"เวลาทำกรรมฐาน ถ้าจิตหลงไปแล้ว รู้จิตเผลอไปแล้วรู้ ฝึกบ่อยๆ ทีแรกก็จะหลงยาวหลงนาน พอฝึกชำนิชำนาญ จิตไหลแป๊บเห็นแล้ว จิตเคลื่อนปั๊บเห็นแล้ว จิตที่หลงก็จะสั้นลง แต่จิตที่หลงก็จะเกิดถี่ยิบเลย สลับกับจิตที่รู้ถี่ยิบเลย จิตก็จะมีกำลังขึ้นมาตั้งมั่นขึ้นมาได้ "ถ้าเราผิดในข้างเพ่ง เวลาเราไปเพ่งอย่าไปตกอกตกใจ นักปฏิบัติร้อยละร้อยคิดถึงการปฏิบัติเมื่อไรเพ่งเมื่อนั้น เพ่งก็คือการบังคับกายบังคับใจ แทนที่จะรู้กายอย่างที่กายเป็นรู้ใจอย่างที่ใจ ก็ไปบังคับกายบังคับใจ เริ่มปฏิบัติจะบังคับทันทีเลย พอเรารู้จักสภาวะของการเพ่งการบังคับ พอจิตไปเพ่ง เรารู้ทัน รู้ทันการเพ่งกับรู้ทันการเผลอต่างกัน จิตที่เผลอจิตที่หลงเป็นอกุศลจิต เพราะฉะนั้นทันทีที่เรารู้ว่าหลงรู้ว่าเผลอ อกุศลดับ จิตจะตื่นขึ้นทันทีเลย แต่การเพ่งเป็นการพยายามทำความดี ไม่ใช่ทำชั่วเป็นความปรุงดี ฉะนั้นเราไปเห็นการเพ่ง การเพ่งยังไม่ดับ ต้องรู้ลึกลงไปอีกชั้นหนึ่ง ที่เพ่งเพราะอยาก อยากปฏิบัติ อยากรู้ อยากเห็น อยากเป็น อยากได้ อยากดี พอมีความอยากเกิดขึ้นก็เลยเกิดการเพ่งขึ้น พอเราเห็นความอยาก ความอยากดับ การเพ่งก็ดับ" หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม 28 กรกฎาคม 2568