สำหรับ EP นี้ค่ะไหมจะพูดถึงเรื่องหนึ่ง ไม่น่าเชื่อเลยว่ามันตรงกับเรื่องที่ใหม่เพิ่งไปจัด workshop มาแล้วก็ตรงกับเรื่องที่ตั้งใจอยู่แล้วค่ะ ใน List ว่าจะทำในลำดับถัดไปพอมานั่งไล่ดูหัวข้อก็มาเจอหัวข้อที่ว่าเอาตรงกันสงสัยจะได้เป็นวาระที่จะได้เอามาแชร์ นั่นคือ “เราจะวางใจตัวเองได้อย่างไร ในวันที่ชีวิตยังไม่เข้าที่ ไม่เข้าทาง” ใครเคยรู้สึกถึงสิ่งนี้ไหมคะ มีคำขยายเพิ่มเติมด้วยนะคะอันนี้ที่เอามาจากใน workshop นะคะ เพื่อนบอกว่ามันมีเรื่องหลาย ๆ อย่างที่มันยังไม่เข้าที่เข้าทางค่ะ แล้วชีวิตก็เรื่อย ๆ นะคะ บางครั้งมองมองว่าตัวเองด้อย"กว่าคนอื่นค่ะ แต่ก็พยายามคิดว่าโอกาสและเวลาของแต่ละความแตกต่างกันและเราก็คิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เลือกแล้วมันดีแล้วอย่างนี้ค่ะ เราจะมาเดินทางคำตอบไปด้วยกันในอีพีนี้ค่า . 

Podcast ที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนกับทุกคนที่ชื่อว่า "Heal your Day Heal your Mind with Mamai" Podcast เพราะทุกอารมณ์ ทุกความรู้สึกต้องการพื้นที่การรับรู้ ให้มะไหมอยู่เป็นเพื่อนคุณ แล้วเราจะผ่านไปด้วยกันค่ะ . โดยในแต่ละตอนไหมได้รวบรวมคำถาม ข้อสงสัยต่าง ๆ ที่เพื่อน ๆ เคยได้ถามตอนที่กรอกใบสมัครเข้าเวิร์คช็อปกับไหม หลาย ๆ ประเด็นน่าสนใจมาก และเชื่อว่าก็มีเพื่อนหลายคนที่กำลังอยู่ในสภาวะนี้ เราจะเป็นเพื่อนร่วมเดินทางกันค่ะ . คิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์เลยรวบรวมไว้ที่นี่เลย  เพื่อน ๆ สามารถเปิดฟังระหว่างเดินทางได้เพื่อสำรวจจิตใจตัวเองและดูแลตัวเองไปพร้อมกัน เลือกหัวข้อที่สนใจได้เลย . 

.See me at Facebook: https://www.facebook.com/ManassaweeSu 

Youtube channel : ManassaMai Podcast on spoitify: Heal your day Heal your mind with Mamai

 ABOUT ME มะไหม นักกายภาพบำบัดที่เรียนโทด้านจิตตปัญญาศึกษา (Contemplative Education) (กระบวนกร) ม.มหิดล สนใจศึกษาการดูแลตัวเองในวิถีแพทย์องค์รวม มิติกาย ใจ จิตวิญญาณ เพราะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญและเชื่อมโยงกัน จึงอยากเชิญชวนเพื่อน ๆ มาดูแลและรักตัวเองไปพร้อม ๆ กัน

