ฟังรายการวิทยุ 'คนข่าวมองข่าว' จันทร์ – ศุกร์ 17.00-18.00น. 101 FM

/////

เจ็บใจโรงพยาบาลตำรวจมากๆ ที่ปล่อยให้คุณทักษิณออกมาตัวเองเจ็บป่วยแท้ๆ ก็น่าจะอยู่ไปนานๆจะได้รีบหายป่วยไวๆส่วนเรื่องของแขนหัก ก็งงมากว่าไปหักตอนไหน ? ตลกดีบอกเลยว่าเรื่องป่วย เชื่อยาก เห็นออกมาก็โบกมือให้คนได้ปกติ.

ค่าเครื่องบินตอนนี้เเพงมากๆ โดย "สุริยะ" ชี้ เป็นเพราะราคาน้ำมันตั๋วเครื่องบินที่บอกว่ามีราคาเป็นหมื่น ไม่ใช่เพราะเป็นการเดินทางไป – กลับ แต่ถ้าเป็นสายการบินแบบ low cost ไม่น่าจะเกิน 5,000 บาท ต่อเที่ยวบินจะต้องมีชวนสายการบินต่างๆ มาพูดคุยกัน เพื่อหาทางลดภาระของผู้โดยสาร.

หนี้นอกระบบ อีกไม่กี่วันก็จะหมดเขตเเล้ว สิ้นเดือนนี้เท่านั้นอยากให้ประชาชนที่มีปัญหาหนี้สินนอกระบบ ไปกรอกลงทะเบียนเพื่อให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือด้วย.

สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่

YouTube “คนข่าวมองข่าว”https://www.youtube.com/channel/UCw2u2QsTJC6d0eRi1X5imhg

Spotify "คนข่าวมองข่าว" : https://open.spotify.com/show/0ncmBYgQtWrn3xcWBL8dVy

เสี่ยวเผิง (Xpeng) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สัญชาติจีน มีแผนจะเปิดรับสมัครงานเพิ่ม 4,000 ตำแหน่งในปีนี้ และจะลงทุนมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเอาตัวรอดจากการแข่งขันที่รุนแรงมากในตลาดรถยนต์จีน 

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เสี่ยวเผิงวางแผนจะขยายจำนวนพนักงานอีก 25% เพิ่มขึ้นจากพนักงาน 15,829 คน ณ สิ้นปี 2565 

ทางด้านนายเหอ เสี่ยวเผิง ซีอีโอของเสี่ยวเผิง ได้ประกาศแผนเพิ่มจำนวนพนักงานในจดหมาย ถึงพนักงานเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ซึ่งเป็นวันแรกที่กลับมาเปิดทำการหลังวันหยุดตรุษจีน โดยที่เสี่ยวเผิงจะลงทุนประมาณ 3.5 พันล้านหยวน (486 ล้านดอลลาร์) ในการวิจัยและพัฒนา AI สำหรับระบบการขับขี่อัจฉริยะ และมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หรือรุ่นรถที่ปรับปรุงใหม่ประมาณ 30 รายการภายใน 3 ปี 

นายเหอกล่าวว่า “เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคเชิงลบอยู่ และส่งผลให้พันธมิตรทางธุรกิจจำนวนมากไม่กล้าลงทุน ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสสำหรับการพัฒนาของเรา” โดยนายเหอมองว่า ปี 2567 ถือเป็นปีชี้วัดสำหรับแบรนด์รถยนต์จีน “ซึ่งในปี 2567 นี้ เราจะสวนกระแสแนวโน้มและพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในไตรมาส 4 หรือเร็วกว่านั้น” 

ทั้งนี้ แผนการขยายตัวของเสี่ยวเผิงแตกต่างจากบรรดาคู่แข่งที่พยายามลดต้นทุนอย่างเดียว นอกจากนี้ อุปสงค์ก็ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีน แม้เทสลาและแบรนด์อื่น ๆ พากันลดราคาก็ตาม 

