ไต้หวันไฮเทค  -12 พ.ค. 63-  ทีมผู้เชี่ยวชาญไต้หวัน สร้างเครื่องช่วยหายใจต้นแบบภายใน 17 วัน

การระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ประเทศต่างๆ มีความต้องการเครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้น สถาบันวิจัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรมของไต้หวันร่วมมือกับผู้ประกอบการแนวหน้าร่วมกันพัฒนาเครื่องช่วยหายใจต้นแบบ แสดงถึงศักยภาพของไต้หวันทางด้านเทคโนโลยี

ในประเทศที่โควิด-19มีการระบาดรุนแรงต้องการเครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้น 5 ถึง 10 เท่า เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือโรคระบาด กระทรวงเศรษฐการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีพัฒนาเครื่องช่วยหายใจ

           หลัวต๋าเซิง (羅達生) ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีกระทรวงเศรษฐการบอกว่า การเตรียมพร้อมรับมือโควิด-19 แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ การเตรียมความพร้อมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลการผลิตหน้ากากอนามัย ชุด ป้องกันโรค เสริมความสามารถในการตรวจหาเชื้อ เสริมการดูแลรักษาพยาบาล พัฒนาชุดตรวจสอบแบบเร็ว

           การเตรียมพร้อมในระยะที่ 3 สภาวิจัยแห่งชาติได้ประสานโรงงานผู้ผลิตชิ้นส่วนสำคัญทั้งระดับต้นน้ำกลางน้ำและปลายน้ำภายในเวลา 17 วันผลิตเครื่องช่วยหายใจต้นแบบเครื่องแรกของไต้หวัน เป็นการแสดงถึงศักยภาพในการผลิตอุปกรณ์การแพทย์ชั้นสูง วางพื้นฐานของไต้หวันเพื่อเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตเครื่องช่วยหายใจของโลก

ไต้หวันไฮเทค  -05 พ.ค. 63-  ดาวเทียมฟอร์โมแซต 3 ใช้งาน 14 ปี ปลดระวาง 1 พฤษภาคม

ศูนย์อวกาศแห่งชาติของไต้หวันแถลงว่า กลุ่มดาวเทียมพยากรณ์อากาศ ฟอร์มโมแซต 3 ซึ่งใช้งานผ่านมา 14 ปี จะยุติการใช้งานตั้งแต่ 1 พฤษภาคม ดาวเทียมรับหน้าที่ต่อคือ ฟอร์โมแซต 7 ซึ่งยิงเข้าสู่วงโคจรตั้งแต่ มิถุนายน แต่ละวันจะส่งภาพถ่ายพยากรณ์อากาศจาก 4,000 ตำแหน่งกลับมาพื้นโลก

ฟอร์โมแซต 3 เป็น กลุ่มดาวเทียมพยากรณ์อากาศกลุ่มแรกของโลกที่ไต้หวันร่วมมือกับสหรัฐฯ ส่งเข้าสู่วงโคจรเมื่อ 15 เมษายน 2006 ที่ฐานทัพ Vandenberg ใน California ยิงเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโดยจรวด Minotaur เดิมกำหนดเวลาใช้งาน 5 ปี แต่ได้ขยายเวลาใช้งานถึง 14 ปีแล้ว ในช่วงเปลี่ยนผ่านก่อน 1 พฤษภาคมยังมีการส่งข้อมูลกลับสู่พื้นโลกร่วมกับดาวเทียมฟอร์โมแซต 7

ศูนย์อวกาศแห่งชาติของไต้หวัน และ สำนักงานมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Oceanic and Atmospheric Administration-NOAA) ตัดสินใจปลดระวางฟอร์โมแซต 3 อย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป จะยุติการดาวน์โหลดข้อมูลและการส่งข้อมูลทั้งหมด

ไต้หวันไฮเทค  -28 เม.ย. 63-  สุดยอดสตาร์ทอัพไต้หวัน Beseye พัฒนา AI วิเคราะห์ภาพและท่าทางของมนุษย์

