ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไต้หวันเติบโตในอัตราที่น่าตื่นตะลึง ผู้ผลิตรถยนต์เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ต่อเนื่อง และผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ Hotai และ Yulon ยังได้แถลงว่าจะยังคงขยายโครงข่าย "เครื่องชาร์จ" และสถานีชาร์จ คนในวงการชี้ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะไม่เพียงเพิ่มความร้อนให้กับห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังก่อให้เกิดสงครามตลาดเครื่องชารจ์ไฟฟ้าระลอกใหม่อีกด้วย  "การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า" กลายเป็นธุรกิจเกิดใหม่ ใครก็ตามที่ขยายโครงข่ายที่สมบูรณ์ที่สุดได้ ในเวลาอันสั้นที่สุด ก็ได้กำไรก่อน

   ในขณะเดียวกันรถยนต์หรูพากันวางตลาดจำหน่ายรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ต่อเนื่อง จะผลักดันยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเท่าตัว สงครามรถยนต์ไฟฟ้าระดับหรูกำลังร้อนแรง BMW, Mercedes-Benz, Lexus, Porsche และ Tesla ต่างก็มีรถยนต์ใหม่แข่งขันกันในตลาดและมีคำสั่งซื้อไม่สิ้นสุด คนในวงการคาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าหรูรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ต่างๆ จะขับเคลื่อนการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในปีนี้ ปริมาณการขายเพิ่มเท่าตัว และสัดส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าจะท้าทาย 10% ในปีหน้า 2024 สร้างโอกาสทางธุรกิจ 1 แสนล้านเหรียญไต้หวัน

   อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพและเภสัชกรรมของไต้หวันมีข้อได้เปรียบหลายประการ ไต้หวันมีสภาพแวดล้อมที่ดี การรักษาพยาบาลและบุคลากรมีคุณภาพสูง เทคโนโลยีชีวภาพ อุตสาหกรรม ICT ห้องปฏิบัติการมีความทันสมัย ฯลฯ ไต้หวันมุ่งเน้นการพัฒนายาที่มีความแม่นยำ สร้างนวตกรรม และระบบการแพทย์อัจฉริยะ ตั้งเป้าผลผลิตของชีวการแพทย์จะทะลุผ่านจาก 600,000 ล้านเหรียญไต้หวัน เข้าสู่ ล้านล้านเหรียญไต้หวันในไม่ช้า

   ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพไว้ในแผนอุตสาหกรรมใหม่ 5+2 และอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์หลัก 6 แขนง กระทรวงต่างๆ ทำงานร่วมกัน งบประมาณด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของกระทรวง วิทยาศาสตร์ ในปี 2023 นี้มีมูลค่ามากกว่า 13,000 ล้านเหรียญไต้หวัน โดยมีเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเป้าหมายหลัก กระทรวงเศรษฐการได้แก้ไข "รัฐบัญญัติการพัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพและเภสัชกรรม" เพื่อรวมเวชศาสตร์ฟื้นฟู เวชศาสตร์แม่นยำ และดิจิทัล ยาและส่งเสริมรูปแบบธุรกิจ สัญญาการพัฒนาและการผลิตโดยองค์กร (CDMO) ทางด้านคณะกรรมการกำกับดูแลทางการเงิน กำหนดแผนนวตกรรม และแผนเชิงกลยุทธ์ ส่งเสริมทำให้ตลาดทุนเป็นมิตรกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพมากขึ้น ส่วนกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการได้สร้างสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบทางการแพทย์เอื้อต่อการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์เทคโนโลยีชีวภาพ

   "ตารางเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงในหนังสือชี้แจงผลกระทบสิ่งแวดล้อมของแผนพัฒนาการฉีดก๊าซในหลุมก๊าซภูเขาเถี่ยจัน (鐵砧山)" เสนอโดยบริษัท ไชน่า ปิโตรเลียม ผ่านการพิจารณาในวันที่ 25 กรกฎาคม 2023 มีแผนจะฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงในบ่อน้ำมันที่ถูกทิ้งร้างภูเขาเที่ยจัน นักวิชาการเชื่อว่าบ่อน้ำมันที่ถูกทิ้งร้างมีความเหมาะสมที่จะเป็นสถานที่ทดลองการกักเก็บคาร์บอน ซึ่งจากการประเมินศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอน เก็บได้มากถึง 50,000-60,000 ล้านตัน เมื่อเทียบกับการประเมินของสภาพัฒนาแห่งชาติ ที่คาดว่าจะต้องกักเก็บคาร์บอน 40 ล้านตัน ในปี 2050 ถือว่ามีความเพียงพอ

