ผู้มีราตรีเดียวเจริญ คือผู้มีสติ ประกอบพร้อมด้วยอริยมรรคอยู่จึงอาจหมายถึง
๑. พระอรหันต์ ผู้มีสติสมบูรณ์พร้อมด้วยอริยมรรคอยู่เป็นปกติ รู้แจ้งโลก ไม่ถือมั่นอดีต อนาคต ปัจจุบัน แม้จะปรารภอดีต อนาคต ปัจจุบัน ก็รู้ชัดสิ่งนั้น ไม่ถือมั่นอดีต อนาคต ปัจจุบันโดยความเป็นอัตตาอยู่เป็นปกติ
๒. เสขบุคคล สมัยที่มีสติ สมัยที่กำลังเดินมรรค แม้จะปรารภอดีต อนาคต ปัจจุบัน ก็ย่อมจะรู้ชัดในสิ่งนั้น และจะไม่ถือมั่นอดีต อนาคต ปัจจุบันโดยความเป็นอัตตาได้ในที่สุด
การคิดถึงอดีต การคิดถึงอนาคต การคิดถึงปัจจุบัน เป็นธรรมชาติ เป็นธรรมดา แต่พระอรหันต์รู้ชัดอดีต อนาคต ปัจจุบัน แม้จะคิด แม้จะพูด เรื่องอดีต อนาคต ปัจจุบัน ก็รู้ชัดสิ่งนั้น ว่าเป็นสังขตธรรม ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เสขบุคคลถ้าคิดถึงอดีต อนาคต ปัจจุบัน และขาดสติ สมัยนั้น ในอดีต อนาคต ปัจจุบัน ที่กำลังคิดถึงก็ประกอบด้วยอัตตา แต่หากมีสติ พิจารณาเห็นเรื่องราวในอดีต อนาคต ปัจจุบัน โดยความเป็นสังขตธรรม ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาได้ สมัยนั้นก็ชื่อว่าเป็นผู้มีราตรีเดียวเจริญ