"สัมมาสมาธิคือความตั้งมั่นของจิต จะเป็นเหตุให้เราเจริญปัญญาได้ ถ้าจิตเราไหลอยู่ตลอดเวลา จะไปรู้อะไรได้ ก็หลงไปเรื่อยๆ สมาธิแปลว่าความตั้งมั่น อย่าไปแปลสมาธิว่าสงบ ที่เราต้องฝึกนั้นคือฝึกให้จิตตั้งมั่น จิตสงบมีมาก่อนพระพุทธเจ้า แล้วอย่างสงบแล้วก็มีความสุขไป พอออกจากสมาธิก็ทุกข์เหมือนเดิม บางคนทุกข์มากกว่าเก่าอีก เพราะฉะนั้นเราฝึกให้จิตตั้งมั่น วิธีฝึกให้จิตตั้งมั่น จิตเป็นอนัตตาเราสั่งให้ตั้งมั่นไม่ได้ แต่ให้เรารู้ทันจิตที่ไม่ตั้งมั่น ฉะนั้นวิธีทำจิตให้ตั้งมั่นก็คือ มีสติรู้ทันจิตที่ไม่ตั้งมั่น คือรู้ทันจิตที่ไหลไปไหลมา หัดทำกรรมฐานอะไรก็ได้สบายๆ ที่เราถนัด อย่าไปมุ่งบังคับจิตให้สงบ ทำกรรมฐานไป สงบก็ได้ไม่สงบก็ได้ ไม่เป็นไร จุดสำคัญเราทำไปเพื่อจะรู้ทันจิตตัวเอง ไม่ได้ทำให้สงบ คนส่วนใหญ่กระทั่งในเมืองไทย นั่งสมาธิมุ่งไปที่สงบ ฉะนั้นจิตจะไม่ตื่นขึ้นมาจริงๆ เมื่อจิตไม่ตื่นขึ้นมา ไม่ตั้งมั่นจริง ทำวิปัสสนาไม่ได้ เจริญปัญญาไม่ได้จริง ตัวนี้ที่หลวงพ่อเห็นเป็นตัวแตกหักเลย ถ้าจิตของเราไม่ถูก ไปทำกรรมฐานอะไรก็ไม่ถูก แต่ถ้าจิตเราถูก แล้วตั้งมั่น รู้ ตื่น เบิกบานแล้ว ทำกรรมฐานอะไรก็ได้ ไม่ว่าสติจะระลึกรู้กาย รู้เวทนา หรือรู้จิตใจตัวเอง จิตตั้งมั่นแล้วจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่จิตไปรู้เป็นไตรลักษณ์หมดเลย ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ทั้งหมดเลย" หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช Eco Hotel 23 กรกฎาคม 2568