   บ. ไชน่า ปิโตรเลียม(China National Petroleum Corporation：CNPC）จะใช้เขตพัฒนาก๊าซธรรมชาติ ภูเขาเถี่ยจัน ที่ตั้งอยู่ในเขตต้าเจี่ยของนครไทจง มีพื้นที่ประมาณ 1.025 เฮกตาร์ เพื่อเจาะหลุมฉีดคาร์บอนไดออกไซด์ลึก 1.85 กิโลเมตร และจะเริ่มทดสอบการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ขนาดเล็กก่อน โครงการ 3 ปี คาดว่าจะฉีดคาร์บอนไดออกไซด์ 100,000 ตันต่อปี โดยมีปริมาณการฉีดรวม 300,000 ตัน

   เว่ยกั๋วเอี้ยน (魏國彥) อดีตผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า แผนการทดลองกักเก็บคาร์บอนที่คล้ายกันนั้นมีการวางแผนไว้เมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว แต่เกรงว่าอาจจะระเบิดและรั่วไหล สาธารณชนตื่นตระหนก จึงไม่สามารถดำเนินต่อไป ส่งผลให้เทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอนของไต้หวันล่าช้าไป 10 ปี ทั้งนี้ ภูเขาเถี่ยจัน เป็นแหล่งน้ำมันร้าง ในอดีตมีน้ำมันและก๊าซ ขณะนี้ถูกดูดออกไปหมดแล้ว การนำมากักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ มีความปลอดภัยมาก ตอนนี้เป็นเพียงการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กลับคืนเข้าไป คล้ายกับที่ธรรมชาติกักเก็บเดิม หากความลึกเพียงพอ อาจทำให้กลายเป็นของเหลวหรือแม้กระทั่งทำให้ตกผลึกเก็บไว้ได้ ส่งผลให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 สามารถบรรลุผล ผ่านเทคโนโลยีการกักเก็บคาร์บอน อย่างไรก็ตาม ไต้หวันมีแผ่นดินไหวและรอยเลื่อนหลายแห่ง สภาพแวดล้อมทางธรณีวิทยาจะต้องได้รับการประเมินเพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนของคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำใต้ดินที่เกิดจากแผ่นดินไหวขนาดเล็ก รัฐบาลจะต้องควบคุมและกำกับดูแลด้วย

   หลินเตี้ยนซุ่น (林殿順) ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการกักเก็บคาร์บอนและความร้อนใต้พิภพของมหาวิทยาลัยจงยัง (National Central University) กล่าวว่า พื้นที่ภูเขาเถี่ยจันค่อนข้างมั่นคง ในภาวะที่แหล่งน้ำมันที่ถูกทิ้งร้างที่คล้ายกันมีเพียงไม่กี่แห่งในไต้หวัน ไต้หวันอาจพิจารณาวิธีการกักเก็บไว้ใต้ "ชั้นน้ำเกลือ" ที่ระดับความลึกเกินกว่า 800 เมตร คาร์บอนไดออกไซด์จะกลายเป็น "สภาวะวิกฤตยิ่งยวด" ซึ่งจะต้องหาชั้นหินที่มีช่องว่าง และสามารถปิดผนึก นอกจากนี้ เขายังกล่าวด้วยว่าพื้นที่บนบกและทางทะเลของไต้หวันมีศักยภาพสูง ประมาณการคร่าวๆ มีพื้นที่จัดเก็บคาร์บอนประมาณ 5 หมื่นล้านตันถึง 6 หมื่นล้านตัน และการประเมินโดยละเอียดยังมีอยู่ที่ 1 – 2 หมื่นล้านตัน ปัจจุบัน สภาพัฒนาแห่งชาติมีแผนจัดเก็บ 40 ล้านตันในปี 2050  ถือว่าเพียงพอ

