คอร์สอานาปานสติ วันที่ 20-23 มี.ค. 68 ณ วัดบุปผาราม กทม. โดย พระกิตติวิมลเมธี (พระอาจารย์สุชีพ สุธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดบุปผาราม วรวิหาร
ในชีวิตจริงๆของเราที่เคลื่อนไหวอยู่ไม่มีอะไรอยู่นอก ๒ อย่างนี้ อิริยาบถใหญ่กับอิริยาบถย่อยเท่านั้น อิริยาบถใหญ่คือ ยืน เดิน นั่ง นอน อิริยาบถย่อยก็เป็นการเคลื่อนไหวที่ซ้อนอยู่ในอิริยาบถใหญ่ เคลื่อนไหวในขณะที่นั่ง เคลื่อนไหวในขณะที่ยืน เคลื่อนไหวในขณะที่นอน เคลื่อนไหวในขณะที่เดินถ้ามันมีสติอยู่ในทั้งในอิริยาบถใหญ่ทั้งในอิริยาบถย่อยก็จบ การปฏิบัติธรรมก็จะดําเนินการต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แต่จิตนิ่งอยู่ที่ฐานมีกําลังตั้งมั่นไม่พอ เราก็ต้องอาศัยอะไร? อาศัยปฐมจิต ก่อนที่จะเกิดกิริยา อย่างเช่น จะไปจับพวงมาลัย ถ้าจิตหลุดออกไปกับกิริยาจับพวงมาลัย อย่างนี้มันหลุดใช่ไหม? มันไม่ได้เกิดจากจิตที่นิ่งอยู่ที่ฐาน อ้าว วางใหม่ ถ้ามันตั้งใจจะจับพวงมาลัย ก็เข้าสู่ฐานก่อน ให้มีสติเกิดจากจิตที่นิ่งอยู่ที่ฐาน แล้วไปรับรู้การจับพวงมาลัย โดยที่จิตไม่ได้หลุดออกไปเลย แค่มีสติเข้าไปรับรู้ ได้ไหม? มันก็ได้ มันก็ง่ายอยู่นะ
เราพูดกันนี่เป็นเรื่องของนามธรรม ที่อธิบายความให้ฟังเพื่อเกิดความเข้าใจ แล้วก็ไปปฏิบัติ พอไปปฏิบัติแล้วมันมีสภาวะเหล่านั้นน่ะมารองรับความเข้าใจที่เกิดจากการฟังมันจึงจะได้ มันก็จะเป็นปัจจัตตังของแต่ละคน แต่ละคน แต่ละคน ฟัง คิด เข้าใจแล้วไม่ปฏิบัติให้มีสภาวะมารองรับ มันก็จะไม่สามารถที่จะเข้าถึงธรรมแต่ละอย่างๆได้
อย่างการดูสิ่งที่เราเห็น การเห็นนี่ธรรมะเกิดขึ้นหรือยัง? เกิดขึ้นแล้ว มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? เพราะการเห็นนี้มันเป็นธรรมะ มันเป็นความจริงใช่ไหม? ความจริงที่เกิดจากอะไร? เกิดจากสติที่เข้าไปรับรู้ ไปรับทราบต่อรูป ซึ่งปรากฏต่อจักขุประสาท จิตมันไม่ได้ไปด้วย มันก็เห็นหน้าเป็นโยมอย่างเดิมนั่นแหละ แต่จิตมันไม่ไหลเข้าไปด้วย นั่นก็เป็นธรรมะแล้ว
ได้ยินเสียง เสียงกระทบกับหู ถ้าจิตมันอยู่ข้างในมีสติเข้าไปรับทราบเสียงที่กระทบกับหู มันรู้ไหม? มันรู้ด้วยสติ แต่จิตมันไม่ได้เอาด้วย มันไม่ได้ไหลเข้าไปด้วย
เพราะฉะนั้นเส้นทางในการฝึกฝน มันฝึกไปแนวทางอย่างนี้นะ มันจึงจะเป็นสติปัฏฐาน จิตมันจึงจะเป็นกลาง ที่มันเป็นกลาง คือ จิตไม่ออกไปเอาอะไร ไม่เว้นแม้แต่การปฏิบัติ
ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร? เพื่อให้มีธรรมะเป็นเครื่องประกอบในการดําเนินชีวิต ถึงเรียกว่าปฏิบัติธรรม ชีวิตที่มันไหลออกไปในกระแสโลกแต่ละวันแต่ละอย่างในกิริยาชีวิตของเรามันไม่ได้ประกอบไปด้วยธรรม เราจึงมาฝึก ฝึกให้ธรรมะมันตื่น ให้ธรรมะมันตั้งขึ้นที่จิตที่ชีวิต แล้วเวลาไปใช้ชีวิตให้ธรรมะนั้นไปประกอบกับกิริยาในการใช้ชีวิต แต่ละอย่างๆ ทางกายทางวาจาทางใจว่าไป อันนั้นแหละเรียกว่าปฏิบัติธรรม คือ ดําเนินชีวิตประกอบไปด้วยธรรม
เพราะฉะนั้นตัวปฐมจิต คือ จิตแรกก่อนที่เขาจะเกิดกิริยาต่างๆ ถ้าหากว่าความตั้งมั่นของจิตยังไม่เป็นธรรมชาติ ก่อนที่มันจะเกิดกิริยาใดๆ เราสามารถที่จะต่อยอดทุกอย่างด้วยจิตที่เป็นกลาง แล้วมีสติเข้าไปรับทราบในกิริยานั้นๆได้ทั้งหมดเลยด้วยการตั้งปฐมจิต
พอจิตเป็น สมาหิต เต็มตัว พอเขาตั้งมั่นโดยธรรมชาติเขา เขาจะมีคุณสมบัติ ๙ ประการ
๑) สมาหิเต ตั้งมั่นเรียบเสมอ ตั้งมั่นแบบสม่ำเสมอ
๒) ปริสุทฺเธ บริสุทธิ์ คือ ไม่เกลือกกลั้วกับอารมณ์ใดๆในขณะที่ตั้งมั่น เกิดสติเข้าไปรับทราบสิ่งที่ปรากฏเฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่เข้าไปเกลือกกลั้วกับอารมณ์
๓) ปริโยทาเต ผุดผ่อง
๔) อนงฺคเณ ไม่มีเนิน ไม่ไหลไปกับกิเลสที่เป็นดังเนิน ไม่อยู่ในอํานาจของนิวรณ์
๕) วิคตูปกฺกิเลเส คือ ปราศจากอุปกิเลส ปราศจากเครื่องเศร้าหมอง
๖) มุทุภูเต เป็นสภาพที่อ่อน คือ ไม่แข็งทื่อ
๗) กมฺมนิเย คือ คล่องแคล่วต่อการใช้งานทุกประเภท จะหยิบ จะกำ จะแบ จะเดิน จะนั่ง จะยืน จะนอน มันคล่องแคล่วไปหมด เหมาะกับการงานทุกประเภท
๘) ฐิเต คือ มั่นคง
๙) อาเนญฺชปฺปตฺเต ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งที่กระทบ
นี่คือลักษณะของความตั้งมั่น เพราะฉะนั้นถ้าเขามีกําลัง เราใช้สติบ่มจิตให้มีความตั้งมั่นอันมีกําลังขึ้นมา เป็นฐานกําลังขึ้นมา เขาจะมีคุณสมบัติแบบนี้ แล้วที่เป็นอยู่ไม่ใช่เกิดจากการบัญญัตินะมันเป็นโดยคุณสมบัติที่เป็นธรรมชาติของความตั้งมั่นนั้น
#พระกิตติวิมลเมธี #วัดบุปผาราม #อานาปานสติ #สติปัฏฐาน #ปฏิบัติธรรม #สมาธิ #สมาธิภาวนา #นั่งสมาธิ #วิปัสสนา #วิปัสสนากรรมฐาน#ปัญญา #ธรรมะในชีวิตประจำวัน #ธรรมะ #พระธรรมเทศนา #พุทธศาสนา #คำสอน #ความตั้งมั่น #จิตตสังขาร