กลางเดือนที่ผ่านมา (14 ก.ย.)
Sephora ได้ซีอีโอคนใหม่ Martin Brok
มาแทนที่ซีอีโอคนเดิม ที่อยู่ในตำแหน่งมาเกือบสิบปีอย่าง Chris De Lapuente
Martin Brok อายุ 53 ปี เป็นคนดัตช์ พูดได้ 5 ภาษา (อังกฤษ ดัตช์ เยอรมัน โปรตุเกส และแอฟริกัน) ผ่านการทำงานกับ Global Company (อย่าง Coca-Cola, Burger King, Nike, Starbucks) ในหลายทวีป โดยเฉพาะในยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และอเมริกา
เขาเริ่มงานที่ Coca-Cola จากงานดูแลลูกค้า (account executive) ในพื้นที่ จนขึ้นผู้จัดการเขต จากนั้นไปดูแลลูกค้าเบอร์เกอร์คิง เริ่มจากในอเมริกา ไปเอเชียแปซิฟิก และ ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา รวมอายุงาน 12 ปี 6 เดือน
ผลงานคงเข้าตาลูกค้าที่เขาดูแล เพราะ Burger King ดึงตัวเขาไปร่วมงาน ดูแลด้านแฟรนไชส์ ในยุโรปและตะวันออกกลาง (รวม 5 ปี 10 เดือน)
จากนั้นย้ายไป Nike (8 ปี 5 เดือน) ดูแล Nike Store ทั่วโลก ต่อด้วย Direct to Consumer ตำแหน่งสุดท้ายคือ VP Global Product and Merchandising Operations and Analytics
งานสุดท้าย ก่อนมา Sephora คือ Starbucks (4 ปี 6เดือน) ในตำแหน่ง president of Europe, the Middle East and Africa (EMEA)
“Brok มีพื้นเพคล้ายคลึงกับผม เขาเติบโตในเนเธอแลนด์ แต่ใช้ชีวิตใน 10 ประเทศ พูดได้ 5 ภาษา เป็นคนนานาชาติจริงๆ (very international)”
de Lapuente ซีอีโอคนก่อน ผู้เลือก Brok กล่าวกับ WWD สื่อในวงการแฟชั่นและความงาม
“เขาเป็นผู้นำที่สมดุลมาก (very balanced leader)
มีผลงานยอดเยี่ยม ทั้งในแง่ธุรกิจ ผู้คน และการพัฒนาองค์กร”
Brok มีคุณสมบัติครบ ตาม Sephora culture:
ที่สำคัญ เขามี ‘แพชชั่นในธุรกิจรีเทล’
Chris de Lapuente ซีอีโอที่ลงจากตำแหน่ง
เกิดปี 1962 ที่อังกฤษ จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยบัคกิ้งแฮม
เขาเริ่มงานกับ P&G (Procter & Gamble) ในปี 1983 และอยู่ต่อเนื่องยาวนาน 27 ปี
(จนมารับตำแหน่ง CEO ที่ Sephora)
เขาผ่านประสบการณ์ทำงานในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ สเปน ตุรกี เยอรมนี สวิสเซอร์แลนด์
ปี 2004 ในวัย 42 ได้ขึ้นตำแหน่งประธาน ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ P&G (ดูแล Hair Care division)
ตั้งแต่ปี 2007 เขาเป็น 1 ใน 8 Group President โดยดูแลกลุ่มธุรกิจ Global Hair Care ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ใน P&G
ปี 2011 เขาเข้าร่วมกับ LVMH ในฐานะซีอีโอของ Sephora และ คณะกรรมการบริหาร (Executive Committee) ของ LVMH
ปี 2015 เขาได้ขึ้นเป็น head of all LVMH Perfumes & Cosmetics brands (ยกเว้นแค่ Parfums Christian Dior)
ปี2020 แม้เขาจะไม่ได้เปนซีอีโอแล้ว แต่ยังดูแล Sephora ต่อไป
“ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Sephora ได้โตขึ้น 3 เท่า ทั้งยอดขายและผลกำไร” de Lapuente กล่าว
แม้จะไม่ยอมเผยตัวเลข แต่แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมประเมินว่ายอดขาย Sephora ในปี 2019 น่าจะใกล้ๆ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
Bernard Arnault ประมุขแห่งเครือ LVMH (เจ้าของ Sephora) ขอบคุณ de Lapuente ที่ช่วยสร้าง Sephora ให้เป็น ‘หนึ่งในแบรนด์ค้าปลีกที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ซึ่งมีวัฒนธรรมไม่เหมือนใคร และองค์กรที่แข็งแกร่ง’
“ภายใต้การนำของเขา Sephora ได้ผงาดขึ้นเป็น
‘ค้าปลีกความงามระดับโลกที่แท้ทรู เพียงหนึ่งเดียว’
(the only truly global beauty retailer)
และสถาปนาตนเองเป็น ‘ผู้นำนวัตกรรมแห่งวงการ’
(industry’s foremost innovator)”
"หลักไมล์นี้ เป็นช่วงเวลาที่ดีที่ได้ทบทวนว่าเราอยู่ตรงจุดไหนแล้ว”
2-3 ปีหลังมานี้ de Lapuente ได้รับมอบหมายให้ดูแลกิจการอื่นในเครือ LVMH นอกเหนือจาก Sephora ด้วย
เช่น ห้างสรรพสินค้า Le Bon Marché และอีกหลายแบรนด์ในแผนกน้ำหอมและเครื่องสำอาง
เขาคิดมาสักพัก ว่าหาก Sephora จะโตขึ้นเป็นเท่าตัว ต้องมี full-time CEO
“ด้วยขนาดของ Sephora สาขาที่มีทั่วโลก และความซับซ้อนของธุรกิจรีเทล Sephora ควรมีซีอีโอที่โฟกัสเต็มร้อย เหมือนช่วงหกปีแรกของผม”
ในจดหมายที่เขียนถึงพนักงาน Sephora กว่า 35,000 ชีวิต de Lapuente กล่าวว่า การเปลี่ยนตัวผู้บริหารครั้ง นี้ จะเติมเชื้อไฟให้กับนวัตกรรมของ Sephora และเร่งเครื่องสู่การเป็น ‘the world’s most loved beauty community’
https://web.facebook.com/maXkinupdate