ถือว่าเป็นความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาบริษัทให้ไปในทิศทางที่ดีขึ้นนะคะ ซึ่งดูแลก็ต่างจากคู่แข่งคนอื่นจริงๆตรงที่จ้างคนมากขึ้นไปพร้อมๆกับพัฒนา AI สวนทางกับแบรนด์อื่นๆที่ลดจำนวนพนักงานแทน เอาเป็นว่ามารอลุ้นไปพร้อมๆกันค่ะว่า เสี่ยวเผิง จะเป็นอย่างไรต่อไป 

ฟังรายการวิทยุ 'คนข่าวมองข่าว' จันทร์ – ศุกร์ 17.00-18.00น. 101 FM/////

ในตอนนี้  "ทักษิณ" ได้ออกจากรพ. เเล้วไปแถลงการณ์คดีที่เคยถูกกล่าวหาคดีม.112 นอกจากนี้ ยังมีอัยการฯ แถลงว่าทักษิณนั้น "ป่วยจริง" สามารถประกันตัวได้ 5 แสน แต่...ถ้าถามว่ามีใครเชื่อไหม ? ที่ทักษิณป่วย บอกเลยว่ายาก!.อากาศตอนนี้น่าเป็นห่วง "ฝุ่นควัน" มีเยอะจนน่ากลัวนอกจากจะมีผลกับปัญหาสุขภาพเเล้วยังสร้างความน่ารำคาญให้กับประชาชนหลายคน ยังอยากให้สวมใส่หน้ากากไปก่อนอย่าปบ่อยให้สุขภาพต้องทรุดโทรม โปรดดูแลตัวเอง.

พนักงานธนาคารทำงานเยอะมาก อยากให้ทางแบงค์ มีมาตรการเรื่องของการดูแลสุขภาพมากกว่านี้โดยส่วนตัวแล้ว "เสาร์อาทิตย์" ก็ควรที่จะมีเวลาพักถ้าทำโอทีก็ควรมีค่าเสียเวลาให้ด้วย.

สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ YouTube “คนข่าวมองข่าว”https://www.youtube.com/channel/UCw2u2QsTJC6d0eRi1X5imhg

Spotify "คนข่าวมองข่าว" : https://open.spotify.com/show/0ncmBYgQtWrn3xcWBL8dVy

สำนักข่าวนิกเกอิ เอเชีย รายงานว่า เศรษฐกิจเวียดนาม โดยเฉพาะในภาคสตาร์ตอัป กำลังเป็นที่น่าจับตามองว่าต่อไปนี้จะเดินหน้าไปในทิศทางไหน เนื่องจากเวียดนามมีจำนวนนักศึกษาที่เรียนในต่างประเทศมากที่สุดในอาเซียน และคนเหล่านี้เริ่มกลับเวียดนามเพื่อช่วยพัฒนาประเทศบ้างแล้ว 

ข้อมูลจากยูเนสโกแสดงให้เห็นว่า เวียดนามมีจำนวนนักศึกษาในต่างประเทศมากที่สุดในอาเซียน ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 3 ลำดับถัดไปอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย รวมกัน โดยส่วนใหญ่เรียนในสาขาวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม 

ชาวเวียดนามที่เรียนในต่างประเทศนั้นมักทำงานในสาขาเหล่านี้ในต่างประเทศก่อน จากนั้นก็จะนำประสบการณ์ที่ได้จากต่างประเทศ กลับมาพัฒนาเศรษฐกิจเวียดนามเอง ถึงแม้เวียดนามดูมีทิศทางสดใส แต่ก็ยังมีปัญหาท้าทายอยู่บ้าง โดยขณะนี้เวียดนามกำลังขาดแคลนวิศวกร ทำให้สตาร์ตอัปในเวียดนามเติบโตก้าวหน้าในต่างประเทศได้ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับโกเจ็กของอินโดนีเซีย หรือช้อปปี้ของสิงคโปร์ ซึ่งได้รับความนิยมในระดับภูมิภาค 

