อันแรกเลยถือศีล อันที่สองฝึกกรรมฐานในรูปแบบ ฝึกกรรมฐานอะไรก็ได้ที่เราถนัด วันไหนจิตใจเราฟุ้งซ่านไม่มีแรง น้อมจิตไปอยู่กับอารมณ์กรรมฐานที่มีความสุข สงบก็ช่างไม่สงบก็ช่าง แต่ว่าระลึกถึงอารมณ์นั้นเรื่อยๆ แป๊บเดียวก็สงบ วันไหนใจเราสงบแล้ว สังเกตที่จิต จิตหนีไปรู้ทัน จิตถลำไปเพ่งรู้ทัน จิตจะตั้งมั่น เมื่อจิตตั้งมั่นแล้วก็ถึงขั้นเจริญปัญญาได้ เราก็จะเห็นเลยร่างกายกับจิตเป็นคนละอัน อย่างขณะนี้ฟังหลวงพ่อเทศน์จะมีสมาธิระดับหนึ่ง จะรู้สึกง่ายๆ เลยร่างกายถูกรู้ ของที่ถูกรู้ไม่ใช่ตัวเรา จะเห็น จะเห็นความรู้สึกสุขทุกข์ถูกรู้ ไม่ใช่เรา กุศลอกุศลถูกรู้ไม่ใช่เรา ส่วนจิต จิตเองก็เกิดดับ จิตไม่ได้มีดวงเดียว จิตเดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ จิตเดี๋ยวก็เป็นผู้หลง เดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ เดี๋ยวก็เป็นผู้ไปดูรูป เดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ เดี๋ยวเป็นผู้ไปฟังเสียง จะเกิดดับไปเรื่อยๆ หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 25 มิถุนายน 2568