บริษัท Beseye พัฒนาระบบวิเคราะห์ภาพมนุษยืซึ่งรวมถึงการตรวจวิเคราะห์รูปร่างของมนุษย์ AI Deep Learning จดจำใบหน้า ท่าทางร่างกาย วิเคราะห์ส่วนสำคัญของภาพรวม สามารถใช้ประยุกต์ในโรงงานธนาคารร้านค้า โรงพยาบาล โรงเรียนในบ้าน การประยุกต์ใช้งานกว้างขวาง กลายเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ

Bes Eye วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการวิเคราะห์รูปร่างโครงกระดูกมนุษย์ ตรวจจับท่าทางของคน (AI-based Human Detection) สามารถใช้ AI จดจำและจำแนกโครงร่างกระดูกของคนที่มีคุณลักษณ์พิเศษ ทำให้จำแนกคนกับสิ่งของมีความแตกต่างกัน เมื่อมีคนบุกเข้าไปในร้านหรือในเขตหวงห้าม ระบบจะทำการแจ้งเตือน

ไต้หวันไฮเทค  -21 เม.ย. 63-  ตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ กระแสใหม่การส่งพัสดุในไต้หวัน

การระบาดโควิด-19 ตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะของ Chunghwa Post Co., Ltd. (อดีตการไปรษณีย์) ให้บริการ 24 ชั่วโมง ปริมาณการส่งเพิ่มขึ้นเท่าตัวในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา สำหรับไตรมาสแรกของปีนี้มีปริมาณการรับ-ส่ง 5 แสนชิ้นแล้ว เจ้าหน้าที่บริษัทไปรษณีย์บอกว่า จะร่วมมือกับ 4 ร้านสะดวกซื้อในไต้หวัน เพื่อให้บริการตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะ คาดหวังการร่วมมือกันจะทำให้ผู้บริโภคได้รับความสะดวกขึ้น

การติดตั้งตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะเพิ่มขึ้นเรื่อยมาตั้งแต่ปี 2016 ถึงขณะนี้มีจำวน 1,989 ตู้แล้ว กระจายอยู่ตามสถานีรถไฟฟ้า ที่ทำว่าการเขต และชุมชนต่าง ๆ ในปีนี้จะติดตั้งเพิ่มอีก 400 แห่ง

หากเทียบกับจุดบริการระบบโลจิสติกส์ของร้านสะวดกซื้อ 7-11 มีจำนวน  5,700 สาขา  Family Mart มีจำนวน 3,600 สาขา ตู้ไปรณีย์อัจฉริยะ มีเกือบ 2,000 จุด ถือว่าเป็นจุดบริการในระบบโลจิสติกส์มีจุดบริการมากเป็นอันดับ 3 ค่าบริการส่งพัสดุชิ้นละ  60-70 เหรียญไต้หวัน เทียบกับราคาเฉลี่ยช่องเทางอื่นต่ำกว่า 30% และยังชำระผ่านบัตรเงินสด Easy Card และ iPASS  ได้ด้วย ในอนาคตจะร่วมมือกับ PC Home  เว็บช้อปปิ้งออนไลน์ เนื่องจากการระบาดโควิด-19 ผู้คนไม่ออกจากบ้านจึงหันมาช้อปปิ้งออนไลน์ ต้องการใช้บริการการส่งพัสดุเพิ่ม เชื่อว่าจะทำให้การใช้บริการตู้ไปรษณีย์อัจฉริยะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อีก

ไต้หวันไฮเทค  -14 เม.ย. 63-  Atgenomix สตาร์ทอัพของไต้หวัน ผู้พัฒนาเทคโนโลยีการถอดรหัสพันธุกรรม

        เทคโนโลยีในการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายในการตรวจถูกลงมาก ถ้าเราย้อนกลับไปในปี 1990 ที่เป็นจุดเริ่มต้นการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ สำหรับ 1 คน ใช้เวลา 12-13 ปี ด้วยเงินลงทุน 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในช่วงปี 2009 ค่าใช้จ่ายลดเหลือประมาณ 1 แสนเหรียญสหรัฐฯ แต่ปัจจุบันค่าใช้จ่ายลดเหลือในระดับ แสนเหรียญสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลมหาศาลเหล่านี้ หากไม่มีการประมวลผลหรือวิเคราะห์ ก็เป็นสิ่งไร้ค่า Atgenomix บริษัทสตาร์ทอัพของไต้หวัน ผู้พัฒนาเทคโนโลยีการทอดรหัสพันธุกรรมและวิเคราะห์รหัสพันธุกรรม