   สวีกวงหรง (徐光蓉) กรรมการบริหาร กลุ่มคุณแม่ปฏิบัติแก้ไขสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงกล่าวว่า ในอดีตมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในธรรมชาติธรรมชาติรั่วไหลจำนวนมากที่ทะเลสาบไนออส(ทะเลสาบมรณะ) ในแคเมอรูน แอฟริกา  จากการที่ภูเขาไฟมีการปะทุในลักษณะการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไหลรั่วลงน้ำและอากาศรอบบริเวณภูเขาไฟ จนเป็นเหตุให้มีการตายหมู่ของผู้คนและสัตว์กว่าหลายพันชีวิต ดังนั้น ขอแนะนำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรทำหน้าที่ติดตามผลการทดลอง เมื่อเกิดการรั่วไหล ต้องดำเนินมาตรการอพยพคนรอบข้าง เป็นต้น

   เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2023 เวลา 06:49 น. ที่ "ฐานปล่อยจรวดเพื่อการสำรวจอวกาศระยะสั้น" ซึ่งอยู่ในความดูแลของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีการทดสอบยิงจรวด Jessie ที่ฐานยิงจรวดซวี่ไห่ (屏東旭海) นับเป็นการออกแบบโครงสร้างทางวิทยาศาสตร์ด้านน้ำหนักบรรทุก และวัสดุผสมของตัวจรวด และยังเป็นครั้งที่สองของมหาวิทยาลัยตั้นเจียง (Tamkang University) ที่มีการทดสอบยิงจรวด กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ แถลงว่าโครงการวิจัยพัฒนาจรวดได้รับการสนับสนุนจากศูนย์อวกาศแห่งชาติไต้หวัน（Taiwan Space Agency:TASA）เพื่อการบ่มเพาะบุคคลากรด้านอวกาศเพิ่มขึ้นและส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของไต้หวัน

ม. ตั้นเจียง ประสบความสำเร็จในการยิงจรวด Jessie 

   เซียว ฟู่หยวน (蕭富元) คณบดี คณะวิศวกรรมการบินและอวกาศ มหาวิทยาลัยตั้งเจียง กล่าวว่า ม. ตั้งเจียง ประสบความสำเร็จในการยิงจรวดที่วิจัยพัฒนาเองครั้งแรก Tamkang-1 ในเดือนมิถุนายน 2023 เป็นสิ่งพิสูจน์ความสามารถในการพัฒนาจรวดและการผสานระบบ ตลอดจนระบบการสื่อสารและระบบรีโมท เซ็นเซอร์ ทำงานอย่างถูกต้อง เป็นรากฐานที่ดีในการพัฒนาจรวจลูกที่สอง คือ Jessie ซึ่ง เป็นจรวดท่อนเดียวที่ใช้สารขับเคลื่อนแบบแข็ง RNX ที่พัฒนาขึ้นใหม่ จากการคำนวณในห้องปฏิบัติการ มีเป้าหมายการยิงไปที่ความสูง 3.7 กิโลเมตร หลังจากนำข้อมูลสภาพอากาศบริเวณฐานปล่อยจรวดป้อนเข้าไปแล้ว เป้าหมายกำหนดไปที่ความสูง 4.2 กิโลเมตร ประสบความสำเร็จราบรื่น

ม. ตั้นเจียง ประสบความสำเร็จในการยิงจรวด Jessie 

   จรวด Jessie มีน้ำหนักรวม 42 กิโลกรัม ความยาวรวม 2.87 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุด 13 เซนติเมตร สามารถพุ่งขึ้นได้สูงถึง 4.2 กิโลเมตร ด้วยแรงขับเฉลี่ย 2,164 นิวตัน และแรงขับสูงสุด 2,898 นิวตัน ระยะเวลาการเผาไหม้ 7 วินาที และแรงดันรวมประมาณ 15,000 นิวตัน/วินาที

ม. ตั้นเจียง ประสบความสำเร็จในการยิงจรวด Jessie 

   อู๋จงซิ่น (吳宗信) ผู้อำนวยการ TASA กล่าวว่าเพื่อเติมเต็มช่องว่าง ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมการขนส่งด้านอวกาศของไต้หวัน TASA ได้เริ่มโครงการพัฒนาจรวดเข้าสู่วงโคจรในปีนี้ ด้วยการสนับสนุนของกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ และยังได้ส่งเสริมโครงการวิจัยพัฒนาจรวดสำหรับวงการนักวิชาการ เสริมศักยภาพนักวิชาการในการพัฒนาจรวดและบ่มเพาะบุคคลากร

   อุตสาหกรรมเคมีกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงภายใต้กระแสเรียกร้องการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ ศต. หูหวี้เฉิง(胡育誠)คณะวิศวกรรมเคมี ม. ชิงหัว National Tsinghua University นำทีมพัฒนาเทคโนโลยีการแก้ไขยีนเพื่อเปลี่ยนยีสต์ให้กลายเป็นกรดไดคาร์บอซิลิกห่วงโซ่ปานกลาง (Medium-chain dicarboxylic acids) ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการผลิตไนลอนที่มีมูลค่าสูงในลักษณะมลพิษต่ำ เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตของไต้หวันที่สำคัญ ได้ยื่นขอจดสิทธิบัตรในหลายประเทศ และจะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการผลิตเชิงพาณิชย์ในอนาคต

   วันที่ 6 กันยายน 2023 กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแถลงข่าวเกี่ยวกับความสำเร็จทางวิชาการ ศต. หูอวี้เฉิง  กล่าวว่า ในบรรดาวัตถุดิบสำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60% ของวัสดุ จะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมเคมีเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญของไต้หวัน อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมเคมีมีพื้นฐานมาจากปิโตรเลียม กระบวนการผลิตมีการใช้พลังงานสูงและปล่อยก๊าซคาร์บอนสูง ในปัจจุบัน เกิดกระแสเรียกร้องการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ การผลิตโดยใช้จุลินทรีย์ เปลี่ยนแปลงสารเคมี เป็นการผลิตใช้พลังงานต่ำและการปกป้องสิ่งแวดล้อม เป็นหนทางเปลี่ยนแปลงยกระดับการผลิตได้

   ด้วยการถือกำเนิดของเทคโนโลยีการแก้ไขยีน CRISPR หรือที่รู้จักกันในชื่อ "กรรไกรวิเศษตัดแต่งยีน" ศต. หู ชี้ว่าเขาใช้มันเพื่อควบคุมเส้นทางเมแทบอลิซึมของจุลินทรีย์ ทำให้จุลินทรีย์สามารถผลิตสารชีวเคมีที่ไม่สามารถเกิดขึ้นเองในธรรมชาติ เช่น การใช้เทคโนโลยี CRISPR แก้ไขยีน สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (blue-green algae หรือ cyanobacteria) ทำให้สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ เปลี่ยนเป็นชีวเคมี เช่น กรดซัคซินิก

   โดยที่วัตถุดิบที่สำคัญสำหรับการผลิตไนลอนคือ กรดคาร์บอซิลิก "Medium-chain dicarboxylic acids" ศต. หู กล่าวด้วยว่า เขาและทีมงานดำเนินการผ่านมา 3 ปี พัฒนาเทคโนโลยีการตัดต่อแก้ไขยีนของยีสต์ เพื่อให้ผลิตกรดไดคาร์บอซิลิก ได้ประสบความสำเร็จแล้ว เป็นการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่สำคัญของไต้หวัน ผลผลิตของ กรดไดคาร์บอซิลิกที่ผลิตทัดเทียมกับผู้ผลิตชั้นนำของโลก นอกจากนี้ ทีมงานยังกำลังพัฒนาขั้นตอนการทำให้บริสุทธิ์และการตรวจสอบยืนยัน ปัจจุบันมีการยื่นขอสิทธิบัตร 3 ฉบับในไต้หวัน สหรัฐอเมริกา จีน และวิทยานิพน์ที่เกี่ยวข้องได้รับการตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติชั้นนำอีกด้วย กำลังร่วมมือและลงทุนในการจัดตั้งห้องปฏิบัติการ ทีมงานจะทำการลดเวลาขั้นตอนการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพ

   คดีค้างในศาลของไต้หวันยังคงอยู่ในระดับสูง สภาตุลาการไต้หวันได้สร้างระบบการเขียนคำพิพากษาด้วย AI จะเริ่มใช้งานในเดือนกันยายน โดยในระยะแรก จะให้เขียนคำพิพากษาคดีอาญา 2 ประเภท ได้แก่ การเมาแล้วขับ และบัญชีม้า เหตุผล คือคดีทั้งสองประเภทนี้ไม่ซับซ้อน เป็นอาชญากรรมข้อหาเดียว ไม่ค่อยมีข้อโต้แย้ง ในอนาคต AI จะเขียนร่างคำพิพากษาซึ่งประกอบด้วยหัวข้อเรื่อง ระดับความผิด ข้อเท็จจริง เหตุผล และข้อบัญญัติทางกฎหมาย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดคดี ส่วนประเด็นหลัก เช่น การระบุข้อเท็จจริง การอ้างอิงกฎหมาย และการตัดสินโทษ ผู้พิพากษาจะยังคงตัดสินเอง

