ลมใต้ปีก ที่พาพรรคภูมิใจไทย ขึ้นมาอยู่ในเกมอำนาจเวลานี้คือ คำที่เรียกว่ากระแส ‘ชาตินิยม’
แต่หากชาตินิยมถูกใช้แบบดื้อสบู่ ไม่รู้จังหวะ ไม่รู้ขอบเขต มันจะเปลี่ยนเป็นพายุที่ถาโถมกลับมาหาตัวเองได้
การสู้รบระหว่าง ไทย-กัมพูชา ถูกหยิบมาอธิบายในเชิงอารมณ์มากกว่าคลี่คลายปัญหา และความขัดแย้งอาจยิ่งกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองได้
ในศึกการเมืองสามก๊ก ส้ม–แดง–น้ำเงิน ส้มครองพื้นที่ความคาดหวังของคนรุ่นใหม่ แดงต้องฟื้นพลังกลับมาที่จุดพูดแล้วทำได้ ส่วนน้ำเงิน หากยังผูกตัวเองกับชาตินิยมแบบแข็งทื่อ จะยิ่งถูกบีบพื้นที่ ขยับไม่ได้
โลกวันนี้ประชาชนถามหาเศรษฐกิจ ปากท้อง และอนาคต ซึ่งถือเป็นอีกแนวรบที่สำคัญ
สมการเลือกตั้งที่มีประชาชนตอนกาบัตร แต่หลังจากนั้นเป็นเกมอำนาจที่ไร้ประชาชน
เมื่อการเมืองเหลือแค่การจัดวางสีและจับมือคุมเกม
พลังของประชาชน ที่ไม่ถูกประคองจะย้อนมาทำลายเจ้าของมันเอง
คำถามจึงไม่ใช่ชาตินิยมดีหรือไม่ดี แต่คือใครคุมพวงมาลัยของรถคันนี้ ที่จะพามันไปข้างหน้า หรือปล่อยให้มันย้อนศรกลับมาเป็นภาระอีกครั้ง