
Sign up to save your podcasts
Or


Q: “ความทุกข์ที่เป็นไปสามรอบ” เป็นอย่างไร?
A: ข้อความนี้มาในปฐมเทศนา พระสูตรที่ชื่อว่า “ธรรมจักรกัปวัฒนสูตร” ท่านได้ตรัสถึงอริยสัจสี่ที่มีรอบ 3 อาการ 12 ก็คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค พิจารณาทั้ง 4 อย่าง ๆ ละ 3 รอบ
รอบที่ 1 รู้ว่า “นี้คือทุกข์”
รอบที่ 2 รู้หน้าที่ที่ต้องทำกับทุกข์ ตัณหาต้องละ คือ การตระหนักว่าหน้าที่ต่อทุกข์ คือ “ต้องกำหนดรู้”
รอบที่ 3 รู้ว่า “ได้ทำหน้าที่เสร็จแล้ว”
Q: วิมุตกับนิพพาน ต่างกันอย่างไร?
A: “วิมุต” คือพ้น / เหนือ แยกจากกัน ท่านเปรียบเทียบกับ ใบบัวกับน้ำ โดนกันอยู่ก็จริงแต่มันไม่เนื่องกัน , ส่วน “นิพพาน” แปลว่า ดับ ใช้ในลักษณะดับจากกิเลส ดับไปในธรรมะของข้อใด ๆ เช่น เปลวไฟดับ คือดับไป
Q: เมื่อเข้าใจสภาวะของจิตแล้ว จะหลุดพ้นได้อย่างไร?
A: จิตยึดถือโดยความเป็นตัวตน ว่าเป็นตัวเราของเรา เป็นจิตของเรา จิตจึงมีตัวตน พอจิตไปรับรู้ รูป เวทนา สัญญา สังขาร ผ่านวิญญาณ ก็ไปยึดสิ่งต่าง ๆ ผ่านวิญญาณ ว่านี่รูปของฉัน เวทนาของฉัน ซึ่งเข้าใจผิดมันจึงทุกข์ คือพอเราเพลินเราพอใจ นั่นคือ “อุปาทาน” คือความยึดถือ คือ “ตัณหา” เป็นเหตุแห่งทุกข์ มันจึงทุกข์ แต่พอเราเข้าใจสภาวะของจิตใหม่ให้ถูกว่า สิ่งทั้งหลายนั้น ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของฉัน ไม่ใช่ตัวฉัน ไม่ใช่ตัวตนของฉัน ไม่ใช่อัตตาของเรา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่เป็นตัวตนของเรา มันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ตามสภาวะของมัน ความยึดถือมันจะอยู่ไม่ได้ พอมันอยู่ไม่ได้ มันก็ไม่ทุกข์ เพราะความยึดถือคือเหตุของทุกข์ ถ้าเราไม่มีเหตุของทุกข์ เราก็ไม่ทุกข์
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.
By ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana5
11 ratings
Q: “ความทุกข์ที่เป็นไปสามรอบ” เป็นอย่างไร?
A: ข้อความนี้มาในปฐมเทศนา พระสูตรที่ชื่อว่า “ธรรมจักรกัปวัฒนสูตร” ท่านได้ตรัสถึงอริยสัจสี่ที่มีรอบ 3 อาการ 12 ก็คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค พิจารณาทั้ง 4 อย่าง ๆ ละ 3 รอบ
รอบที่ 1 รู้ว่า “นี้คือทุกข์”
รอบที่ 2 รู้หน้าที่ที่ต้องทำกับทุกข์ ตัณหาต้องละ คือ การตระหนักว่าหน้าที่ต่อทุกข์ คือ “ต้องกำหนดรู้”
รอบที่ 3 รู้ว่า “ได้ทำหน้าที่เสร็จแล้ว”
Q: วิมุตกับนิพพาน ต่างกันอย่างไร?
A: “วิมุต” คือพ้น / เหนือ แยกจากกัน ท่านเปรียบเทียบกับ ใบบัวกับน้ำ โดนกันอยู่ก็จริงแต่มันไม่เนื่องกัน , ส่วน “นิพพาน” แปลว่า ดับ ใช้ในลักษณะดับจากกิเลส ดับไปในธรรมะของข้อใด ๆ เช่น เปลวไฟดับ คือดับไป
Q: เมื่อเข้าใจสภาวะของจิตแล้ว จะหลุดพ้นได้อย่างไร?
A: จิตยึดถือโดยความเป็นตัวตน ว่าเป็นตัวเราของเรา เป็นจิตของเรา จิตจึงมีตัวตน พอจิตไปรับรู้ รูป เวทนา สัญญา สังขาร ผ่านวิญญาณ ก็ไปยึดสิ่งต่าง ๆ ผ่านวิญญาณ ว่านี่รูปของฉัน เวทนาของฉัน ซึ่งเข้าใจผิดมันจึงทุกข์ คือพอเราเพลินเราพอใจ นั่นคือ “อุปาทาน” คือความยึดถือ คือ “ตัณหา” เป็นเหตุแห่งทุกข์ มันจึงทุกข์ แต่พอเราเข้าใจสภาวะของจิตใหม่ให้ถูกว่า สิ่งทั้งหลายนั้น ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ของฉัน ไม่ใช่ตัวฉัน ไม่ใช่ตัวตนของฉัน ไม่ใช่อัตตาของเรา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่เป็นตัวตนของเรา มันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ตามสภาวะของมัน ความยึดถือมันจะอยู่ไม่ได้ พอมันอยู่ไม่ได้ มันก็ไม่ทุกข์ เพราะความยึดถือคือเหตุของทุกข์ ถ้าเราไม่มีเหตุของทุกข์ เราก็ไม่ทุกข์
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

81 Listeners

3 Listeners

2 Listeners

5 Listeners

3 Listeners

2 Listeners

2 Listeners

7 Listeners

64 Listeners

5 Listeners

7 Listeners

6 Listeners

18 Listeners

2 Listeners

1 Listeners

1 Listeners

0 Listeners

0 Listeners