นอกจากนี้ ระบบการศึกษาของเวียดนามเองก็ยังผลิตแรงงานให้มีทักษะทัดเทียมชาวเวียดนามที่ไปเรียนต่างประเทศไม่ได้ โดยระบบการศึกษาของเวียดนามมีลักษณะคล้าย ๆ กับของไทยอย่างหนึ่งคือมักจะสอนเรื่องอุดมการณ์และสอนให้ท่องจำ ทำให้เรียนจบมาแล้วแต่ยังขาดทักษะในการแก้ปัญหา คิดวิเคราะห์ และทักษะอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในโลกแห่งการทำงาน ซึ่งหวังว่าชาวเวียดนามที่มีประสบการณ์ในต่างประเทศจะเข้ามาเชื่อมช่องว่างเหล่านี้ได้ เพื่อให้เวียดนามมีความเป็นสากลมากขึ้น 

ฟังรายการวิทยุ 'คนข่าวมองข่าว' จันทร์ – ศุกร์ 17.00-18.00น. 101 FM///// "ก้าวไกล" อาจจะเสี่ยงโดนยุบพรรค...ไม่รู้ว่าพรรคก้าวไกลจะทำอย่างไรต่อแต่อาจจะมีแผนสำรองไว้ในใจหรือเปล่า ? หรือจะมีพรรคสำรองรอไว้อยู่แล้วมารอติดตามกันต่อไปว่าพรรคก้าวไกลจะกลายเป็นพรรคที่ถูกลืมหรือไม่."ทักษิณ" ใกล้จะหลุดพ้นบ่วงกรรม ไม่ว่าใครก็รู้ๆกันทั้งนั้นไม่แน่คืนพรุ่งนี้อาจจะไปโผล่ที่รพ.

เมื่อเข้าวันที่ 18 ก.พ.67คงเดินออกมาตัวปลิวพร้อมนัดสัมภาษณ์กับนักข่าวเเต่ความวุ่นวายคงจะหนีไม่พ้นคนมาชุมนุม หวังว่าจะไม่มีอะไรวุ่นวายเกิดขึ้นก็พอ.มองไม่เห็นเลยว่า เรื่องของกฎหมายยาเสพติดจะแก้ไขได้คนนอกไม่มีทางกล้าเข้าไปช่วยเหลือ กลุ่มคนที่ติดยาเสพติดเพราะอาจจะถูกคนติดยาทำร้ายแทนหรือ ถูกกล่าวหาว่ายุ่งแทนสิ่งที่สามารถช่วยเหลือได้มากคือไปจับคนค้ายาจะดีกว่า.

สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ YouTube “คนข่าวมองข่าว”https://www.youtube.com/channel/UCw2u2QsTJC6d0eRi1X5imhgSpotify "คนข่าวมองข่าว" : https://open.spotify.com/show/0ncmBYgQtWrn3xcWBL8dVy

นายอีริค อดัมส์ นายกเทศมนตรีมหานครนิวยอร์กประกาศเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ว่า ได้ยื่นฟ้องบริษัทแม่ของติ๊กต๊อก อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก สแนปแชต และยูทูบ โดยกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเหล่านี้กำลังทำลายสุขภาพจิตของเด็กและวัยรุ่นในนิวยอร์ก 

โจทก์ชี้ว่าบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ละเมิดกฎหมายของเมืองหลายข้อ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรบกวนหรือสร้างความเดือดร้อนต่อสาธารณะ และประมาทอย่างร้ายแรง เนื่องด้วยวิธีการออกแบบและทำการตลาดส่งเสริมแพลตฟอร์มเพื่อให้เยาวชนเสพติด นอกจากนี้ โจทก์ยังกล่าวว่าเขตการศึกษาในมหานครนิวยอร์ก ตลอดจนบริการด้านสุขภาพและบริการด้านสังคมต่าง ๆ ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากเด็ก ๆ ที่ประสบปัญหาด้านสุขภาพจิต ซึ่งเป็นผลจากการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย 

โฆษกของติ๊กต๊อกระบุว่า บริษัทได้ใช้มาตรการด้านการป้องกันระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรมสำหรับเยาวชน ซึ่งรวมถึงการควบคุมโดยผู้ปกครอง และฟีเจอร์สำหรับการจำกัดอายุ 

ขณะที่ตัวแทนของกูเกิลกล่าวว่า “การมอบประสบการณ์ทางออนไลน์ที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพแก่เยาวชนถือเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินงานของเรามาโดยตลอด” 

ทางด้านเมตาชี้แจงว่า บริษัทได้ใช้เวลา 10 ปี ในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ และมีเป้าหมายเพื่อให้เยาวชนได้รับประสบการณ์ทางออนไลน์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับวัย พร้อมเสริมว่ามีเครื่องมือและฟีเจอร์ต่าง ๆ มากกว่า 30 รายการ เพื่อสนับสนุนเยาวชนและพ่อแม่ผู้ปกครอง 

นับว่าเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญนะคะ เพราะสื่อโซเชียลมีเดียสมัยนี้สามารถเข้าถึงสื่อที่อันตรายต่อเด็กเเละเยาวชนได้มากขึ้น ทั้งนี้บริษัทต่างๆเองก็ควรให้ความร่วมมือ มีการป้องกันสื่อบางประเภทให้หนาแน่นกว่าเดิม และทางด้านผู้ปกครองเองก็ควรดูแลและให้คำปรึกษาเด็กๆอย่างใกล้ชิดเช่นกัน  

โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากขบวนเสด็จฯจึงทรงมีพระราโชบาย ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อำนวยความสะดวกให้มีความเหมาะสมในส่วนของพระองค์และช่องทางของประชาชนโฆษกรวมไทยสร้างชาติเองก็ส่งสารไปหา "พิธา" เพราะว่านายพิธานั้นมักชอบใช้คำพูดวาทศิลป์ในการชักชวนคนรุ่นใหม่ ควรที่จะออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์มากกว่านี้.ส่วนเรื่องของยาบ้าทาง “พล.ต.ท.เรวัช” หวั่นกฎกระทรวงยาบ้า 5 เม็ด กลายเป็นกฎหมายคุ้มครองคนผิด-ใช้ดุลยพินิจแทนศาล จี้นายกฯประกาศปราบยาเป็นวาระแห่งชาติ.

สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ YouTube “คนข่าวมองข่าว”https://www.youtube.com/channel/UCw2u2QsTJC6d0eRi1X5imhgSpotify "คนข่าวมองข่าว" : https://open.spotify.com/show/0ncmBYgQtWrn3xcWBL8dVy

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โบอิ้ง (Boeing) ได้รับคำสั่งซื้อเครื่องบินจากการบินไทยอย่างน้อย 45 ลำ ท่ามกลางการเผชิญกับการถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด หลังเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 9 ของสายการบินอลาสกา แอร์ไลน์ประสบเหตุชิ้นส่วนบริเวณผนังเครื่องบินหลุดกลางอากาศ 

โดยการบินไทย เพิ่งเสร็จสิ้นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ได้เปิดเผยในในวันที่ 14 ก.พ. ว่า คำสั่งซื้อดังกล่าวรวมถึงโอกาสความเป็นไปได้ในการสั่งซื้อเครื่องบินเพิ่มเติม โดยเครื่องบินใหม่เหล่านี้จะเข้าร่วมกับฝูงบินของสายการบินในช่วงปี 2570-2576 และข้อตกลงดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการชำระหนี้ที่กำลังดำเนินอยู่ 

นอกจากนี้รายงานระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อของโบอิ้งเพิ่มขึ้น หลังจากที่บริษัทเพิ่งบรรลุข้อตกลงสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง MAX 150 ลำ จากสายการบินอากาสา แอร์ ของอินเดีย และคาดว่าโบอิ้งจะบรรลุข้อตกลงกับการบินไทยได้ หลังจากที่การบินไทยไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับแอร์บัส เนื่องจากข้อพิพาทเรื่องราคาเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ 

อย่างไรก็ตาม โบอิ้งยังคงเผชิญกับผลกระทบที่เกิดจากปัญหาเครื่องบิน 737 MAX 9 ของสายการบินอลาสกา แอร์ไลน์ ซึ่งนำไปสู่คำสั่งห้ามบินเครื่องบินรุ่นดังกล่าวมากกว่า 170 ลำ รวมถึงการตรวจสอบอย่างละเอียดเกี่ยวกับแนวทางด้านการผลิต การควบคุมคุณภาพ รวมถึงบริษัทสัญญาจ้างของโบอิ้งด้วย 