   ซู รั่วหลง (蘇若龍) ประธานเนติบัณฑิตยสภา ยกตัวอย่างจำนวนคดีใหม่ที่ศาลแขวงไทจง มีจำนวนสูงที่สุดในไต้หวัน การใช้ AI ในการเขียนคำพิพากษาสามารถลดภาระของผู้พิพากษาได้อย่างมาก เป็นเรื่องที่ดี อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงและสถานการณ์เฉพาะของแต่ละกรณีอาจไม่เหมือนกัน AI สามารถพิจารณาโดยละเอียดหรือไม่ จะต้องมีการพิจารณา และผู้พิพากษาเชื่อถือ AI มากเกินไปอาจเกิดผลเสีย

   ซู รั่วหลง เชื่อว่ารัฐธรรมนูญปกป้องการพิจารณาคดีโดยอิสระของผู้พิพากษา เพราะเชื่อว่าผู้พิพากษาจะตัดสินอย่างถูกต้อง ระบบ AI จะถูกเพิ่มเข้ามาในอนาคตเพื่อแทนที่การตัดสินของมนุษย์โดยสมบูรณ์และมีความแม่นยำสูงเพียงพอหรือไม่ จะต้องรอให้มีการใช้งานก่อน จึงจะรู้ และจะต้องอัปเดตฐานข้อมูลตลอดเวลา ไม่เช่นนั้น เมื่อคำตัดสินของ AI เบี่ยงเบนไปจากการปฏิบัติก็อาจส่งผลกระทบต่อศักดิ์ศรีของตุลาการได้

   แหล่งข่าวผู้พิพากษาให้ความเห็นว่า การป้อนตัวเลือกพื้นฐานที่จำเป็นให้แก่ AI เพื่อร่างคำตัดสิน จะช่วยประหยัดเวลาได้มาก และยังเป็นการ "กำหนดมาตรฐานการพิจารณาคดี" ด้วย เนื่องจากผู้พิพากษาแต่ละคนมีข้อพิจารณาที่แตกต่างกันจึงมักมีข้อโต้แย้งว่าโทษเบาเกินไปหรือหนักเกินไป การใช้การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ในการพิจารณาคดีจะช่วยเพิ่มความไว้วางใจต่อกระบวนการตุลาการได้

   นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรมยังได้สร้างระบบรู้จำคำพูดด้วย AI ซึ่งมีคำศัพท์เฉพาะขององค์กรอัยการและกฎหมาย ซึ่งสามารถแปลงคำพูดเป็นอักษรได้ทันทีในกระบวนการสอบสวน และบันทึกชื่อผู้พูดโดยอัตโนมัติ บันทึกเนื้อหาการสอบปากคำได้ครบถ้วน ลดภาระเลขาฯ ในการพิมพ์หรือทำสำเนา เร่งประสิทธิภาพการพิจารณาคดีของศาลได้

   จงตงจิ่น (鍾東錦) ผู้ว่าการเมืองเหมียวลี่ได้เคยเสนอนโยบายสร้างเมืองอัจฉริยะในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าการ ขณะนี้ได้มีการผลักดันจัดการประชุมกำหนดกลยุทธ์เมืองอัจฉริยะครั้งแรกของเมืองเหมียวลี่ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2566 ทีมงานออกแบบและวางแผน เสนอแนวทาง ได้แก่ การขนส่ง การรักษาพยาบาล เกษตรกรรม การท่องเที่ยว และการบริหารราชการ จะผลักดันทีละขั้นตอนให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล

   จงตงจิ่นสั่งการให้สำนักงานผังเมืองรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง ได้ติดต่อมอบหมายสถาบันวิจัยที่มีศักยภาพโดย ผศ. ไล่อวี้เจิน (賴玉真) มหาวิทยาลัยเฟิงเจี่ย นำทีมจัดทำแผนเบื้องต้นของการก่อสร้าง