สำหรับ EP นี้ค่ะ ไหมจะมาตอบคำถามนะคะเพื่อนๆที่เคยได้ถามว่า “ในวันที่เรารู้สึกหม่น ๆ เราจะทำอะไรใหม่ ๆ ดี” นะค ะเพื่อที่จะพาตัวเองออกจากสิ่งตรงนี้ เพื่อน ๆ เคยมีช่วงเวลาที่ตัวเองรู้สึกหมดบ้างไหมคะเราลองมาค้นกันดูสิว่า ในตอนนั้นเราเป็นอย่างไรบ้าง ตอนนั้นเราทำอะไรอยู่ ตอนนั้นเราอยู่ตรงไหน บางคนอาจจะบอกว่าออกไม่ต้องรอถึงตรงนั้นหรอก เป็นตอนนี้แหละ ตอนนี้ ณ วินาที ที่เรากำลังรู้สึกหม่น ๆ เกิดได้จากหลายปัจจัยมาก ๆ เลยค่ะ มาจากอากาศก็ได้นะ เคยไหมบางครั้งเนี่ยมันครึ้มฟ้าครึ้มฝนแดดไม่ออกมันก็จะรู้สึกเหมือนมันไม่สดใส บางครั้งะอาจจะเป็นสภาพสภาวะที่เหมือนแบบฝนจะตกแหล่ ไม่ตกแหล่ หรือจะเป็นช่วงที่รู้สึกว่าอากาศณบริเวณนั้นไม่ถ่ายเท ทุกอย่างหยุดนิ่งไปหมดตรงนี้ก็มีผลกับอารมณ์ของเรา อาหารก็มีผลเหมือนกันนะคะทุกคนอาหารอารมณ์อากาศถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญมาก ๆ

อาการหม่น ๆ ก่อนที่มันจะเหมือนดาวน์แล้ว ที่จริงมันมีจุดเริ่มต้นที่ไหมอยากจะชวนเพื่อน ๆ ทุก ๆคนลองสำรวจสิ่งนี้ไปพร้อมกันเลยว่า เอ้ยก่อนที่มันจะเป็นอารมณ์หม่นในใจเราเนี่ยมันมาจากอะไร เรากำลังเสพติดความสุขที่คอยกระตุ้นเราอยู่ตลอดเวลาหรือไม่ เช่น เราจะเป็นคน Happy ที่เราจะต้องได้ทำอะไรใหม่ ๆ แล้วสิ่งนี้บางคนอาจจะรู้สึกว่ามันดีมากเลย ฉันเป็นคนที่เหมือนเป็นคนที่สนุกอยู่ตลอดเวลา ฉันหาอะไรอยู่ตลอดเวลา ฉันได้เจอผู้คน จริงๆสิ่งนี้ก็โอเคนะคะ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าเรากำลังจะต้องตามหาสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลามาเพื่อ Confirm ตัวเอง สิ่งนี้กำลังอาจจะสะท้อนเราแล้วก็ได้นะคะว่าจริงๆแล้วเรามีความสุขจริงๆหรือเปล่าค่ะ ทำไมเราต้องเร้าตัวเองขาดนั้นถึงจะมีควาสุขได้ บางครั้งในบริบทชีวิต เราไม่อาจทำอะไรใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา เราอาจจะไม่ได้เจอผู้คนใหม่ ๆ เราไม่สามารถเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมได้อยู่ตลอดเวลาทุกครั้งนะคะ แล้วสิ่งนี้มันก็จะกลายเป็นความเหนื่อยหน่าย ความอึดอัด ความทุกข์ใจเกิดขึ้นมาแล้วล่ะ มันเป็นเหมือนเป็นเครื่องที่เข้ามาจำกัดพื้นที่ของเราในการมีความสุขในชีวิตมากๆเลยค่ะ มันเลยน่าตั้งคำถามกับตัวเองมากๆ เลยนะคะว่าสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขอยู่ทุกวันนี้ค่ะเป็นความสุขประเภทที่เราจะต้องเสพติดมันหรือเปล่า

