20 ก.ย. 67 - เผชิญความกลัวด้วยสติ : แต่บางทีการยอมเผชิญหน้ากับมัน กลับพบว่า มันไม่มีอะไรที่น่ากลัว ความเครียดที่เคยเกิดขึ้นกับการต่อสู้ ขัดขืน หรือวิ่งหนี มันก็หายไป กลายเป็นความผ่อนคลาย เพราะฉะนั้น เวลาเรามีความรู้สึกใด ๆ ที่มารบกวนจิตใจ อาจจะไม่ใช่แค่ความกลัว อาจจะเป็นความรู้สึกผิด หรือแม้แต่อารมณ์อื่นก็ตาม รวมทั้งความคิดด้วย การที่ครูบาอาจารย์สอนว่า อย่าไปกดข่มมัน อย่าไปต่อสู้กับมัน แค่ให้รู้ซื่อ ๆ นี่มันเป็นวิธีการที่ช่วยได้มาก มีพลังมาก
สมัยพุทธกาล มีพระจำนวนมากโดนมารมาหลอก อย่างพระสมิทธิ ภาวนาอยู่ในป่า ปรากฏว่าโดนมารมาหลอกด้วยการทำให้เกิดแผ่นดินไหว พระสมิทธิก็หนีเลย หนีไปเชตวัน พระพุทธเจ้าถามว่าเกิดอะไรขึ้น พระสมิทธิก็เล่าให้ฟัง
พระพุทธเจ้าบอกว่า ทีหลัง เวลามันมีแบบนี้อีกนะ พูดกับมารเลยว่า “มาร เรารู้จักเจ้าเสียแล้ว เจ้าทำอะไรเราไม่ได้อีกแล้ว” พระสมิทธิก็เชื่อ พอไปภาวนาอีก เจอแผ่นดินไหวอีก พระสมิทธิรู้เลยว่า ฝีมือมาร ก็เลยบอกว่า “มาร เรารู้แล้วว่าคือเจ้า” แค่นี้ มารก็ถอยหนีเลย มารมันจะมีฤทธิ์มากมายเพียงใด แม้มันจะมีฤทธิ์มากมายกว่ามนุษย์ แต่สิ่งที่มันกลัวคือ การถูกรู้ทัน ไม่ต้องหนีมัน แค่เผชิญหน้ากับมัน แล้วก็บอกมันว่า เรารู้ทันมัน
ทุกอารมณ์ต่าง ๆ ก็เหมือนกัน ถ้าเรารู้ทันมัน มันก็พ่ายแพ้ อยู่ที่ว่าเราจะรู้ทัน เพราะมีสติมากพอหรือเปล่า ส่วนใหญ่นี่พอมีความกลัว ก็หนีเลย หนี แล้วก็ปล่อยให้มันหลอกหลอนไล่ล่า แต่ถ้าเราหันหน้าเผชิญกับมัน เราก็สามารถที่จะถอนพิษสง หรือว่าทำให้มันหมดอำนาจขึ้นมาได้
การรู้ซื่อ ๆ หรือการเผชิญหน้ากับอารมณ์ต่าง ๆ ที่เคยรบกวนหลอกหลอนเรา จึงเป็นวิธีการที่สำคัญมากที่ไม่ว่าในยามสุข หรือในยามทุกข์ ในยามปกติ หรือยามป่วยไข้ มันเป็นวิธีที่ทรงพลังมาก ในการที่จะพาใจของเราให้กลับมาเป็นปกติ