พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเน้นสอนเรื่องเกี่ยวกับ “ความทุกข์และความดับทุกข์” ดั่งพุทธภาษิตที่ว่า “ภิกษุ ท. ก่อนแต่นี้ก็ดีบัดนี้ก็ดี ตถาคตบัญญัติ (เพื่อการสอน) เฉพาะเรื่องความทุกข์กับความดับแห่งทุกข์เท่านั้น” ปฏิจจสมุปบาท จึงจัดว่าเป็นหัวใจชองศาสนาและเป็นอริยสัจโดยสมบูรณ์เพราะแสดงให้เห็น ”ทุกข์” ด้วยลักษณะเป็นธรรมชาติที่ต่างอาศัยกันและกันแล้วเกิดขึ้นหรือดับลง กล่าวคือ ต่างอาศัยเหตุเกิด และเหตุดับ
ความหมายของปฏิจจสมุปบาทแต่ละอาการ :-
“เพราะมีชาติเป็นปัจจัย จึงมีชรามรณะ และเพราะชาติดับ ชรามรณะจึงดับ”
ชรา คือ ความแก่ ความมีผมหงอก หนังเหี่ยว ความสิ้นไป ๆ แห่งอายุความแก่รอบแห่งอินทรีย์ในสัตวนิกายทั้งหลาย
มรณะ คือ การตาย การแตกแห่งขันธ์ทั้งหลาย
ชาติ คือ การเกิด การบังเกิด
“เพราะภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ และเพราะภพดับ ชาติจึงดับ”
ภพ คือ ความเป็นสภาวะ (time & space) ในกามภพ รูปภพ และอรูปภพ
“เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ และเพราะอุปาทาดับ ภพจึงดับ”
อุปาทาน คือ ความยึดมั่นในกาม ในทิฏฐิ ในศีล–วัตร และในวาทะของตน
“เพราะตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน และเพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ”
ตัณหา คือ ความทะยานอยากในสัมผ้สทั้ง 5 แบ่งเป็น กามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา
“เพราะเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา และเพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ”
เวทนา คือ ความรู้สึกที่เกิดจากตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.