เมื่อวันที่ 4 มี.ค.2567 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาฝรั่งเศส จัดประชุมเพื่อลงคะแนนรับรองให้ "สิทธิในการยุติการตั้งครรภ์" ถูกบรรจุไว้เป็นส่วนหนึ่งของรัฐธรรมนูญ และผลที่ได้คือทั้ง 2 สภาลงมติผ่านร่างกฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 34 ด้วยคะแนน 780 ต่อ 72 เสียง

โดยกฎหมายนี้จะกำหนดให้เสรีภาพของผู้หญิงในการยุติการตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่ได้รับการรับรอง ทำให้ฝรั่งเศสถือเป็นชาติแรกที่มีสิทธิดังกล่าวเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ ท่ามกลางผู้ที่ออกมาแสดงความยินดีและวิพากษ์วิจารณ์ 

ขณะที่กลุ่มต่อต้านการยุติการตั้งครรภ์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ความเคลื่อนไหวนี้อย่างหนัก โดยมีกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยหลายร้อยคนออกมารวมตัวกันเพื่อประท้วงเเละมองว่าการยุติการตั้งครรภ์เป็นการกำจัดสิ่งมีชีวิต ซึ่งก็คือมนุษย์ที่อยู่ในครรภ์ นอกจากนี้บางส่วนมองว่า ไม่ควรมีสิทธิ์ในการคร่าชีวิตมนุษย์ 

เเต่อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงในฝรั่งเศสมีสิทธิทำแท้งถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่ปี 1974 และมีการแก้ไขปรับปรุงข้อกฎหมายแล้วหลายครั้ง นอกจากนี้สิทธิการทำแท้งเป็นประเด็นที่ได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง โดยประเด็นนี้ในฝรั่งเศสได้รับการยอมรับมากในสหรัฐอเมริกา และประเทศอื่น ๆ ซึ่งผลสำรวจความเห็นชี้ว่าชาวฝรั่งเศสประมาณร้อยละ 80 เห็นด้วยว่า การยุติการตั้งครรภ์นั้นถูกกฎหมาย

นับว่าเป็นอีก 1 ความสำเร็จของฝรั่งเศสที่ได้รับรองสิทธิยุติการตั้งครรภ์ เป็นอีกวิธีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาของเหล่าวัยรุ่นที่ยังไม่พร้อมให้กำเนิดเด็กหรือสภาพผู้ปกครองที่ไม่พร้อมจะเลี้ยงดู ถึงแม้ว่าคนเราจะป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยถุงยางหรือยาคุมกำเนิดเเล้วนั้นแต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยทุกครั้ง ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจริงๆ การทำแท้งที่ถูกกฎหมายก็เป็นอีกวิธีที่หลายคนยอมรับ

ฟังรายการวิทยุ 'คนข่าวมองข่าว' จันทร์ – ศุกร์ 17.00-18.00น. 101 FM

/////

วันที่ 4 มี.ค. 67 สำนักงาน (ป.ป.ส.) บุกจับแก๊งบิ๊กไบค์ รวมตัว 6 คัน ขนยาบ้าเกือบ 1.9 ล้านเม็ด คารีสอร์ตกลางเมืองเชียงราย เพื่อหวังไปยังพื้นที่ชั้นในของประเทศ โดยมีการวางแผนมีรถนำทาง เพื่อเลี่ยงด่านตรวจแต่สุดท้ายก็หนีไม่รอดอยู่ดี.ข่าวลือว่า "ก้าวไกล" น่าจะมีพรรคใหม่สำรองไว้เพื่อเอาไว้รองรับสส.บางคนแต่ล่าสุดมีข่าวแว่วๆว่า 40 สส. ที่เคยอยู่พรรคก้าวไกลอาจจะกลายไปอยู่ที่พรรคอื่นเพราะได้ผลประโยชน์กว่านั่นเองโดยพรรคอื่นๆ ทยอยซื้อตัวไปแต่ก็ไม่ใจว่าข่าวลือนี้จะเป็นไงแน่ ?.ล่าสุด! มีข่าวดีว่า "ครม."

ไฟเขียวต่อการใช้งบประมาณปี 66เอาเอาไว้ใช้ในการแก้ไขปัญหาของไฟป่าเเละฝุ่นควัน PM2.5และไม่ใช่แค่จัดงบเท่านั้น เราควรที่จะได้รับความร่วมมือจากหลากหลายฝ่ายด้วยเช่นกัน ทั่งตัวหน่วยงานภาครัฐ เหล่าผู้ใหญ่ประจำจังหวัด หรือแท้แต่ชาวบ้านองก็ควรช่วยกัน.

สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ YouTube “คนข่าวมองข่าว”https://www.youtube.com/channel/UCw2u2QsTJC6d0eRi1X5imhgSpotify "คนข่าวมองข่าว" : https://open.spotify.com/show/0ncmBYgQtWrn3xcWBL8dVy

อนามัยโลกคาดการณ์ว่าประชากรกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลกเข้าข่ายน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ซึ่งเชื่อมโยงกับความเสี่ยงด้านสุขภาพร้ายแรงต่าง ๆ 

ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) และกลุ่มนักวิจัยระหว่างประเทศ เปิดเผยผลการศึกษาชิ้นใหม่ที่เก็บรวบรวมข้อมูลผู้คนมากกว่า 220 ล้านคนในกว่า 190 ประเทศ และมีการคาดการณ์ว่า อัตราการเกิดโรคอ้วนในผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในช่วงปี 1990-2022 และเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัวในเด็กและวัยรุ่นที่มีอายุระหว่าง 5-19 ปี  

ทั้งนี้จากผลการศึกษาพบว่า โรคอ้วนได้เกิดขึ้นในผู้คนจำนวนมาก และพบบ่อยกว่าคนที่มีน้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐานในประเทศส่วนใหญ่ รวมถึงประเทศที่มีรายได้น้อย และปานกลางที่เคยต่อสู้กับภาวะการขาดสารอาหารมาก่อนด้วย  

ด้าน ฟรานเซสโก แบรนกา ผู้อำนวยการฝ่ายโภชนาการขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่าโรคอ้วน หรือโรคที่มีน้ำหนักตัวน้อยเกินไปถือเป็นภาระสองเท่าของภาวะทุพโภชนาการขณะที่ในอดีตเราอาจคิดว่าภาวะโรคอ้วนเป็นปัญหาของคนมีฐานะเท่านั้น แต่ปัจจุบันโรคอ้วนกลายเป็นปัญหาระดับโลกไปแล้ว 

สำหรับคนที่ประสบปัญหาเป็นโรคอ้วนและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตและความพิการก่อนวัยอันควร เนื่องจากว่าโรคดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และไตในระยะเริ่มแรก และปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนการมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานอย่างรุนแรงอาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการของเด็ก และภาวะที่รุนแรงที่สุดอาจทำให้ผู้คนอดอยากจนเสียชีวิตได้ 

อย่างไรก็ตามอยากให้ข่าวนี้ ทำให้ใครหลายๆคนระมัดระวังเรื่องของการกินมากยิ่งขึ้น หันมารับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสนใจเรื่องการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีในวันข้างหน้ากันนะคะ 

ฟังรายการวิทยุ 'คนข่าวมองข่าว' จันทร์ – ศุกร์ 17.00-18.00น. 101 FM

/////

เดี๋ยวนี้มีแต่เรื่องแปลกๆที่ได้แต่สงสัยว่า เราจะแก้ไขเรื่องนี้ได้ยังไง ?อย่างเช่นข่าวที่มีการจับกุม 2 เครือข่ายผู้ต้องหารวม 5 คน และทำการยึดของกลางจำนวนมาก ทั้งวุฒิการศึกษาปลอมทุกระดับชั้นจากมหาวิทยาลัยยังไม่รวม ใบปริญญาบัตร แถมมีใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนด้วย.สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองควรที่จะใส่ใจกับลูกค้ามากว่านี้เนื่องจากมีชาวต่างชาติหลอกล่อเข้าประเทศกันแบบผิดกฎหมายหลายรายเเล้ว ไหนจะการที่พวกจีนเทามาหากินกับประเทศคนอื่นอีกอย่างไทยเองก็เช่นพวก ห้วยขวางหรือสุทธิสาร.

สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่

YouTube “คนข่าวมองข่าว”https://www.youtube.com/channel/UCw2u2QsTJC6d0eRi1X5imhg

Spotify "คนข่าวมองข่าว" : https://open.spotify.com/show/0ncmBYgQtWrn3xcWBL8dVy

รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศผ่อนคลายข้อจำกัดด้านวีซ่าในวันที่ 29 ก.พ. เพื่อให้นักศึกษาต่างชาติมีโอกาสอาศัยและทำงานในญี่ปุ่นมากขึ้น ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องจากแวดวงธุรกิจและวิชาการ 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นระบุว่า รัฐบาลจะอนุญาตให้นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคที่ภาครัฐกำหนด สามารถทำงานในภาคส่วนที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับสาขาที่จบมา โดยคาดว่ามาตรการใหม่นี้จะช่วยเพิ่มจำนวนนักศึกษาต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นเพื่อทำงานได้ราว 3,000 คนต่อปี 

ทางด้านสำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ก่อนหน้านี้ แม้นักศึกษาต่างชาติจะสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคและมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นก็ตาม แต่ก็ต้องเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดหากไม่สามารถหางานที่ตรงกับสาขาที่จบมาได้ค่ะ 

นอกจากนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นยังขยายเกณฑ์ของนักศึกษาต่างชาติที่สามารถอาศัยต่อในญี่ปุ่นเพื่อทำงานด้วยวีซ่า “กิจกรรมเฉพาะพิเศษ” เป็นสถานะที่อนุญาตให้ทำงานได้หลากหลายมากขึ้น 

ซึ่งเดิมที วีซ่าดังกล่าวมีไว้สำหรับนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยหรือบัณฑิตวิทยาลัยเท่านั้น แต่ตอนนี้สามารถออกวีซ่าดังกล่าวให้กับนักศึกษาที่มีทักษะภาษาญี่ปุ่นสูงและสำเร็จการศึกษาเทียบเท่าระดับปริญญาตรี ซึ่งรวมถึงผู้ที่สำเร็จหลักสูตร 4 ปีจากวิทยาลัยเทคนิคที่ภาครัฐกำหนดด้วยนั่นเองค่ะ 

นับว่าเป็นข่าวดีของนักศึกษาต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นนะคะ หวังว่าจะทำให้นักศึกษาหลายๆคนจะมุ่งมั่งและคอยพัฒนาตัวเองเพื่อนหาเลี้ยงชีพในอนาคตได้เป็นอย่างดีนะคะ ขอให้ความพยายามทั้งหมดไม่เสียเเรงเปล่าค่ะ 

ฟังรายการวิทยุ 'คนข่าวมองข่าว' จันทร์ – ศุกร์ 17.00-18.00น. 101 FM

/////

ความขัดแย้งระหว่าง "ธรรมนัส" และ "ชัยวัฒน์" ไม่จบลงง่ายๆ ต้นเหตุมาจากความขัดแย้งระหว่างส.ป.ก. กับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต่างคนต่างเอาหลักฐานมาเพื่อแฉกันไปมาๆ จนเกิดกลายเป็นประเด็นใหม่ๆได้เรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดปัญหาต่อเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานและยังเป็นช่องโหว่แสวงหาประโยชน์บนความบอบช้ำของทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ."นายสราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์" หนึ่งในแกนนำม็อบสามนิ้ว เดินทางไปที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งในวันดังกล่าวสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ ทันทีที่ตำรวจรู้ก็ได้ตามประกบนายสราวุทธิ์ทันทีเพราะกลัวจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นนั่นเอง.

สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่

YouTube “คนข่าวมองข่าว”https://www.youtube.com/channel/UCw2u2QsTJC6d0eRi1X5imhg

Spotify "คนข่าวมองข่าว" : https://open.spotify.com/show/0ncmBYgQtWrn3xcWBL8dVy

ทางการเมืองซีอานของประเทศจีนจะทุ่มงบประมาณ 700,000 หยวน เพื่อซื้อลอตเตอรี่มาแจกให้กับบรรดาคู่แต่งงานใหม่ที่นำใบทะเบียนสมรสมายืนยัน ตามแผนส่งเสริมการแต่งงานในช่วงที่อัตราการเกิดลดลง 

ทางสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประชากรจีนลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ในปี 2566 โดยอัตราการเกิดใหม่ลดลงสู่ประมาณครึ่งหนึ่งของตัวเลขในปี 2559 ขณะที่อัตราการแต่งงานแตะระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 และเนื่องจากอัตราการแต่งงานมีความสัมพันธ์ต่ออัตราการเกิดเป็นอย่างมากเพราะมารดาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสนั้นมักจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการเลี้ยงดูบุตร ดังนั้น เมืองซีอานจึงประกาศแจกลอตเตอรี่แก่คู่แต่งงานที่แสดงเอกสารการจดทะเบียนสมรสตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 

ทางด้านสำนักกิจการพลเรือนของเมืองซีอานระบุด้วยว่า โครงการแจกลอตเตอรี่แก่คู่สมรสใหม่นี้จะมีขึ้นถึงวันที่ 30 พ.ย.ปีนี้ ส่วนด้านของสถาบันวิจัยประชากรอวี้วา ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยชั้นนำของจีน เปิดเผยในวันที่ 21 ก.พ.ว่า จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่มีค่าเลี้ยงดูบุตรสูงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับจีดีพีต่อหัวทำให้ปัจจุบันผู้หญิงเลือกมีบุตรน้อยลง เนื่องจากต้นทุนการดูแลเด็กสูง ผู้หญิงบางคนไม่ต้องการแต่งงานหรือเลือกอาชีพการงานมากกว่าครอบครัว และสุดท้ายผู้หญิงยังคงเผชิญกับปัญหาการเลือกปฏิบัติทางเพศ 

นับว่าเป็นเรื่องที่เห็นถึงความพยายามที่จะปรับอะไรบางอย่างให้ประชากรในเมืองซีอาน ถึงแม้โดยส่วนตัวเเล้วอาจจะไม่ใช่แผนที่ดีในระยะยาวก็ตาม เพราะว่านั่นคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้นเองแต่ก็ยังดีที่มีอะไรเล็กๆน้อยๆเป็นของขวัญให้กับเหล่าคู่สมรสค่ะ 

เมื่อสามีของ Ruth Gottesman วัย 96 ปีเสียชีวิตในปี 2022 เขาได้ทิ้ง 1 พันล้านดอลลาร์ในหุ้น Berkshire Hathaway ซึ่งในตอนแรก Gottesman ตัดสินใจไม่ได้กับมรดกชิ้นใหญ่นี้ แต่สุดท้ายเธอตัดสินใจบริจาคเงินเต็มจำนวนให้กับวิทยาลัยแพทยศาสตร์อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในย่านบรองซ์ ซึ่งเป็นเขตที่ยากจนที่สุด 

หลังจากบริจาคเธอได้แจ้งข่าวให้นักเรียนทราบด้วยตนเองเมื่อเช้าวันจันทร์ และวินาทีที่คำว่า "ไม่มีค่าเล่าเรียน" ออกมาจากปากของเธอ นักเรียนในหอประชุมก็ส่งเสียงไชโยโห่ร้อง พร้อมปรบมือและกระโดดออกจากที่นั่ง โดยมีบางคนร้องไห้  โดยจริงๆแล้วเธอคือ ศาสตราจารย์คลินิกกิตติคุณสาขากุมารเวชศาสตร์ที่ Einstein เธอเริ่มต้นงานที่วิทยาลัยในปี 1968 ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารของโรงเรียน 

นอกจากนี้เธอยังเป็นผู้ใจบุญมาเป็นเวลาเกือบ 60 ปี โดยลงทุนในชุมชนชาวยิว โครงการการศึกษา และสุขภาพนับตั้งแต่ก่อตั้ง The Gottesman กองทุนในปี 1965 ตามแนวทางมูลนิธิ 

ดังนั้นมรดกของเธอน่าจะช่วยให้วิทยาลัยแพทยศาสตร์ Albert Einstein ดึงดูดผู้สมัครที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งโรงเรียนกล่าวในการแถลงข่าว และนั่นคือเป้าหมายของเธออย่างแน่นอนโดยมีรายงานว่าค่าเล่าเรียนหนึ่งปีที่โรงเรียนมีมูลค่ามากกว่า 59,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้สำเร็จการศึกษาจำนวนมากมีหนี้สินมากกว่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐฯนั่นเอง 

นับว่าการกระทำของหญิงม่ายคนนี้ ได้ช่วยเหลือนักศึกษาแพทย์ไปได้หลายคนและยังส่งเสริมให้มหาวิทยาลัยเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในโลกกว้าง ได้แต่หวังว่าคุณภาพชีวิตการเรียนของเหล่าเด็กนักศึกษาจะดีขึ้นกว่าปัจจุบันค่ะ ไม่แน่ในอนาคตเราอาจจะมีแพทย์เก่งๆอีกมากจากการช่วยเหลือของผู้หญิงคนหนึ่งก็ได้ 

ฟังรายการวิทยุ 'คนข่าวมองข่าว' จันทร์ – ศุกร์ 17.00-18.00น. 101 FM///// "นายกฯเศรษฐา" ร่วมลงพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เเต่ก็ไม่ได้มองเห็นปัญหาของเมืองนี้จริงๆเท่าไหร่นัก เพราะตัวนายกฯเอาแต่ไปดูสินค้าโอท็อปบ้างแต่ไม่ได้รู้เลยว่า พื้นที่เหล่านี้มีพวกน้ำมันเถื่อนกับน้ำกระท่อม ที่หาง่ายตามทางทำให้เหล่าคณะไม่รับรู้ถึงปัญหาของ 3 ชายแดนเลยจริงๆอาจจะเป็นเพราะนายกฯสนใจแค่เรื่องของเศรษฐกิจเเละการท่องเที่ยวเท่านั้นเพื่อกลบเรื่องก่อการร้าย.

สาธารณะสุข ยืนยัน "น้ำกระท่อม" ผิดกฎหมายไม่ว่าจะเป็น ปลูก ซื้อ ขาย ต้นกระท่อม ขายใบสด ลำต้น เมล็ด เป็นต้น และถ้าต้มน้ำกระท่อมเพื่อขายเช่นกัน ส่วนการต้มน้ำกระท่อมดื่มเองหรือแจกจ่ายกันโดยไม่ได้ขายนั้นไม่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้จะต้องไม่มีส่วนผสมของยาแก้ไอด้วย .

สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่

YouTube “คนข่าวมองข่าว”https://www.youtube.com/channel/UCw2u2QsTJC6d0eRi1X5imhg

Spotify "คนข่าวมองข่าว" : https://open.spotify.com/show/0ncmBYgQtWrn3xcWBL8dVy