำจริง แน่วแน่จริง) แก้ได้โดยระลึกถึงคนที่เคยถูกบีบคั้นเรื่องเดียวกัน แต่เขาฝืน ทวนกระแสแล้ว ทำได้แล้ว เช่น พระพุทธเจ้า ปูชนียบุคคลอื่น ก็จะมีพลังใจขึ้น (สัมมาสติ) นำไปสู่การลงมือทำในสิ่งที่เป็นกุศล (สัมมาวายามะ) ต่อไปได้
Q4: การพูดโกหก VS การเลี่ยงบาลี
A: โกหก = พูดไม่ตรงตามความเป็นจริง เช่น เห็น บอกไม่เห็น, ทำ บอกไม่ได้ทำ, ได้ยิน บอกไม่ได้ยิน
- การเลี่ยงบาลี ไม่ผิดศีล
Q5: พระสงฆ์ฉันอาหารเวลาใด
A: ห้ามพระสงฆ์ฉันอาหารนอกกาล = หลังเที่ยง (พระอาทิตย์ตรงศีรษะ) (วิกาล)
- สิ่งที่ฉันได้หลังวิกาล = ยา (ต้องมีเหตุป่วยจึงจะฉันได้), น้ำ+ดิน, ปานะ (น้ำผลไม้ที่ผ่านการกรอง ไม่เติมน้ำตาล ไม่ผ่านความร้อน เช่น น้ำมะม่วง)
- หากพระสงฆ์รับอาหารหลังวิกาลแล้ว ถือว่าอาหารนั้นจะฉันไม่ได้อีก
- การถวายสังฆทานซึ่งมีอาหารรวมอยู่ด้วย หลังเที่ยง มีวิธีการแก้ปัญหา คือ ให้มีผู้จัดการแทน (เช่น ไวยาวัจกร) แยกส่วนที่เป็นอาหารไว้ โดยที่พระยังไม่ได้รับ แล้วให้มีผู้ประเคนถวายให้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
5
22 ratings
Q1: กิจกรรมทำบุญในวัด
A: การทำบุญ กระทำได้ 3 รูปแบบ คือ ทางกาย (ให้ทาน) ทางวาจา (ศีล) ทางใจ (ภาวนา)
- การบูชาบุคคล:
- พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่ควรบูชาสูงสุด ให้ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ ที่พึ่งที่ระลึกสูงสุด เพื่อการพ้นทุกข์
- การบูชาบุคคลที่ควรบูชา เป็นสิ่งที่ควรกระทำ โดยบูชาในคุณความดีของบุคคลเหล่านั้น เช่น พ่อแม่ คุณความดีของเทพเจ้า
- การอธิษฐาน:
- การอ้อนวอนขอร้อง = ปรารถนา “เอาผล” โดยไม่สร้างเหตุที่ถูกต้อง
- การอธิษฐาน = ไม่ใช่การอ้อนวอนขอร้อง แต่เป็นการตั้งใจมั่นอย่างแรงกล้าที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เป็นการ “สร้างเหตุ” เพื่อหวังเอาผล
Q2: ทางออกจากวงจรอุบาทว์ของจิต
A: จิตมีความเป็นประภัสสร แต่ธรรมชาติของจิตจะไหลไปตามกระแสของสิ่งต่างๆ ที่มากระทบ ทำให้จิตผ่องใสได้ เศร้าหมองได้
- การพัฒนาจิต = ผู้ที่มีปัญญาจะทำความเข้าใจให้ถูกต้องตามทางสายกลาง (มรรค 8) จิตจะผ่องใสได้ โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งแวดล้อมภายนอก
- กิเลสทำให้จิตไม่สงบ เมื่อจิตไม่สงบก็จะทำให้เกิดกิเลส เป็นเช่นนี้วนไป เป็นวงจรอุบาทว์ของจิต (Vicious Cycle)
- วิธีออกจากวงจรอุบาทว์ของจิต = เริ่มจากเปลี่ยนคำถามว่า "ทำไมจิตถึงเป็นอย่างนั้น" เป็น "ใครหนอจะรู้ทางออกของความทุกข์นี้ สักหนึ่งหรือสองวิธี?" จิตก็จะเปลี่ยนโฟกัสทันที สัมมาสติเริ่มเกิดขึ้นแล้ว (พุทโธ) จากนั้นให้นึกถึงพระสงฆ์ผู้ที่เคยแก้ปัญหาความทุกข์ในจิตได้แล้ว (สังโฆ) โดยมีพระธรรมเป็นกระบวนการในการแก้ปัญญานั้น (ธัมโม) เมื่อเห็นดังนั้นแล้ว จะเกิดความมั่นใจ (ศรัทธา) และเมื่อมีศรัทธาแล้วจะเกิดการลงมือทำจริง แน่วแน่จริง ได้ผลเป็นจิตที่ผ่องใส เมื่อจิตผ่องใส ก็ยิ่งมีความมั่นใจความศรัทธามากขึ้น ก็จะยิ่งทำจริง แน่วแน่จริง มากยิ่งขึ้น (ความเพียร) จิตก็จะพัฒนายิ่งขึ้น
Q3: ถูกบีบคั้นให้ทำไม่ดี แก้อย่างไร
A: การรู้ว่าสิ่งไหนควรทำ (กุศล) หรือไม่ควรทำ (อกุศล) อันนี้ดี เป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว แต่ที่ยังลงมือทำสิ่งที่ควรทำไม่ได้ เพราะยังมีความเพลิน ยังไม่มีสัมมาสติและสัมมาวายามะ (การทำจริง แน่วแน่จริง) แก้ได้โดยระลึกถึงคนที่เคยถูกบีบคั้นเรื่องเดียวกัน แต่เขาฝืน ทวนกระแสแล้ว ทำได้แล้ว เช่น พระพุทธเจ้า ปูชนียบุคคลอื่น ก็จะมีพลังใจขึ้น (สัมมาสติ) นำไปสู่การลงมือทำในสิ่งที่เป็นกุศล (สัมมาวายามะ) ต่อไปได้
Q4: การพูดโกหก VS การเลี่ยงบาลี
A: โกหก = พูดไม่ตรงตามความเป็นจริง เช่น เห็น บอกไม่เห็น, ทำ บอกไม่ได้ทำ, ได้ยิน บอกไม่ได้ยิน
- การเลี่ยงบาลี ไม่ผิดศีล
Q5: พระสงฆ์ฉันอาหารเวลาใด
A: ห้ามพระสงฆ์ฉันอาหารนอกกาล = หลังเที่ยง (พระอาทิตย์ตรงศีรษะ) (วิกาล)
- สิ่งที่ฉันได้หลังวิกาล = ยา (ต้องมีเหตุป่วยจึงจะฉันได้), น้ำ+ดิน, ปานะ (น้ำผลไม้ที่ผ่านการกรอง ไม่เติมน้ำตาล ไม่ผ่านความร้อน เช่น น้ำมะม่วง)
- หากพระสงฆ์รับอาหารหลังวิกาลแล้ว ถือว่าอาหารนั้นจะฉันไม่ได้อีก
- การถวายสังฆทานซึ่งมีอาหารรวมอยู่ด้วย หลังเที่ยง มีวิธีการแก้ปัญหา คือ ให้มีผู้จัดการแทน (เช่น ไวยาวัจกร) แยกส่วนที่เป็นอาหารไว้ โดยที่พระยังไม่ได้รับ แล้วให้มีผู้ประเคนถวายให้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
86 Listeners
21 Listeners
5 Listeners
3 Listeners
2 Listeners
1 Listeners
2 Listeners
1 Listeners
10 Listeners
6 Listeners
13 Listeners
6 Listeners
4 Listeners
1 Listeners
5 Listeners
0 Listeners
0 Listeners
0 Listeners
2 Listeners