   จงตงจิ่น กล่าวด้วยว่า เมืองเหมียวลี่มีประเพณีและวัฒนธรรมที่น่าสนใจเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ปัจจุบันยังล้าหลัง 6 นครใหญ่ในแง่ของการสร้างเมืองอัจฉริยะ ในยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย การสร้างเมืองอัจฉริยะถือเป็นทิศทางการพัฒนาที่สำคัญ มีการมอบหมายทีมงานมืออาชีพที่ได้รับความไว้วางใจ  EasyMap Digital Technology Inc. (易圖科技公司) ทำหน้าที่เป็นทีมผู้บริหารเพื่อ มุ่งสู่เมืองอัจฉริยะ

   ม.ตงไห่(Tunghai University) แถลงข่าวในวันที่ 10 สิงหาคม 2023 ชี้ว่ากำลังเดินหน้าสนับสนุนให้ไต้หวันบรรลุเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2050 ด้วยการสร้าง "สวนอัจริยะความเป็นกลางทางคาร์บอน" ที่ใช้เทคโนโลยี AI ควบคุมการเพาะเลี้ยงสาหร่าย เพื่อดูดซับคาร์บอนนำไปสู่การบรรลุเป้าหมาย โดยมีการร่วมมือกับบริษัทด้านไบโอเทค จัดตั้งศูนย์กลางการวิจัยและการพัฒนา ทั้งนี้ จากสถิติระบุ การผลิตสาหร่ายขนาดเล็ก 1 กิโลกรัมจะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ 2 กิโลกรัม ประสิทธิภาพการกักเก็บคาร์บอนของสาหร่ายสูงกว่าของพืชสีเขียวบนบก 15 ถึง 20 เท่า กล่าวได้ว่า เป็นการลดคาร์บอนประสิทธิภาพสูง

   ลั่วหย่งเจี้ยน (駱永建) ศต.ภาควิชาเคมีและวิศวกรรมวัสดุแห่ง ม. ตงไห่ กล่าวว่านอกจากจะดูดซับคาร์บอนแล้ว สาหร่ายยังสามารถนำไปใช้เป็นอาหารปลาและปุ๋ยพืชได้อีกด้วย ปัจจุบันมีการเลี้ยงปลานิลกว่า 400 ตัว และปลูกผักต่างๆ เพื่อใช้สาหร่ายดูดซับคาร์บอน ผสานการปลูกพืชไร้ดิน การเลี้ยงปลา สร้างสวนอัจฉริยะ มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน  สร้างระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน

   จางเจียซิว (張嘉修) รองอธิบการบดีของ ม. ตงไห่ กล่าวว่า สวนสาธารณะปลอดคาร์บอนอัจฉริยะจะทำหน้าที่เป็นเขตสาธิตสำหรับองค์กรต่างๆ ไม่เพียงแต่ช่วยให้อุตสาหกรรมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน แต่ยังเชื่อมโยงองค์กรต่างๆ เพื่อสร้างอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนและสร้างวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยสีเขียว

    บริเวณโดยรอบ ม. ตงไห่ มีโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่ง จางเจียซิวกล่าวว่า การลดคาร์บอนอย่างยั่งยืนคือทิศทางในอนาคตแต่ยังมีผู้ผลิตจำนวนมากที่ไม่ทราบวิธีลดคาร์บอน สวนสาธิตคาร์บอนเป็นกลางแห่งนี้ ใช้สำหรับแนะแนวผู้ผลิต และบ่มเพาะบุคลลากรตามมาตรฐาน ISO14064-1 ตรวจสอบตามจุดสำคัญของการปล่อยคาร์บอนของผู้ผลิต จะมีคำแนะนำในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการประหยัดน้ำ การประหยัดพลังงาน และการลดคาร์บอนและกักเก็บคาร์บอน มุ่งไปสู่การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

   อุตสาหกรรมเครื่องจักรกลในไต้หวันเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญและเจริญก้าวหน้าเรื่อยมา ไต้หวันเป็นผู้ผลิตและส่งออกเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ทางเทคโนโลยีที่มีคุณภาพสูง โดยมีจุดเด่นคือ มีความเข้มแข็งในการพัฒนาเครื่องจักรกลที่มีคุณภาพสูงและนวัตกรรมทันสมัย ใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเช่น การควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ (CNC) และเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติ (Automation) มีการประสานการผลิตที่มีประสิทธิภาพมาก รวมถึงการพัฒนาเครื่องจักรกลประหยัดพลังงานลดก๊าซคาร์บอน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

   สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องมือเครื่องจักรและส่วนประกอบของไต้หวันเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสถิติการนำเข้าและส่งออกเครื่องมือเครื่องจักรในเดือนกรกฎาคม 2023 ไต้หวันส่งออกเครื่องมือกลมูลค่า 242 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.9% เทียบกับเดือนก่อนหน้า ตั้งแต่เดือนมกราคม – กรกฎาคม 2023 ตลาดส่งออกสำคัญ 10 ประเทศ แรกคือ  จีน (รวมฮ่องกง) สหรัฐอเมริกา ตุรกี อินเดีย เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ญี่ปุ่น เวียดนาม อิตาลี และไทย โดยเฉพาะรัฐบาลอินเดียผลักดันนโยบาย "ผลิตในอินเดีย" (Made In India) ทำให้ "ความต้องการของตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

   บริษัท Ericsson เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับแนวโน้มการใช้มือถือทั่วโลกในวันที่ 11 กรกฎาคม 2023 ชี้ว่า ปลายปี 2022 ผู้ใช้มือถือ 5G ทั่วโลกเกิน 1 พันล้านเลขหมาย คาดว่าปลายปี 2023 จะถึง 1,500 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้น 50% แพคเกจอินเทอร์เน็ตมือถือแบบบุปเฟต์ (เน็ตไม่อั้น) ของไต้หวันมีความแพร่หลาย ผลักดันให้การใช้อินเตอร์เน็ตผ่านเครื่องมือถือ เฉลี่ยต่อเดือน ต่อผู้ใช้เป็นอันดับหนึ่งของโลกที่ 31GB ถือว่า ไต้หวันเป็นหนึ่ง ในอีกรายการ ตอกย้ำชาวไต้หวันมีความต้องการสูงในการใช้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านเครื่องมือถือ จากการสำรวจของรัฐบาลยังแสดงให้เห็นว่า 46% ของผู้บริโภคชอบเล่นอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือแม้อยู่ที่บ้าน

   ในด้านความแพร่หลายของการใช้ระบบโทรคมนาคม 5G โจวต้าชี่ (周大企) ผู้จัดการทั่วไปของ Taiwan Ericsson วิเคราะห์แนวโน้มที่สำคัญที่สุด 3 ประการในตลาดการสื่อสารทั่วโลกในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ประการแรก แม้จะมีสถานการณ์ตึงเครียดจากสงครามยูเครน-รัสเซีย มีปัญหาความผันผวนพลังงาน และเงินเฟ้อ ผู้ใช้ 5G ยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว จะพุ่งถึงระดับผู้ใช้ 1,500 ล้านราย ในสิ้นปีนี้ ประการที่สอง ประเทศที่มีการใช้ระบบ 5G แพร่หลายนั้น รายได้จากโทรคมนาคมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งแตกต่างจากในยุค 4G ที่รายได้ลดลงอย่างสิ้นเชิง ประการที่สาม เมื่อมองบริการ 5G ของไต้หวันออกไปสู่ทั่วโลก จะเห็นได้ว่า ผู้ให้บริการโทรคมนาคมเกินกว่า 100 รายทั่วโลก ได้ทยอยให้บริการเครือข่าย FWA เช่นเดียวกับในไต้หวัน(5G Fixed Wireless Access หรื 5G FWAคือบริการที่ใช้ความสามารถของ 5G เพื่อตอบโจทย์การเชื่อมต่อขององค์กรแบบไร้สายให้ใกล้เคียงกับการเชื่อมต่อแบบมีสายดั้งเดิม ทั้งในรูปแบบการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและการเชื่อมต่อวงจรส่วนบุคคล)

   อัตราความแพร่หลาย ผู้ใช้ 5G ในไต้หวันเกิน 30% ในไตรมาสแรก และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% ภายในสิ้นปี 2023 นี้ ตามสถิติ ของคณะกรรมการสื่อสารแห่งชาติของไต้หวัน National Communications Commission (NCC) ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม Chunghwa Telecom มีผู้ใช้ 5G 2.7278 ล้านราย Far EasTone 5G ผู้ใช้ 1.9943 ล้านราย Taiwan Mobile 1.6978 ล้านราย และ Taiwan Star 724,000 ราย ส่วน Asia Pacific Telecom มี 324,000 ราย ครัวเรือน จำนวนผู้ใช้ 5G สะสมในไต้หวันสูงถึง 7.468 ล้านราย