ขณะเดียวกัน โบอิ้งยังได้ประกาศในเดือนนี้ว่า บริษัทวางแผนชะลอการผลิตเครื่องบิน 737 MAX ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ภายใต้การจับตาอย่างใกล้ชิดของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐ (FAA) 

นับว่าเป็นข่าวที่ต้องรอติดตามความคืบหน้ากันต่อไปค่ะ ไม่แน่ในอนาคตไทยเราอาจจะได้ทำธุรกิจกับโบอิ้งในระยะยาวก็ได้เช่นกันค่ะ 

ร้อนมากขึ้น! จนสังเกตได้ เตรียมตัวได้เลยเมษานี้...ทวีคูณความร้อนนอกจากนี้แล้วเรื่องฝุ่นเองก็รุนเเรงมากขึ้นทุกวัน แดงไปหมดทั่วกรุงฯอย่างไรก็ตาม อยากให้ประชาชนไม่ประมาท สวมใส่หน้ากากอนามัยกันด้วยเมื่อไปข้างนอกทุกครั้ง ห้ามลืม!.

ไม่ว่าจะค่าน้ำมัน ค่าไฟ ที่เเพงขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีจะลดลง ทำให้คนที่ได้รับความเดือดร้อนต่างๆต้องมาตกอยู่ที่ประชาชน ถึงแม้รัฐบาลจะยืนยันว่าจะพยายามควบคุมค่าไฟ ไม่ให้แพงไปมากกว่านี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าประชาชนตาดำๆจะเชื่อได้หรือไม่ ?.

สามารถรับฟังย้อนหลังได้ที่ YouTube “คนข่าวมองข่าว”https://www.youtube.com/channel/UCw2u2QsTJC6d0eRi1X5imhgSpotify "คนข่าวมองข่าว" : https://open.spotify.com/show/0ncmBYgQtWrn3xcWBL8dVy

บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป (Toyota Motor Corp) ระบุในวันที่ 13 ก.พ. ว่า ทั้งประธานและประธานกรรมการบริหารของไดฮัทสุ มอเตอร์ (Daihatsu Motor) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของโตโยต้าจะลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากกระทำการที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวข้องกับการทดสอบความปลอดภัยด้านการชน 

นายมาซาฮิโระ อิโนะอุเอะ ซีอีโอของโตโยต้าประจำภูมิภาคลาตินอเมริกาและแคริบเบียน จะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนนายโซอิจิโระ โอกุไดระ ในตำแหน่งประธานของไดฮัทสุ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 

ด้านนายโอกุไดระนั้นทำงานที่โตโยต้ามาเป็นเวลาเกือบ 40 ปีนับตั้งแต่ปี 2522 ก่อนที่เขาได้ขึ้นเป็นประธานของไดฮัทสุในปี 2560 หนึ่งปีหลังจากที่ไดฮัทสุกลายเป็นบริษัทในเครือของโตโยต้าในปี 2559 ส่วนนายซูนาโอะ มัตสึบายาชิ ประธานกรรมการบริหารของไดฮัทสุจะลาออก โดยไม่มีใครมาดำรงตำแหน่งแทนที่ 

ทั้งนี้ เนื่องจากการหลอกลวงในด้านการทดสอบความปลอดภัย ไดฮัทสุจะถูกถอดออกจากความร่วมมือด้านยานยนต์เชิงพาณิชย์ที่เรียกว่า คอมเมอร์เชียล เจแปน พาร์ตเนอร์ชิป เทคโนโลยี (CJPT) 

ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงจากแถลงการณ์ว่า หุ้น 10% ของไดฮัทสุใน CJPT จะถูกโอนให้กับโตโยต้านั่นเองค่ะ 

ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ทางบริษัทได้เรียนรู้มากยิ่งขึ้นนะคะ หลังจากนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาดำรงตำแหน่งประธาน หวังว่าจะไม่มีเรื่องของการทุจริตเข้ามา นอกจากจะทำให้สูญเสียภาพลักษณ์แล้วยังทำให้ผู้บริโภคไม่ไว้ใจในตัวแบรนด์อีกด้วยค่ะ