ไต้หวันไฮเทค  -07 เม.ย. 63-  บริษัท Startup ไต้หวัน Deep01 พัฒนา AI วิเคราะห์ ภาพ CT หาจุดเลือดออกในสมองภายใน 30 วินาที

ดีพ 01  พัฒนาระบบอ่านภาพ วิเคราะห์ ด้วย AI หาจุดเลือดออกในสมอง เทคโนโลยีมีความสุกงอม แพทย์ติดตั้งโปรแกรมไว้ในคอมพิวเตอร์ จากนั้นส่งภาพ CT Scan เข้าสู่ ระบบ Cloud ของดีพ 01 เพื่อทำการวิเคราะห์ หลังจากนั้น 30 วินาที จะได้รับการรายงานกลับ

ในปี 2017 Deep 01  เริ่ม พัฒนาระบบ AI ตรวจวิเคราะห์จุดเลือดออกในสมอง ได้ทำการรวบรวม ภาพ  CT Scan  สมอง  5-6 หมื่นแผ่นเพื่อทำการฝึกฝน AI ในตอนแรกใช้ Deep Learning ระดับ 18 ชั้น แต่ยังคงมีปัญหาความแม่นยำไม่เพียงพอ จึงต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้าน โจวเหรินไห่ ต้องเข้ามาควบคุมด้วยตนเอง ใช้เวลา 1 ปี ความแม่นยำพัฒนาถึง 90% ในปลายปี 2018 พัฒนาถึง 95 เปอร์เซ็นต์ โจวเหรินไห่ บอกว่าเทียบกับระบบ AI วิเคราะห์เลือดออกสมอง ที่เพิ่งผ่านการรับรองของ fda ในสหรัฐ ความแม่นยำ ใกล้เคียงกันแต่เร็วกว่าถึง 8 เท่า

ไต้หวันไฮเทค  -31 มี.ค. 63-  ยุค 5G ในไต้หวัน เริ่มขึ้นแล้ว (ตอนที่ 2)

คณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติของไต้หวัน หรือว่า NCC เปิดประมูลจัดสรรคลื่น ที่ผ่านมาการประมูลรอบแรก จัดสรรช่วงคลื่น มูลค่าเงินประมูลสูงถึง 138,081 ล้านเหรียญไต้หวัน แม่ข่ายโทรศัพท์ในไต้หวัน จงหัว เทเลคอม(อดีตองค์การโทรศัพท์), ไต้หวัน โมบาย, ฟาร์ อิสต์ โทน, ได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ 3.5 GHz  และ 28 GHz  ส่วนไต้หวัน สตาร์ ได้รับการจัดสรรคลื่น 3.5 GHz สำหรับ เอเชีย เทเลคอม ได้รับคลื่น 28 GHz  การประมูลรอบแรก เป็นการประมูลตำแหน่งคลื่น ส่วนรอบที่ 2 วันเสาร์ 21 กุมภาพันธ์ เงินประมูลเพิ่มขึ้นอีก 4,110 ล้านเหรียญไต้หวัน รวมมูลค่าเงินประมูลรอบ 1 และรอบ 2 สูงถึง 142,191 ล้านเหรียญ แม่ข่าย 3 ยักษ์ใหญ่ จงหัว เทเลคอม, ไต้หวัน โมบาย และ ฟาร์อิสต์โทน เร่งเปิดบริการ 5G ภายในครึ่งหลังของปีนี้  ถือว่าไต้หวันก้าวเข้าสู่ยุค 5G อย่างเป็นทางการ

