หนูอยากทราบว่าเราตายไปจะไปที่ไหนคะ แล้วเรามีหลักฐานไหมคะว่าทำไมตายไปแล้วถึงได้ไปที่นั่น?
คือเรื่องนี้เราต้องยอมรับว่า คนเรานี่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ เพราะเรายังไม่ตาย แต่ว่าตั้งแต่สมัยพุทธกาลก็มีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เกิดญาณระลึกชาติได้ รู้แจ้งเห็นจริง เปิดเผยให้ทราบเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เริ่มตั้งแต่พระพุทธเจ้าเอง ในพระไตรปิฎกก็ได้เล่าถึงเรื่องนี้มาก
ทีนี้ความรู้ของพระพุทธเจ้า ความรู้ของผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่ใช่ความรู้ของเรา เพราะฉะนั้นถ้าจะเชื่อ เราก็เชื่อด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนว่า ยังไม่รู้ยังไม่เห็นเอง แต่ว่าเชื่อไว้ก่อน ถ้ามีใครถามว่าทำไมถึงเชื่อ ก็บอกว่าในคำสอนของพระพุทธเจ้า ของครูบาอาจารย์ ในเรื่องที่เราพิสูจน์ได้ ปรากฏว่าจริงหมด ถูกหมด เพราะฉะนั้นเราถือว่าพระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่เราไว้ใจ ครูบาอาจารย์เป็นผู้ที่เราไว้ใจ เพราะในสิ่งที่ท่านเคยสอน ที่เราดูเองได้ ไม่มีที่คัดค้านได้เลย
เปรียบเทียบเหมือนในโลกวิทยาศาสตร์ ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ อย่างเช่น เกี่ยวกับฟิสิกส์ ควอนตัมฟิสิกส์ คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์จะพิสูจน์ได้เอง แต่ว่าเราไว้ใจไอนสไตน์ เราไว้ใจนักวิทยาศาสตร์ชั้นยอดว่า เออ...ท่านมีความรู้มาก เราไว้ใจท่านไว้ก่อน ทั้งๆ ที่เราไม่รู้กับตัวเอง
เพราะฉะนั้นเรื่องความเชื่อ ความเชื่อนี่เราเลี่ยงไม่ได้ เพียงแต่ว่าเราต้องระวัง อย่าไปคิดว่าต้องจริงเพราะเราเชื่อ เพราะว่าเราเชื่อแต่อยู่ในระหว่างการพิสูจน์ แต่ตอนนี้ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ แต่เชื่ออย่างมีเหตุมีผล
ส่วนเราตายแล้วไปไหน เราจึงเชื่อตามที่พระพุทธองค์สอนว่า มันจะตรงกับสิ่งที่เราเคยทำ เคยพูด เคยคิด เป็นประจำ ถ้าจิตใจของเราหยาบ เราก็จะไปเกิดที่หยาบ จิตใจเราละเอียด เราจะไปเกิดที่ละเอียด เราจะไปอยู่ที่มันเหมาะกับเรา ที่มันสอดคล้องกับคุณภาพของจิตใจของเรา
อย่างไรก็ตาม คำถามว่า เราตายแล้วไปไหน ต้องย้อนถามว่า หมายถึงใคร แล้วตัวเราที่ตายแล้วไปไหน เดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหน ทีนี้ถ้าเรายังตอบไม่ได้ว่า ตัวเราในปัจจุบันอยู่ที่ไหน เราจะไปหวังได้อย่างไรว่าเราจะได้เข้าใจว่าตายแล้วไปไหน เพราะฉะนั้นเราไปหาตัวเองในปัจจุบันดีกว่า เราจึงค่อยคุยเรื่องหลังตาย
พระอาจารย์ชยสาโร