"ความสุขของคนหลงโลก มันไม่มีอะไรยั่งยืน มันไม่ใช่ความสุข มันเป็นความทุกข์ แต่ว่าความเขลา มันทำให้หลงไปกอดเอาความทุกข์มาเป็นความสุข อย่างร่างกายเรานี้คือตัวทุกข์ คนเขลาก็กอดร่างกายนี้ ว่าเป็นตัวเราของเรา จิตใจก็คือตัวทุกข์ คนเขลาก็ไปกอดจิตใจว่าเป็นตัวเราของเรา มันเป็นลำดับ คนธรรมดาไม่ได้ภาวนา มันก็ไปเกาะติดสิ่งโน้นสิ่งนี้ไปเรื่อยๆ นักภาวนา เราก็จะเห็น โอ้ เราเข้าไปยึดกายเราก็ทุกข์ เราไปยึดจิตเราก็ทุกข์ ถ้าไม่ยึดจะไม่ทุกข์ สติปัญญามันเพิ่มขึ้นแล้ว รู้ว่าถ้าอยาก ถ้ายึดก็ทุกข์ ไม่อยาก ไม่ยึด ก็ไม่ทุกข์ ก็พยายามจะไม่อยาก พยายามจะไม่ยึด ตรงพยายามไม่อยาก พยายามไม่ยึดนั่นล่ะ ยึดเรียบร้อยแล้ว ยึด ทฤษฎีว่า ถ้าไม่อยาก ไม่ยึด ก็ไม่ทุกข์ ยังยึดความเห็นนี้อยู่ แล้วทำไมมันอยากไม่ทุกข์ ก็เพราะมันรักตัวเอง มันถึงอยากไม่ทุกข์ อยากให้ไม่มีความอยาก เพื่อจะได้ไม่ทุกข์ เห็นไหมมันยังพลาดอยู่ใช่ไหม จริงๆ ก็คือยังหลงรักตัวเองอยู่นั่นเอง ถ้าภาวนาเรื่อยๆ ทำสติปัฏฐาน ทำวิปัสสนากรรมฐานไปตามลำดับ ไม่รีบร้อน ไม่คิดเอา สุดท้ายมันก็เห็นความจริง กายนี้คือตัวทุกข์ จิตนี้คือตัวทุกข์ จะอยากหรือไม่อยาก จะยึดหรือไม่ยึด กายนี้ก็คือตัวทุกข์ จิตนี้ก็คือตัวทุกข์ ถ้าเห็นอย่างนี้ เรียกว่าเราเห็นทุกขสัจแล้ว เห็นขันธ์ 5 เป็นตัวทุกข์ มันทุกข์โดยตัวของมัน มันทุกข์ ไม่ใช่ว่าเราต้องไปยึดมันถึงจะทุกข์หรอก อย่างเราไม่ยึดร่างกายนี้ ร่างกายยังทุกข์ไหม มันก็ยังทุกข์อยู่" หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 25 ตุลาคม 2568