ไต้หวันไฮเทค  -24 มี.ค. 63-  ยุค 5G ในไต้หวัน เริ่มขึ้นแล้ว

คณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติของไต้หวัน หรือว่า NCC เปิดประมูลจัดสรรคลื่น ที่ผ่านมาการประมูลรอบแรก จัดสรรช่วงคลื่น มูลค่าเงินประมูลสูงถึง 138,081 ล้านเหรียญไต้หวัน แม่ข่ายโทรศัพท์ในไต้หวัน จงหัว เทเลคอม(อดีตองค์การโทรศัพท์), ไต้หวัน โมบาย, ฟาร์ อิสต์ โทน, ได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่ 3.5 GHz  และ 28 GHz  ส่วนไต้หวัน สตาร์ ได้รับการจัดสรรคลื่น 3.5 GHz สำหรับ เอเชีย เทเลคอม ได้รับคลื่น 28 GHz  การประมูลรอบแรก เป็นการประมูลตำแหน่งคลื่น ส่วนรอบที่ 2 วันเสาร์ 21 กุมภาพันธ์ เงินประมูลเพิ่มขึ้นอีก 4,110 ล้านเหรียญไต้หวัน รวมมูลค่าเงินประมูลรอบ 1 และรอบ 2 สูงถึง 142,191 ล้านเหรียญ แม่ข่าย 3 ยักษ์ใหญ่ จงหัว เทเลคอม, ไต้หวัน โมบาย และ ฟาร์อิสต์โทน เร่งเปิดบริการ 5G ภายในครึ่งหลังของปีนี้  ถือว่าไต้หวันก้าวเข้าสู่ยุค 5G อย่างเป็นทางการ

ไต้หวันมุ่งไปข้างหน้า รัฐบาลให้การสนับสนุนธุรกิจ Startup ทุ่มงบประมาณ 700 ล้าน TWD จัดตั้ง“อุทยานสตาร์ทอัพ หลินโข่ว”เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม AI

        กระแสอัจฉริยะกำลังมาแรง ในภาวะรูปแบบธุรกิจที่พลิกเปลี่ยน ผู้ประกอบการต่างพยายามยกระดับ กิจการต่างๆ ทั้งใหญ่ทั้งเล็ก กำลังเผชิญกับจุดพลิกผันที่ต่างกัน การยกระดับมีความจำเป็นแต่มีวิธีการที่ไม่เหมือนกัน กิจการ Start Up ของไต้หวันบางรายใช้บล็อกเชน บางรายใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ประสบความสำเร็จในการขยายสาขาไปต่างประเทศ นำหุ้นเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในอเมริกา พวกเขาประสบความสำเร็จขยายธุรกิจข้ามประเทศ บริหารอย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร

        Startup จะต้องมุ่งชิงความได้เปรียบทางการตลาด ใช้กลยุทธ์การบริหารที่รวดเร็ว แก้ปัญหาสภาพแวดล้อมที่มีความซับซ้อน ผู้ประกอบการ startup ที่เริ่มดำเนินกิจการวันแรกต่างมุ่งหวังขยายตลาดให้กว้างที่สุด ขยายสู่ตลาดทั่วโลกให้ได้ยิ่งดี แต่ในด้านเงินทุน บุคลากรที่มีจำกัด  รัฐบาลไต้หวันจึงดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อให้การส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการ

ไต้หวันไฮเทค  -10 มี.ค. 63-  ไต้หวันส่งเสริมธุรกิจสตาร์ทอัพ

ธุรกิจสตาร์ทอัพเป็นรูปแบบธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่ ทางการไต้หวันเล็งเห็นโอกาสธุรกิจมหาศาลมุ่งส่งเสริมผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นชาวไต้หวันรวมทั้งดึงดูดทุนและบุคคลากรจากต่างประเทศเข้ามาในไต้หวัน

คาดว่าปี 2030 มูลค่าเศรษฐกิจ AI ในเอเชียจะสูงถึง 98 ล้านล้านเหรียญไต้หวัน รัฐบาลไต้หวันทุ่มงบประมาณปรับปรุงบ้านพักนักกีฬา มหาวิทยาลัยโลก (Universiade)  เขต หลินโข่วด้วยงบประมาณ 700 ล้านเหรียญไต้หวัน จัดตั้งเป็น Linkou Starup Terrace สวนสตาร์ทอัพ เป็นศูนย์กลางบุคลากร และทรัยพากรด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ต่างๆ อยู่ด้วยกัน จะกลายเป็นฮับศูนย์กลางวิจัยพัฒนาเอเชีย ดึงดูดบริษัทข้ามชาติเข้ามาลงทุน เป็นการขยายโอกาสธุรกิจของไต้หวันสู่ต่างประเทศ