สำหรับ EP นี้นะคะบอกเลยว่าเข้มข้นมากเลย สิ่งนี้อาจจะอยู่ในความรู้สึกของใครหลาย ๆ คน ไหมเชื่อว่าในการทำงานทุก ๆวัน ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตามเราคงไม่ได้ “รู้สึกดี” กับมันอยู่ตลอดเวลาหรอกค่ะ เราอาจจะเจอในแง่มุมบางอย่างที่เรารู้สึกว่า “เราไม่ชอบงานลักษณะแบบนี้” ในงานที่เป็นที่ตรงนี้เลยอ่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวเนื้องาน เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย เรื่องเกี่ยวกับคน สถานที่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นปัจจัยรายล้อมตัวเรามันมันส่งผลกับเราอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วแหละ แต่ถ้าเรามองให้ลึก ๆ นะคะ อะไรที่ทำให้เราอยู่ต่อได้ มันก็จะยังทำให้เราอยากที่จะทำงานตรงนี้ต่อ บางคนอาจจะเคยมีช่วงเวลาที่รู้สึกว่างานแบบนี้มันน่าเบื่อ แต่ว่าการที่ได้เจอเพื่อนร่วมงานที่ดี มันก็ยังเป็นหมุดหมายที่ทำให้เรายังอยากลุกขึ้นไปทำงานในทุก ๆ วัน หรือแม้แต่บางครั้งนะคะ บางคนอาจจะรู้สึกว่างานที่เราทำอยู่มันมีคุณค่า มันมีตัวเนื้องานที่เราได้ส่งมอบหรือว่าส่งต่อ Message บางอย่างที่เรารู้สึกว่ามันมีคุณค่ามากเลย  แล้วมันทำให้ถึงแม้จะเจออุปสรรคที่เรารู้สึกว่ามันก็ยาก แต่เราก็อยากจะทำงานนี้ต่อค่ะ แต่บางครั้งพอมันถึงจุดหนึ่งที่มันรู้สึกว่าอะไรก็ไม่สามารถที่จะหยุดเราได้แล้วมันจะมีความคิดอยู่ในหัวว่าเราลาออกเลยดีไหม ?

ดังนั้นค่ะ EP นี้เดี๋ยวมันจะชวนเพื่อน ๆ ทุกคนกลับมาสำรวจด้วยกันนะคะว่า “ก่อนที่เราจะคิดลาออก มันต้องมองอะไรบ้าง” เราลาออกเลยดีไหม เพราะว่าจริง ๆ แล้วคำว่า “ลาออก” มันอาจจะไม่ได้ดี ไม่ได้เหมาะสมกับทุก ๆ คน แต่เมื่อความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้น ถ้าเรากลับไปสำรวจมัน เราจะได้เจอต้นตอของความรู้สึกที่มันอยู่ลึกสุดที่เขาต้องการที่จะพูดคุยกับเราที่จะสื่อสารกับเรา เขารอคอยอยู่ แล้วเราจะรู้ว่าที่จริงเราต้องการอะไรกันแน่

เมื่อความตั้งใจดีไม่ได้รับการมองเห็น ทำงานแทยสายตัวแถบขาดแต่ไม่มีความหมายอะไร รู้สึกไร้คุณค่า ไร้ความหมายไม่อยากตื่นมาทำงาน เหนื่อยเหลือเกิน นี่กำลังเป็นสัญญาณของภาวะburnout syndrome หรือเปล่า? ในEP.3 นี้เราจะมาร่วมหาคำตอบไปด้วยกัน แต่ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ สิ่งสำคัญคือการกลับมารับรู้ความรู้สึกของตัวเองว่าเรากำลังไหวอยู่ไหม ถ้า"การได้พักเป็นคำตอบ" มันก็สมควรที่เราจะได้รับการพักจากตัวเรา เมื่อเราอนุญาตให้ตัวเองได้พักจริง ๆ เราจะมีพลังชีวิตที่กลับคืนมา แล้วมันจะเป็นตัวช่วยที่สำคัญมากที่ทำให้เรามีพลังในการคิดหาปัญออก ทางที่เราจะเดินอย่างเหมาะสมต่อไป ตัวเราสมควรได้รับการพักและการอ่อนโยนใจดี กับตัวเราเองค่ะ

คนส่วนใหญ่ไม่ชอบความรู้สึกเวลาที่ตัวเองสูญเสียความมั่นใจ ดังนั้นจึงพยายามทุกวิถีทางให้ตัวเองฮึบ กลบความรู้สึกและลุกเดินต่อทันที แต่ใครจะรู้ล่ะว่าข้างในมันกลับรู้สึกโหวงมาก ๆ เลย แต่จริง ๆ แล้วความรู้สึกหม่นหมองมีบางอย่างที่เขาอยากจะสื่อสารกับเรา เพียงแค่เราต้องให้พื้นที่กับเขา แล้วเราะพบว่ามันโอเคนะที่เราจะรู้สึก "เสียใจ" และ "ผิดหวัง" และเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน